WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

14ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อตาม Sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นทั่วโลกหนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีทิศทางที่จะปรับตัวบวกต่อเนื่องจากวานนี้ที่ตลาดปรับตัวขึ้นทำสถิติปิดสูงสุดใหม่ในรอบ 24 ปี โดยยังได้รับ Sentiment เชิงบวกต่อเนื่องจาก
ตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ที่ปรับตัวอยู่ในแดนบวกเกือบทั้งหมด เงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองผลประกอบการบริษัทฯจดทะเบียนไทยในช่วงไตรมาส 4/60 อาจจะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ หลังจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
 
พร้อมให้แนวต้าน 1,790 จุด และ 1,800 จุด แนวรับ 1,771 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,922.68 จุด เพิ่มขึ้น 98.67 จุด (+0.40%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,713.06 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด (+0.64%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,065.53 จุด เพิ่มขึ้น 58.63 จุด (+0.84%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 308.79 จุด , ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 130.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 33.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.77 จุด ,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.15 จุด ,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 14.13 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ม.ค.61) 1,778.53 จุด เพิ่มขึ้น 24.82 จุด (+1.42%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,721.98 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 61.63 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ม.ค.61) ที่ 7.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.37 อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจากข้อมูลศก.สหรัฐดีเกินคาด
- ดัชนีหุ้นไทยเปิดวันแรกปี 61 พุ่งทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 1,778 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 2.7 พันล้าน บาท ดันบาทแข็งค่าสุด รอบกว่า 3 ปี "เกศรา" ระบุนักลงทุนเชื่อมั่นเศรษฐกิจ แนวโน้มกำไรบจ.แนะคัดหุ้นผลดำเนินงานดีลงทุน ด้านนักวิเคราะห์ชี้เป็นปรากฎการณ์แจนยัวรี่ เอฟเฟคท์ เตือนระวังแรงขายกองแอลทีเอฟ ขณะดัชนีหุ้นเอเชียปรับขึ้นถ้วนหน้า
- นายกรัฐมนตรี สั่ง ครม.เดินหน้า ช่วย"คนตัวเล็ก"รายได้น้อย ครม.ไฟเขียว โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ดึงที่ดินราชพัสดุ 8 แปลง พัฒนาที่อยู่อาศัยกว่า 2 พันยูนิต กำหนดราคาไม่เกิน 7 แสนสัญญาเช่า 30 ปี พร้อมจัด วงเงินสินเชื่อกว่า 4 พันล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านออมสิน -ธอส.โดยแยกบัญชีธุรกรรม นโยบายรัฐ ไม่นับเป็นเอ็นพีแอลจากการดำเนินงาน พร้อมดึงประกันสังคมลงขัน 5 พันล้านบาท
- แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มทุนจีนหลายรายต้องการเข้ามาพัฒนาที่ดินในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งหลายรายต้องการซื้อที่ดินแปลงขนาดใหญ่กว่า 2,000 ไร่ เนื่องจากเห็นโอกาสการลงทุนเพื่อรับสิทธิทางภาษี แต่ไม่สามารถหาซื้อที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว เพราะที่ดินมีจำกัดและราคาในบริเวณดังกล่าวมีการขยับขึ้น และหากซื้อที่ดินนอกพื้นที่ดังกล่าวอาจจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 พ.ย. 2560 มี 6.32 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 41.67% ของจีดีพี แบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4.95 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 9.56 แสนล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 3.97 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 1.16 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.86 หมื่นล้านบาท
- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ธ.ค. 2560 เท่ากับ 101.37 เพิ่มขึ้น 0.78% เทียบเดือน ธ.ค. 2559 เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แต่ลดลง 0.08% เทียบกับเดือน พ.ย. 2560 ส่งผลให้เงินเฟ้อทั้งปี 2560 เพิ่มขึ้น 0.66% เทียบกับเงินเฟ้อทั้งปี 2559
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) อยู่ระหว่างทบทวนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่เน้นการสนับสนุนรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เนื่องจากยุทธศาสตร์ที่จัดทำยังมีความเหลื่อมล้ำทางภาษีระหว่างรถยนต์ไฮบริดกับรถยนต์อีโคคาร์
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เปิดเผยว่าแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME รายย่อยในปี 2561 ธนาคารเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเป็นของขวัญปีใหม่ 2 ด้าน คือ 1.มาตรการด้านการเงิน ผ่านแพ็กเกจสินเชื่อวงเงินรวมกว่า 70,000 ล้านบาท และ 2.มาตรการช่วยเหลือและยกระดับผู้ประกอบการ ซึ่งการช่วยเหลือทั้งสองด้านจะลงลึกถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นฐานรากทั่วประเทศ
- นายกฯยันไทยเร่งคืนประชาธิปไตย เตรียมเดินหน้าเลือกตั้งปลายปีนี้ ชี้ ประธานองคมนตรี ติงใช้กองหนุนหมดไม่มีเจตนาร้าย ย้ำทหารไม่ใช่คู่ต่อสู้ทางการเมือง ด้าน "ประวิตร" สถานการณ์เงื่อนไขหลักเลือกตั้ง ขณะที่กต.สั่งสอบข้อเท็จจริงปมสถานทูตฟินแลนด์ โพสต์ชวนประชาชนเตรียมพร้อมเลือกตั้ง
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- LPN (เมย์แบงก์ฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท หลังยอด Presales และ Backlog แข็งแกร่ง
โดยปิดปี 60 ทำ Presales ได้ 16,109 ล้านบาท (+90% YoY) ใกล้เคียงกับคาด ใน Q4/60 ทำได้ 3,261 ล้านบาทและปี 60 เปิดโครงการทั้งหมด 14,000 ล้านบาท ด้วยยอดที่แข็งแกร่งทำให้ Backlog สะสมมากถึง 7,391 ล้านบาท บันทึกในปี 61 เท่ากับ 5,869 ล้านบาท (79%) และบันทึกในปี 62 เท่ากับ 1,522 ล้านบาท (21%) เชื่อปีนี้จะเป็นหุ้นหนึ่งที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นสุด และ 2 โครงการที่ล่าช้าจาก Q4/60 มา Q1/61 จะทำให้ทิศทางผลงานปีนี้เด่นตั้งแต่ตั้งต้นปีและแกร่งที่สุดใน Q4/61 โดยรวมทั้งปีมี Secured Revenue แล้ว 48% บนฐานของรายได้ที่คาดจะฟื้นตัว 18%
- ROBINS (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ"ให้มูลค่าเหมาะสมเฉลี่ยที่ 82.9 บาท ราคาหุ้นยัง Laggard ค้าปลีกอื่น เช่น CPALL HMPRO BJC แนวโน้มกำไร Q4/60 โดดเด่นจากการบริโภคเร่งตัวและมาตรการภาครัฐยังหนุน แนวโน้มโอกาสที่ SSSG จะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกใน Q4/60 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกในรอบปีสูงเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก และ Q3/60 SSSG ติดลบเพียง 0.1% และการเข้าสู่ช่วง High Season วันหยุดยาวและการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น
- EWR (ดีบีเอสฯ) แนะ"ซื้อ"ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 10.50 บาท จากเดิม 7.70 บาท จุดเด่นคือทำแต่ธุรกิจโรงแรมในประเทศเพียงอย่างเดียว จึงได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มที่ ครม.เพิ่งอนุมัติลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดภายในปี 61 โดยโรงแรม HOP INN ตั้งอยู่ในเมืองรองหลายจังหวัด รายได้เฉลี่ยต่อห้องตั้งแต่ 1 ต.ค.-21 ธ.ค.60 แข็งแกร่งเป็น 6% ไม่นับรวม HOP INN อัตราการเข้าเช่าสูงเป็น 82% เพิ่มขึ้น 5% ส่วนธุรกิจที่ดีคือ โรงแรมแบบประหยัดโตสูงสุดแม้มีการปิดซ่อมบางส่วน JW Marriott กรุงเทพก็ตาม ด้าน HOP INN สัดส่วนรายได้ประมาณ 4% อัตราการเข้าเช่าสูงเป็น 78% เพิ่ม 3% ตั้งแต่ 1 ต.ค.-21 ธ.ค.60 อัตราค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 7% y-o-y คาดปี 63 สัดส่วน HOP INN เพิ่มเป็น 16%

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก รับวอลล์สตรีททำนิวไฮ หลังรายงานประชุมชี้เฟดหนุนขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป
        ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,073.73 จุด เพิ่มขึ้น 308.79 จุด, +1.36% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,691.71 จุด เพิ่มขึ้น 130.76 จุด, +0.43% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,502.50 จุด เพิ่มขึ้น 16.15 จุด, +0.65% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,476.43 จุด เพิ่มขึ้น 12.15 จุด, +0.35% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,834.58 จุด เพิ่มขึ้น 33.01 จุด, +0.31% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,795.56 จุด เพิ่มขึ้น 2.77 จุด, +0.15%
ส่วนดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,347.74 จุด ลดลง 0.59 จุด, -0.02% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,710.00 จุด ลดลง 14.13 จุด, -0.16%
รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 12-13 ธ.ค. 2560 ระบุว่า "กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ" รายงานการประชุมระบุ
โดยในการประชุมเฟดเดือนธ.ค. ที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2561
รายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดกลุ่มหนึ่งได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณดังกล่าว โดยระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้อาจเป็นการดำเนินการที่แข็งกร้าวเกินไป และอาจขัดขวางเป้าหมายการผลักดันเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับ 2% ของเฟด ขณะที่กรรมการเฟดอีกกลุ่มหนึ่งมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่เชื่องช้าเกินไป

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 23.01 จุด
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นซึ่งหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ตลาดยังได้อานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างเน็กซ์
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 23.01 จุด หรือ +0.30% ปิดที่ 7,671.11 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ภายหลังจากที่อังกฤษเปิดเผยข้อมูลภาคการก่อสร้างที่อ่อนแอ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ร่วงลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 53.1 ในเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 52.9
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.3518 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ จากระดับ 1.3589 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันอังคาร ซึ่งการอ่อนค่าของเงินปอนด์ได้หนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ราว 75% ของบริษัทเหล่านี้มาจากธุรกิจในต่างประเทศ
ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเน็กซ์ โดยบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าและเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่รายนี้เปิดเผยยอดขายช่วงเวลา 54 วันสิ้นสุด ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2017 พุ่งขึ้น 13.6% เมื่อเทียบรายปี โดยหุ้นเน็กซ์พุ่งขึ้น 6.7% ขานรับรายงานดังกล่าว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นทั้งกระดานตามทิศทางสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กและน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดลอนดอนที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในอิหร่านอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 1.4%
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นค้าปลีก,พลังงาน หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
        ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัทเน็กซ์ พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 389.43 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,978.21 จุด พุ่งขึ้น 106.82 จุด หรือ +0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,331.28 จุด เพิ่มขึ้น 42.68 จุด หรือ +0.81% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,671.11 จุด เพิ่มขึ้น 23.01 จุด หรือ +0.30%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น โดยหุ้นเน็กซ์ ทะยานขึ้น 6.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายช่วงเวลา 54 วันสิ้นสุด ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2560 พุ่งขึ้น 13.6% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่หุ้นเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นสเตนฮอฟฟ์ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งส์ ทะยานขึ้น 30%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กและตลาดลอนดอนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในอิหร่านอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 1.4%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารขยับลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในหุ้นกลุ่มดังกล่าว หลังจากสหภายุโรป (EU) ได้เริ่มบังคับใชเกณฑ์ MiFID II (Markets in Financial Instruments Directive II) เมื่อวานนี้ โดย MiFID II เป็นเกณฑ์การกำกับดูแลเพื่อลดความเสี่ยงในระบบ เพิ่มความโปร่งใสของตลาด และยกระดับการปกป้องนักลงทุน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 98.67 จุด รับรายงานประชุมเฟด,ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างที่พุ่งเกินคาดในเดือนพ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,922.68 จุด เพิ่มขึ้น 98.67 จุด หรือ +0.40% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,713.06 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด หรือ +0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,065.53 จุด เพิ่มขึ้น 58.63 จุด หรือ +0.84%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 12-13 ธ.ค. 2560 ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับจังหวะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2561
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ" รายงานการประชุมระบุ
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดกลุ่มหนึ่งได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณดังกล่าว โดยระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้อาจเป็นการดำเนินการที่แข็งกร้าวเกินไป และอาจขัดขวางเป้าหมายการผลักดันเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับ 2% ของเฟด ขณะที่กรรมการเฟดอีกกลุ่มหนึ่งมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่เชื่องช้าเกินไป
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 1.257 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนพ.ย.
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ดีดตัวสู่ระดับ 59.7 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 58.2 ในเดือนพ.ย. โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 58.2
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.1% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นไมโครซอฟท์ ขยับขึ้น 0.47% ส่วนหุ้นไอบีเอ็ม ทะยานขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทอาร์บีซีปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของบริษัท สู่ระดับ "outperform"
หุ้นออราเคิล พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของบริษัท สู่ "overweight" โดยระบุว่า ราคาหุ้นออราเคิลที่อยู่ในระดับต่ำในขณะนี้ ช่วยสร้างโอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้นจากแรงหนุนของผลประกอบการ
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 0.8% และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายประจำเดือนธ.ค.
หุ้นมันนี่แกรม อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ บริษัทผู้ให้บริการด้านการโอนเงินของสหรัฐ ร่วงลง 9% หลังจากคณะกรรมาธิการตรวจสอบการลงทุนจากต่างประเทศของสหรัฐ (CFIUS) มีมติคัดค้านข้อเสนอวงเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ของบริษัทแอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป ในการเข้าซื้อกิจการของมันนี่แกรม ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 190,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดุลการค้าเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย. และดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
--อินโฟเควสท์
OO4114

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!