- Details
- Category: คลัง
- Published: Saturday, 06 September 2014 22:31
- Hits: 2797
'สมหมาย'รอถกครม.ชุดใหม่-ก่อนแถลงนโยบาย 12 กย. พร้อมกระตุ้นศก.ทันที
แนวหน้า : รมว.คลังคนใหม่เข้ากระทรวงฯวันแรก เล็งใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่’จักรมณฑ์’ห้ามเจ้าหน้าที่เรียกสินบนจากโรงงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กระทรวงการคลัง ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 กย. 2557 นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้เดินทางมาถึงกระทรวงการคลัง พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนจะลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายสมหมาย กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือนโยบายอื่นๆหลังเข้ารับตำแหน่งนั้นต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายกับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ก่อน หลังจากนั้น กระทรวงการคลังจะเร่งออกมาตรการออกมาดูแลเศรษฐกิจทันที ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวถือเป็นเรื่องไม่น่าหนักใจ เป็นวัฏจักร หรือวงจรทางเศรษฐกิจที่เมื่อลงก็ทำให้ขึ้นได้ โดยในวันที่ 9 ก.ย.2557 นายกรัฐมนตรีเรียกหารือ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ เพื่อแจกแจงนโยบายที่จะดำเนินการ
ในส่วน การทำงานของกระทรวงการคลัง ต้องมีการคิดใหม่หรือมีการปฏิรูป โดยเฉพาะกรมภาษีจะต้องดูแลผู้เสียภาษีอย่างใกล้ชิด ให้มีการเสียภาษีให้ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ไปบังคับข่มขู่ให้ผู้ที่เสียภาษีมาเสียภาษี โดยหากผู้ที่เสียภาษีร้องเรียน รมว.คลัง ว่าถูกข่มขู่จากการเก็บภาษี ทางคลังจะดำเนินการลงโทษทันที
“ผมมีประสบการณ์การทำงานในกระทรวงการคลัง รู้จักข้าราชการในกระทรวงเป็นอย่างดี แต่ที่ผ่านมา 6-7 ปี อยู่ข้างนอกเป็นภาคเอกชน มองกลับเข้ามาที่กระทรวงการคลังเห็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกมาก ซึ่งช่วงเวลาปีกว่าที่จะทำงาน เชื่อว่าจะปฏิรูปกระทรวงการคลังได้มาก ซึ่งต้องทำให้กระทรวงการคลังดีขึ้นมันคงขึ้น” นายสมหมาย กล่าว
นอกจากการการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการปฏิรูปด้านภาษีแล้ว ยังต้องมีการบริหารเงินกู้ให้มีประสิทธิภาพ เพราะต้องมีการกู้เงินเพื่อมาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก
รมว.คลัง กล่าวเพิ่มเติ่มว่า ในวันที่ 11 ก.ย.2557 จะเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting – ASEM) หรืออาเซม ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งจะใช้เวทีนี้เรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจกับนักลงทุนต่างประเทศ การเดินทางไปต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นรัฐมนตรีรายแรกๆ ของรัฐบาลนี้ที่เดินทางไปต่างประเทศ และหลังจากนี้มีแผนที่จะเดินทางไปร่วมประชุม ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งจะใช้ทุกเวทีสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทยกับนักลงทุนต่างประเทศ
ส่วนที่ กระทรวงอุตสาหกรรม วันเดียวกัน นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่าหลังการประชุมครม.นัแรก และจะเข้าทำงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ก.ย.นี้ หรือหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อ สนช. แล้ว โดยการทำงานจะเน้นตามนโยบายของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่มุ่งเน้น อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในการขอใบอนุญาตจาก ซึ่งนับจากนี้ไป เจ้าหน้าที่จะต้องไม่มีเรื่องการหาผลประโยชน์จากการขอใบอนุญาตตั้งโรงงาน
ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 2557หลังจากการแถลงนโยบายต่อ สนช. จะลงไปให้นโยบายกับอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ที่จะมีการประชุมที่พัทยา โดยนโยบายหลักๆ จะเป็นเรื่องของการปรับทัศนคติ แนวคิด การให้บริการประชาชน จากปัจจุบันที่ที่มีหน้าที่เพียงรอให้เอกชนเข้ามาขอใบอนุญาตและความช่วยเหลือต่างๆ มาเป็นการออกไปพูดคุยชักจูงให้เพิ่มการลงทุน
นายจักรมณฑ์ กล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำก็คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเข้าไปคุยในเรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ชายแดนอื่นๆทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) การเร่งรัดโครงการนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล และนิคมอุตสาหกรรมยางครบวงจร ที่ อ.ฉลุง จ.สงขลา
นอกจากนี้ จะเร่งรัดการออกใบอนุญาตต่างๆ โดยเฉพาะใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ( ร.ง.4) ซึ่งที่ผ่านมา คสช.ได้แก้ไขลดระยะเวลาในการออกใบอนุญาตไปบางส่วนแล้ว แต่ทั้งนี้ สนช. อยู่ระหว่างการพิจารณาออกกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายกลางที่ควบคุมการออกใบอนุญาตต่างๆ ของหน่วยราชการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยให้รัฐมนตรีทำหน้าที่เพียงการออกนโยบายเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐมนตรีทำหน้าที่ทั้งในเรื่องการออกใบอนุญาต และการอุทธรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
สำหรับ การแก้ไขปัญหาการปล่อยมลพิษของโรงงานอุตสาหกรรม หลังเข้ารับตำแหน่งจะเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวดมากเป็นอันดับต้นๆของโลก
นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า และให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
สมหมาย เร่งไขลาง ศก.ไทยฟื้น
บ้านเมือง : นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยถือฤกษ์ดี เวลา 10.09 น. ว่า นโยบายหลักๆ ที่ต้องการจะเน้นเป็นอันดับแรกๆ คือ การทำให้ข้าราชการของกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการในกรมจัดเก็บภาษี ทั้งกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร จะต้องรู้จักผู้เสียภาษีให้ดี โดยข้าราชการจะมองผู้เสียภาษีเหมือนที่ผ่านๆ มาไม่ได้ ต้องมองว่าผู้เสียภาษีเป็นอะไรที่พิเศษ เพราะหากกลุ่มคนเหล่านี้ไม่เสียภาษี ก็จะทำให้ไม่มีงบพัฒนาประเทศชาติ ข้าราชการก็ไม่มีเงินเดือน ดังนั้นจึงต้องมีความสุภาพต่อผู้เสียภาษี ต้องบริการ สร้างความใกล้ชิดกับผู้เสียภาษี
"ซึ่งเราก็ต้องมีมาตรการในการตรวจสอบการทำงานของข้าราชการในหน่วยงานจัดเก็บ ต่อไปจะทำใหญ่ทำโตต่อผู้เสียภาษีไม่ได้ ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวน ให้ตั้งเพียงแค่กล่องรับรายงานการทำหน้าที่จากประชาชนผู้ใช้บริการก็เพียงพอแล้ว ก็จะทำให้รู้ว่าพัฒนาระบบข้าราชการของกระทรวงการคลังไปได้แค่ไหนอย่างไร ซึ่งเราต้องเน้นที่การพัฒนาตรงนี้ ถึงจะดำเนินการทำงานร่วมกันได้ ส่วนงานอื่นๆ ก็ไม่น่าหนักใจ เรื่องเศรษฐกิจซบเซาก็ถือว่าไม่หนักใจ เพราะเป็นไปตามภาวการณ์ มีขึ้นและมีลง" นายสมหมาย กล่าว
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า ในส่วนของหลักการทำงานจะยึดทำให้ดีขึ้น โดยทำให้กระทรวงมั่นคง และให้ประโยชน์กับผู้เสียภาษีของประเทศให้มากที่สุด การที่จะทำงานให้ดีนั้น คนที่เลือกให้ตนมารับตำแหน่งนี้ส่วนหนึ่งคงเพราะเห็นว่าตนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ และรู้จักข้าราชการในกระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างดี แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อยของเหตุผล เพราะตนคิดว่าการที่ตนจะมานั่งตรงตำแหน่งนี้ก็จะต้องมีอะไรที่มากกว่าประสบการณ์แน่นอน ยืนยันว่าตนจะต้องคิดของใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชาติ ซึ่งก็ตรงกับการที่ประเทศกำลังเดินหน้าไปสู่การปฏิรูป
สำหรับ ในเรื่องของการระดมเงินทุนเพื่อสนับสนุนการเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในระยะต่อไปนั้น ยืนยันว่าจะต้องมีแน่นอน และจะเกิดเป็นมิติใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะถือว่าเรื่องหนี้สินและการลงทุนมีความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว
นอกจากนั้น ตนจะใช้โอกาสในการเดินทางไปร่วมประชุมกับเวทีต่างๆ ในระดับโลก เพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนชาวต่างชาติ เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อทำให้นักลงทุนเกิดความเข้าใจ และเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา
สมหมาย ลุยปฏิรูปกรมภาษี ประเดิมเดินสายเรียกเชื่อมั่น จักรมณฑ์ฟื้นศก.5จังหวัดใต้
ไทยโพสต์ * 2 เสนาบดีใหม่ฟิตจัด’สมหมาย’ ประเดิมร่วมประชุมรัฐมนตรีคลังเอเชีย-ยุโรปที่อิตาลี เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา ลุยปฏิรูปคลัง โดยเฉพาะกรมที่จัดเก็บภาษี เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลัง’บิ๊กตู่’แถลงนโยบายต่อ สนช.’จักรมณฑ์’ กางแผนปลุก ศก. 5 จังหวัดใต้ เร่งออก รง.4 ตัดอำนาจ รมต. เหลือแค่กำกับนโยบาย
นายสมหมาย ภาษี รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ว่า สัปดาห์หน้าจะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีคลังเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting - ASEM) ที่อิตาลี โดยไทยจะใช้เวทีนี้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจกับนักลง ทุนต่างประเทศกลับมา
"ผมเองถือเป็นรัฐมนตรีรายแรกๆ ของรัฐบาลนี้ที่เดินทางไปต่างประเทศ และหลังจากนี้มีแผนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมกับธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งจะใช้ทุกเวทีสร้างความ มั่นใจทางเศรษฐกิจของไทยกับนักลงทุนต่างประเทศ" นายสมหมายกล่าว
สำหรับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของกระทรวงการคลังนั้น คงต้องรอให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อน จากนั้นกระทรวงจะเร่งออกมาตรการออกมาดูแลเศรษฐกิจทันที
นายสมหมาย กล่าวว่า หลักปฏิบัติในการทำงานของกระทรวงการคลังหลังจากนี้ ต้องมีการคิดใหม่หรือมีการปฏิรูป โดยเฉพาะกรมภาษีจะต้องดูแลผู้เสียภาษีอย่างใกล้ชิดให้เสียภาษีให้ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ไปบังคับข่ม ขู่ให้ผู้ประกอบการมาเสียภาษี
"ผมมีประสบการณ์การทำงานในกระทรวงการคลัง รู้จักข้าราชการในกระทรวงเป็นอย่างดี แต่ที่ผ่านมา 6-7 ปี อยู่ข้างนอก เป็นภาคเอกชน มองกลับเข้ามาที่กระทรวงการคลัง เห็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกมาก ซึ่งช่วงเวลาปีกว่าที่จะทำงาน เชื่อว่าจะปฏิรูปกระทรวงการ คลังได้มาก ซึ่งต้องทำให้กระ ทรวงการคลังดีขึ้น มั่นคงขึ้น" นายสมหมายกล่าว
วันเดียวกัน นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประ จำกระทรวงอุตสาหกรรมเช่นกัน พร้อมทั้งกล่าวว่า สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำ คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะลงไปหารือถึงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ชายแดนอื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) การเร่งรัดโครงการนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล และนิคมอุตสาหกรรมยางครบวงจร ที่ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นอกจากนี้ จะเร่งรัดการออกใบอนุญาตต่างๆ โดยเฉพาะใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ซึ่งที่ผ่านมา คสช.ได้แก้ไข ลดระยะเวลาในการออกใบอนุญาตไปบางส่วนแล้ว แต่ สนช.อยู่ระหว่างการพิจารณาออกกฎหมายกลางที่ควบคุมการออกใบอนุญาตต่างๆ ของหน่วยราชการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
กฎหมายฉบับดังกล่าว จะโอนอำนาจการออกใบอนุญาตต่างๆ ให้มาอยู่ภายใต้อำนาจของ ข้าราชการประจำ และให้รัฐมน ตรีทำหน้าที่เพียงการออกนโย บายเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐมน ตรีทำหน้าที่ทั้งในเรื่องการออกใบอนุญาต และการอุทธรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติ ส่วนใหญ่มอง ว่า การที่ คสช.สามารถตั้งรัฐ บาลใหม่ได้ตามที่กำหนด ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน 100%.