WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

45ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ เล็งเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าทำระดับใหม่รอบ 3 เดือนหนุนการลงทุนใน Emerging Market

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวลงแรง อันเป็นผลจากการปรับสถานะของนักลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งวันนี้ก็ได้หมดไปแล้ว อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าทำระดับใหม่ในรอบ 3 เดือน ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นการลงทุนใน Emerging Market

      ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะบวกเล็กน้อย พร้อมให้ติดตามตัวเลข PMI ทั้งภาคการผลิต และภาคบริการของจีน ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ และให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศออกมาในวันนี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,740 ถัดไป 1,735-1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750-1,752 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,837.51 จุด เพิ่มขึ้น 63.21 จุด (+0.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,687.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.92 จุด (+0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่  6,950.16 จุด เพิ่มขึ้น 10.82 จุด (+0.16%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 47.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 50.34 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.31 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.55 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดสิ้นปี

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ธ.ค.60) 1,743.29 จุด ลดลง 9.60 จุด (-0.55%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 346.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.60

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 59.84 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ธ.ค.60) ที่ 6.93 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 32.68 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ นักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยวันนี้

      - สศค.ฟันธงเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตเกิน 3.8% หลังเครื่องชี้หลายตัวส่งสัญญาณดีขึ้น ขณะการบริโภค-ลงทุนเอกชนเริ่มฟื้น เผยกำลังซื้อเดือนพ.ย. โตดี จากยอดขายรถยนต์ที่สูงถึง 7 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มองปีหน้าการลงทุนเอกชนดีขึ้น หลังกลุ่มรถยนต์จ่อขยายกำลังผลิต

     - รฟท.ปิดดีลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 9 สัญญา มูลค่า 6.9 หมื่นล้าน รวมระยะทาง 702 กม. "สมคิด" สั่ง "การรถไฟฯ" ปฏิรูปองค์กร ผลักดันลงทุนรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ สั่งศึกษาเชื่อมรถไฟไปยังเมืองรอง หนุนท่องเที่ยว บูมเศรษฐกิจตั้งเป้า 4-5 ปี พลิกโฉม ชิปโหมดคมนาคมขนส่งจากถนนสู่ราง

      - ในเดือน พ.ย. 2560 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.23% เทียบกับเดือน ต.ค.ที่ติดลบ 0.33% ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 11 เดือนแรกปี 2560 ขยายตัวได้ 1.52% ส่งผลให้มั่นใจตลอดทั้งปี ภาคการผลิตจะเติบโตได้ตามที่คาดไว้ที่ 1.5-2% เช่นเดียวกับจีดีพีอุตสาหกรรมปีนี้จะเติบโตได้สูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 1.5-2% เช่นเดียวกัน แต่ในไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 4.3% ทำให้เฉลี่ย 3 ไตรมาสมีการเติบโตแล้ว 2.2%

     - ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้ทำการสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนระดับฐานรากในช่วงเทศกาลปีใหม่ จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาททั่วประเทศ คาดว่าภาพรวมการใช้จ่ายของประชาชนระดับฐานรากในช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 3,765 บาท

*หุ้นเด่นวันนี้

        - CMO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3 บาท ในช่วงที่ทุกคนกำลังหยุดงานไปฉลองปีใหม่ สำหรับ CMO ถือเป็นช่วงรับทรัพย์ วานนี้ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าได้รับงาน Countdown ใหญ่ 3 แห่งรวมมูลค่า 14 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือ เมกา บางนาที่จะมี bodyslam ขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกหลังจบก้าวคนละก้าว ขณะที่งาน Countdown ขนาดกลาง-เล็กคาดว่าจะมีอีก 7-8 งาน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้เช่าอุปกรณ์อีกหลายงาน สะท้อนตลาดจัดอีเวนท์ได้กลับมาฟื้นอย่างเต็มที่แล้ว โดยยังคาด Q4/60 จะพลิกมามีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท จากการรับรู้งานในมือมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งงานอีเว้นท์ใหญ่นอกเหนือจาก Countdown เช่น Motor Expo, งานเปิดตัวเซ็นทรัลมหาชัย, Money Expo,  และ King Power 28th Anniversary ขณะที่ ผลขาดทุนของ CMO Show Corp. จะลดลงจากการทำตลาด Himmapan Avartar ร่วมกับ BEC

       - TICON (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 18.50 บาท บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนธุรกิจ 5 ปี คาดว่าจะสามารถเปิดเผยได้ช่วงม.ค.2561 โดยปัจจุบันตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 5.0 พันล้านบาท จาก 2.0 พันล้านบาท ในปี 2560 ซึ่งนอกจากคาดการณ์รายได้จากการเช่าที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้า TREIT อีก 3.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีความพร้อมรองรับการเติบโตของ EEC เนื่องจากมีทีดินบริเวณดังกล่าวกว่า 1.5 พันไร่ ทั้งนี้ เห็นว่าแผน 5 ปีดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนจะให้ความสนใจ เนื่องจากคาดว่าจะเป็นแผนการขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเครือข่ายของ Frasers เป็นส่วนสนับสนุนสำคัญ

    - BBL (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 221 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV และ PE ที่ต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่น โดยคาด BBL ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ถึงปีละ 875 ล้านบาท (คิดเป็น EPS 0.46 บาท) หลังไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิก่อนครบกำหนด 5 ปี วงเงิน 20,000 ล้านบาท เมื่อต้นเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา โดยไม่ออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทน ส่วนโครงการลงทุนภาครัฐช่วยหนุนสินเชื่อในปี 61 หลัง BBL ร่วมกับ KTB และ SCB สนับสนุนสินเชื่อให้โครงการสายสีชมพู และเหลือง (Syndicate Loan) วงเงินกู้รวม 63,360 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของ BBL ประมาณ 33% หรือคิดเป็นวงเงิน 21,120 ล้านบาท คาดเริ่มเบิกจ่ายช่วง Q4/60

     ในขณะที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเริ่มก่อสร้างจริงในช่วงต้นปี 61 คาดเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตสินเชื่อของ BBL ในปี 61 พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 61 เติบโต 12% คาดอยู่ที่ 36,078 ล้านบาท หลักจากการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลงจาก 23,000 ล้านบาท ในปี 60 หลังเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว คาดวัฎจักร NPL เริ่มเป็นขาลง ทำให้คาดไม่ต้องตั้งสำรองหนี้จำนวนมากเช่นปี 60

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮ

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดดีดตัวขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,831.49 จุด เพิ่มขึ้น 47.51 จุด, +0.21% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,295.25 จุด ลดลง 1.13 จุด, -0.03% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,914.05 จุด เพิ่มขึ้น 50.34 จุด, +0.17% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,590.95 จุด เพิ่มขึ้น 23.31 จุด, +0.22% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,400.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด, +0.05% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,780.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด, +0.09% ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุดสิ้นปี

      กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.7% จากเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% และหากเทียบเป็นรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 3.8% จากเดือนพ.ย. 2559

      การเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลัง บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อยอดขายในอนาคต

      ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตาเหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะประกาศแผนการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมทั้งจับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือนก.พ.ปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 2.20 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นเหมืองแร่

     ดัชนี ตลาดหุ้นลอนดอนทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

       ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ +0.03% ปิดที่ 7,622.88 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดถูกกดดันในระหว่างวันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงในวันพุธที่ผ่านมา

       อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ด้วยปัจจัยจากราคาแร่ทองแดงที่ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 16 ติดต่อกัน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ขยับขึ้น 0.9% หุ้นแอนโตฟากาสตา ขยับขึ้น 0.8% และหุ้นริโอ ทินโต พุ่งขึ้น 1.5%

       หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นบีที ขยับลง 0.8% หลังเข้าสู่วันที่ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (ex-dividend)

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนสิ้นปี

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงก่อนสิ้นปี อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนยังคงทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 389.54 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,339.42 จุด ลดลง 29.42 จุด หรือ -0.55% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,979.94 จุด ลดลง 90.08 จุด หรือ -0.69% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,622.88 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ +0.03%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา ขณะที่วอลุ่มบางเบา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงก่อนสิ้นปี นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยังสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มส่งออกและหุ้นบริษัทข้ามชาติ

      หุ้นบีที ขยับลง 0.8% หลังเข้าสู่วันที่ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (ex-dividend)

       อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาแร่ทองแดงปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวัน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ขยับขึ้น 0.9% หุ้นแอนโตฟากาสตา ขยับขึ้น 0.8% และหุ้นริโอ ทินโต พุ่งขึ้น 1.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 63.21 จุด รับข้อมูลศก.สดใส,หุ้นเทคโนฯ-พลังงานพุ่ง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายบางเบา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายในช่วงก่อนสิ้นปี

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,837.51 จุด เพิ่มขึ้น 63.21 จุด หรือ +0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่  6,950.16 จุด เพิ่มขึ้น 10.82 จุด หรือ +0.16% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,687.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.92 จุด หรือ +0.18%

     ดัชนี ดาวโจนส์ทำสถิติปิดทำนิวไฮเป็นครั้งที่ 71 ในปี 2560 ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.7% จากเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% และหากเทียบเป็นรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 3.8% จากเดือนพ.ย. 2559

       ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลัง บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อยอดขายในอนาคต

       ดัชนี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดีดตัวขึ้น 0.1% โดยหุ้นแอปเปิลปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่หุ้นอเมซอน ขยับขึ้น 0.3% เช่นกัน หลังจากมีรายงานว่า ทั้งสองบริษัทกำลังเจรจาเรื่องการขอใบอนุญาตเพื่อเข้าไปลงทุนในซาอุดิอาระเบีย

      การฟื้นตัวของหุ้นแอปเปิลถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากที่ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า แอปเปิลถูกผู้ใช้งาน iPhone ในสหรัฐยื่นฟ้อง ภายหลังจากทางบริษัทยอมรับว่าได้ทำให้ iPhone รุ่นเก่าทำงานช้าลง เพื่อรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ไม่ให้เครื่องดับระหว่างการใช้งาน

      ดัชนี หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น 0.6% นำโดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ทะยานขึ้น 3.1% หลังจากราคาทองแดงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานข่าวที่ว่า ทางการจีนได้สั่งให้บริษัทผู้ผลิตทองแดงชั้นนำภายในประเทศปรับลดการผลิต  เพื่อรับมือกับมลภาวะในช่วงฤดูหนาว

      หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 1.2% เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาหุ้นเทสลาร่วงลงเกือบ 2% เมื่อวันพูธที่ผ่านมา หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารคีย์แบงก์ได้ปรับลดคาดการณ์การส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 ของเทสลาในไตรมาส 4 ปีนี้ ลงเหลือเพียง 5,000 คัน จากระดับ 15,000 คัน

      หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าคาดการณ์ โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 4% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.14% และหุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.02%

     นักลงทุนต่างจับตาเหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะประกาศแผนการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมทั้งจับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือนก.พ.ปีหน้า

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!