- Details
- Category: คลัง
- Published: Friday, 02 February 2018 17:04
- Hits: 6145
คลัง เผยทุกหน่วยงานพร้อมดำเนินตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เริ่ม 1 ก.พ.61
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความพร้อมของการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ) ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ก.พ.61 ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้จัดเตรียมกลไกการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอไว้พร้อมแล้ว รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีความพร้อมสำหรับการรับแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศ ตลอดจนได้จัดเตรียมโครงการรองรับของกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ไว้แล้วเช่นกัน โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่างๆ แล้ว ประกอบด้วย
1) คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คนส.) (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 22/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2561)
2) คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.) (คำสั่งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ 1/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2561)
3) คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำจังหวัด (คอจ.) (คำสั่งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ 2/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2561)
2. ปลัดกระทรวงการคลังได้ประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อเตรียมการและซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารเชิงพื้นที่ ณ ห้องประชุมราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2561
3. ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ทยอยดำเนินการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอ และปลัดจังหวัดในฐานะเลขานุการ คอจ. เพื่อชี้แจงการดำเนินการและเตรียมการขับเคลื่อนมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ
4. หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ได้เร่งชี้แจงหลักการและการเตรียมการดำเนินการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ให้สาขา/หน่วยงาน สายกิจการสาขาในพื้นที่ทราบ และอยู่ระหว่างการจัดจ้างผู้ช่วยผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer : AO) และทำการอบรมการปฏิบัติงานให้ AO เพื่อร่วมปฏิบัติงานกับทีมหมอประชารัฐสุขใจ (ทีม ปรจ.) ที่มีผู้อำนวยการเขต/นายอำเภอ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
สำหรับ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ขอให้ดำเนินการดังนี้
1. การตรวจสอบสถานที่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานที่ในการแสดงความประสงค์ได้ที่ http://welfare2560.epayment.go.th/ ระบบจะแจ้งว่า ต้องไปติดต่อ ณ สาขาของ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือสถานที่ที่ผู้อำนวยการเขต (กรณีกรุงเทพมหานคร) หรือนายอำเภอ (กรณีจังหวัดอื่น ๆ) กำหนด ซึ่งเป็นเขตหรืออำเภอ ของ "ที่อยู่ปัจจุบัน" ที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560
2. สถานที่แสดงความประสงค์ ให้ไปแจ้งความประสงค์ ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการเขต/นายอำเภอกำหนด และสาขาของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ในเขต/อำเภอ ซึ่งเป็นเขต/อำเภอของ "ที่อยู่ปัจจุบัน" ที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560
ทั้งนี้ ในส่วนของกรุงเทพมหานครจะมีประกาศสำนักงานเขตแจ้งสถานที่ที่รับแจ้งความประสงค์ ณ สาขาของธนาคารออมสิน สาขาของ ธ.ก.ส. และสำนักงานเขต และเว็บไซต์ของสำนักงานเขต
3. เอกสารที่ต้องเตรียม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
4. ช่วงเวลาแจ้งความประสงค์ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถมาแสดงความประสงค์ได้ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2561
5. เอกสารที่จะได้รับภายหลังการแจ้งความประสงค์ เมื่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้กรอกข้อมูลลงในแบบแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ แล้ว จะได้รับเอกสาร (หางตั๋ว) 1 แผ่นเล็กโดยขอให้เก็บเอกสารนี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ
ทั้งนี้ ภายหลังจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้มาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ แล้ว ทีม ปรจ. เขต/อำเภอ จะมอบหมายให้ AO ดำเนินการสัมภาษณ์ข้อเท็จจริง ความประสงค์ (เช่น ทำงาน หรือฝึกอบรมที่ต้องการ) และให้คำแนะนำ/วางแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นรายบุคคลต่อไป ซึ่งกระบวนการสัมภาษณ์ทั้งหมดจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2561
รองโฆษกกระทรวงการคลัง ยังได้แจ้งเตือนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ขณะนี้มีผู้แอบอ้างการให้สิทธิในการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในลักษณะของการโทรศัพท์ไปแจ้งว่า ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายนั้นเป็นผู้โชคดีที่จะได้รับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และขอไปพบผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายนั้นที่บ้าน กระทรวงการคลังขอแจ้งว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ดังนั้นขอให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้ความระมัดระวัง และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารทางการจากหน่วยงานของรัฐเท่านั้น
ทั้งนี้ การได้รับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีสิทธิได้รับการเติมเงินทุกคนหากได้มาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ตามแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตรายบุคคลตามที่ได้ทำการตกลงไว้กับ AO อย่างครบถ้วน
ความพร้อมของการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความพร้อมของการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ) ที่จะเริ่มในวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้จัดเตรียมกลไกการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอไว้พร้อมแล้ว รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีความพร้อมสำหรับการรับแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศ ตลอดจนได้จัดเตรียมโครงการรองรับของกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ไว้แล้วเช่นกัน โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่างๆ แล้ว ประกอบด้วย
1) คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คนส.)(คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 22/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2561)
2) คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.)(คำสั่งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ 1/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2561)
3) คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำจังหวัด (คอจ.)(คำสั่งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ 2/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2561)
2. ปลัดกระทรวงการคลังได้ประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อเตรียมการและซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารเชิงพื้นที่ ณ ห้องประชุมราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2561
3. ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ทยอยดำเนินการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอ และปลัดจังหวัดในฐานะเลขานุการ คอจ. เพื่อชี้แจงการดำเนินการและเตรียมการขับเคลื่อนมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ
4. หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ได้เร่งชี้แจงหลักการและการเตรียมการดำเนินการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ให้สาขา/หน่วยงาน สายกิจการสาขาในพื้นที่ทราบ และอยู่ระหว่างการจัดจ้างผู้ช่วยผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer : AO) และทำการอบรมการปฏิบัติงานให้ AO เพื่อร่วมปฏิบัติงานกับทีมหมอประชารัฐสุขใจ (ทีม ปรจ.) ที่มีผู้อำนวยการเขต/นายอำเภอ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ขอให้ดำเนินการดังนี้
1. การตรวจสอบสถานที่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานที่ในการแสดงความประสงค์ได้ที่ http://welfare2560.epayment.go.th/
ระบบจะแจ้งว่า ต้องไปติดต่อ ณ สาขาของ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือสถานที่ที่ผู้อำนวยการเขต (กรณีกรุงเทพมหานคร) หรือนายอำเภอ (กรณีจังหวัดอื่น ๆ) กำหนด ซึ่งเป็นเขตหรืออำเภอ ของ “ที่อยู่ปัจจุบัน” ที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560
จากตัวอย่างในรูปด้านล่าง ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผู้นี้ต้องไปติดต่อ ณ ธนาคารออมสิน หรือ ธ.ก.ส. ภายในเขตอำเภอเมืองลพบุรี หรือสถานที่อื่น ๆ ที่นายอำเภอเมือง จังหวัดลพบุรีกำหนด
2. สถานที่แสดงความประสงค์ ให้ไปแจ้งความประสงค์ ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการเขต/นายอำเภอกำหนด และสาขาของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ในเขต/อำเภอ ซึ่งเป็นเขต/อำเภอของ “ที่อยู่ปัจจุบัน” ที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560
ทั้งนี้ ในส่วนของกรุงเทพมหานครจะมีประกาศสำนักงานเขตแจ้งสถานที่ที่รับแจ้งความประสงค์ ณ สาขาของธนาคารออมสิน สาขาของ ธ.ก.ส. และสำนักงานเขต และเว็บไซต์ของสำนักงานเขต
3. เอกสารที่ต้องเตรียม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
4. ช่วงเวลาแจ้งความประสงค์ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถมาแสดงความประสงค์ได้ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2561
5. เอกสารที่จะได้รับภายหลังการแจ้งความประสงค์ เมื่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้กรอกข้อมูลลงในแบบแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ แล้ว จะได้รับเอกสาร (หางตั๋ว) 1 แผ่นเล็กโดยขอให้เก็บเอกสารนี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ
ทั้งนี้ ภายหลังจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้มาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ แล้ว ทีม ปรจ. เขต/อำเภอ จะมอบหมายให้ AO ดำเนินการสัมภาษณ์ข้อเท็จจริง ความประสงค์ (เช่น ทำงาน หรือฝึกอบรมที่ต้องการ) และให้คำแนะนำ/วางแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นรายบุคคลต่อไป ซึ่งกระบวนการสัมภาษณ์ทั้งหมดจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2561
รองโฆษกกระทรวงการคลัง ได้กล่าวทิ้งท้ายเพื่อแจ้งเตือนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ขณะนี้ มีผู้แอบอ้างการให้สิทธิในการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในลักษณะของการโทรศัพท์ไปแจ้งว่า ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายนั้นเป็นผู้โชคดีที่จะได้รับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และขอไปพบผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รายนั้นที่บ้าน กระทรวงการคลังขอแจ้งว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ดังนั้น ขอให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้ความระมัดระวัง และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารทางการจากหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ทั้งนี้ การได้รับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีสิทธิได้รับการเติมเงิน ทุกคนหากได้มาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ตามแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตรายบุคคลตามที่ได้ทำการตกลงไว้กับ AO อย่างครบถ้วน
สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3509
ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2-ค่าฝากครรภ์ค่าคลอดจูงใจคนไทยมีลูกเพิ่ม
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการมีบุตร โดยอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร และ ร่างกฎกระทรวงออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลรัษฎากร คือ กำหนดให้ปรับเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่คนที่ 2 เป็นต้นไปของผู้มีเงินได้ หรือของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ซึ่งเกิดตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป โดยให้หักลดหย่อนได้เพิ่มอีก 30,000 ต่อคนต่อปีภาษี และให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี 61 ที่ต้องยื่นรายการในปี 62 เป็นต้นไป
ส่วนร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสามารถนำค่าฝากครรภ์หรือค่าคลอดบุตรไปหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราว แต่ไม่เกิน 60,000 บาท สำหรับค่าฝากครรภ์และค่าตลอดบุตรที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม สิทธิการหักลดหย่อนดังกล่าวให้เฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ หรือคลอดบุตรจากแหล่งอื่นๆ เช่น สิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ เป็นต้น
มาตรการดังกล่าวเพื่อจูงใจให้คนไทยมีบุตรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้มีรายได้และอยู่ในระบบภาษี และยังเป็นการสนับสนุนให้บุตรได้รับการเลี้ยงดูและเติบโตอย่างมีคุณภาพอันจะทำให้ประเทศไทยมีกำลังแรงงานที่มีคุณภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระยะยาว รวมทั้งยังเป็นการเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 2,500 ล้านบาท/ปี
อินโฟเควสท์