WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

9 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up รับแรงหนุนเม็ดเงิน LTF-RMF ซื้อต่อเนื่อง,ตัวเลขเศรษฐกิจไทยสดใส

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัว Sideway ถึง Sideway up แม้ว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจะเริ่มชะลอการลงทุนในช่วงก่อนวันหยุดคริสต์มาส แต่ก็นับว่าเป็นจังหวะในการเข้าสะสมหุ้นไทย หลังตัวเลขเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มที่ดี โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.ขยายตัว 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ นับเป็นสิ่งที่ยืนยันแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังดี
นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง และคาดความหวังการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (window dressing) ในสัปดาห์หน้าด้วย เพราะตามสถิติในอดีตช่วงไตรมาสนี้จะมีโอกาสเกิดมากถึง 67%
ส่วนปัจจัยต่างประเทศภาพรวมยังเป็นบวกอยู่ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น เพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศต่อไปได้จนถึงวันที่ 19 ม.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้หลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ขณะที่ราคาน้ำมันแม้จะยังแกว่งตัวบวก-ลบบ้าง แต่ก็ยังนับว่าอยู่ในระดับที่สูง
 
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,734 จุด และ 1,728-1,730 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,740-1,742 จุด หากยืน 1,740 จุดได้ ก็จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,745-1,750 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,782.29 จุด เพิ่มขึ้น 55.64 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,684.57 จุด เพิ่มขึ้น 5.32 จุด (+0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,965.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด (+0.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 15.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 137.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.64 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ธ.ค.60) 1,736.91 จุด ลดลง 1.25 จุด (-0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 557.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ธ.ค.60) ที่ 7.54 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.74 มองกรอบวันนี้ 32.70-32.80 แนวโน้มเคลื่อนไหวตามภูมิภาค
- ตลท.คาดปี 61 มีไอพีโอใหม่เข้าเทรด 30 บริษัท เพิ่มมาร์เก็ตแคปไอพีโอได้อีก 280,000 ล้านบาท บล.เอเซีย พลัส ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 61 อยู่ที่ 1,815 จุด ด้านตลาดหุ้นวานนี้ปิดลดลง 1 จุด
- พาณิชย์เผยตัวเลข ส่งออกเดือนพ.ย.โต 13.4% ทุบสถิติขยายตัว สูงสุดรอบ 58 เดือน พบส่งออกสินค้าไฮเทค พุ่งรับเทรนด์โลก ขณะส่งออก 11 เดือนขยายตัว 10% มั่นใจสิ้นปีนี้โตแตะ 10% เตรียมจัดทัพกลุ่มสินค้าดาวรุ่ง 4.0 ปูพรมทูตพาณิชย์เปิดดีลหาพาร์ทเนอร์ เจาะตลาด "สมคิด"แจงแรงหนุนการเติบโตศก.ปีหน้า เอื้อปฏิรูปประเทศ
- สนพ.คาดแนวโน้มการใช้พลังงานปีหน้า โต 2.1% ชี้ราคาน้ำมันดิบขึ้นลง ในกรอบ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล พร้อมคาดพีกขยับ 0.3% ที่ 3.42 หมื่นเมกะวัตต์ ด้านการใช้เบนซิน-ดีเซลขยายตัวต่อเนื่อง
- "สมคิด" มั่นใจปีหน้าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวแบบร้อนแรงมากหลังจากในปัจจุบันดัชนีทะลุเกิน 1,700 จุดไปแล้ว เนื่องจากได้รับอานิสงส์ปีแห่งเทคออฟของประเทศไทยที่มีข่าวดีออกมาเรื่อย ๆ รวมถึงเศรษฐกิจไทยและโลกขยายตัวต่อเนื่องจึงเป็นโอกาสดีที่ภาคเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มทุนโดยเฉพาะบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- "คลัง"หวัง"ลงทุนเอกชน" ดันเศรษฐกิจปีหน้าโตเกิน 4% ย้ำนโยบายการคลังยังหนุนการเติบโต สะท้อนผ่านงบขาดดุลกว่า 4.5 แสนล้าน พร้อมเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานหนุนเศรษฐกิจโตยั่งยืน ส่วนมาตรการช่วยคนจน "เฟส2" เข้าครม.ต้นปีหน้า ตั้งเป้าดึงคนจน 30% มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี เน้นฝึกอาชีพจ้างงานกว่า 100 รายการ
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- WICE (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ" โดยมองประเด็นเศรษฐกิขโลกที่ยังเร่งตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับภาคการส่งออกและการผลิตของจีนและสหรัฐที่ยังโดดเด่นต่อเนื่องไปในปี 61 ขณะที่ตัวเลขส่งออกไทยเดือน พ.ย.60 ขยายตัวราว 13% สูงสุดในรอบปีและขยายตัวเป็น 2 หลักต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 7 ขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญจะยังเป็นปัจจัยหนุนให้กับการเติบโตของบริษัท
นอกจากนี้ยังมี Catalyst บวกจากการรับรู้รายได้จากบริษัท SEL เต็มปี ซึ่งเป็นธุรกิจที่ GPM สูง ขณะที่ 4Q60 ยังเป็นช่วง High Season หนุนให้กำไรครึ่งปีหลังเติบโต ขณะที่ Valuation ราคาหุ้นยังมี Upside ที่ค่อนข้างมากกว่า 12% มูลค่าเหมาะสมเฉลี่ย Consensus ให้ไว้ที่ 5.70 บาท (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 5.57 บาท) ที่ PE 60 ปัจจุบันราวๆ 30 เท่า ขณะที่เงินปันผลเฉลี่ย 2.2%
- IRPC (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเหมาะสมที่ 7.6 บาท หลังสามารถเดินหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าผลิตภัณฑ์ คาดว่า IRPC จะสามารถดำเนินการผลิตได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ เนื่องจากไม่มีการซ่อมบำรุงใหญ่ (major turnaround)แล้ว เพราะได้มีการซ่อมบำรุงใหญ่ไปแล้วใน 1Q60 คาด IRPC จะมีกำไรเติบโตขึ้น 28% ในปี 2561 จะได้รับผลดีจากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม PP compound ซึ่งจะสามารถทำให้ขยายตลาดได้กว้างขึ้น นอกจากนี้ IRPC อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการเพิ่มมูลค่าสายการผลิตอะโรเมติกส์ ซึ่งจะทราบผลใน 1Q61 ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ
- PLANB (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท หลังมีแผนลงทุนในต่างประเทศเพิ่ม โดยจะซื้อหุ้นใน แซงจูรี่ บิลบอร์ด ประเทศมาเลเซีย จาก 30% เป็น 40% ใน 2Q61 ส่วนการลงทุนในฟิลิปปินส์ ลงนามด้านสัญญาใน JKJ Media ที่จะเข้าไปถือ 30.303% แล้ว แต่การลงทุนใน MJS Trading กำลังดำเนินการด้านสัญญา คาดว่าจะเสร็จใน 1Q61 อย่างไรก็ตาม รายได้จากต่างประเทศยังไม่มีนัยสำคัญเพราะดีลใหญ่ยังไม่มา ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q60 คาดชะลอ Q-Q แต่ยังโตดี Y-Y ทำให้คาดกำไรทั้งปี +39% Y-Y และโตต่ออีก +20% Y-Y ในปีหน้า ขณะที่ประเด็นภาษีป้ายถ้าถูกเก็บเพิ่มคาดกระทบกำไรจำกัด

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
        ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนถึงช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส โดยนักลงทุนต่างรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยหลายรายการคืนนี้ตามเวลาไทย
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 29,444.78 จุด เพิ่มขึ้น 77.72 จุด, +0.26% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,751.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.46 จุด, +0.03% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,860.18 จุด ลดลง 5.92 จุด, -0.03%
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติร่างงบประมาณประจำปี 2561 ซึ่งมีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 97.71 ล้านล้านเยน (8.62 แสนล้านดอลลาร์) ในวันนี้ ขณะที่ญี่ปุ่นต้องแบกรับภาระการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้สูงอายุและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีหนือ
ร่างงบประมาณประจำปี 2561 ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 6 นั้น ประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคม 32.97 ล้านล้านเยน และค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม 5.19 ล้านล้านเยน โดยตัวเลขค่าใช้จ่ายทั้ง 2 ประเภทนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. คืนนี้ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์พุ่ง หนุนฟุตซี่ทำนิวไฮเหนือ 7,600 จุด
        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำนิวไฮที่ระดับเหนือ 7,600 จุดเป็นครั้งแรก ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนำโดยหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ ถึงแม้ว่าตลาดจะมีแรงกดดันจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแอของสหราชอาณาจักรก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 78.76 จุด หรือ +1.05% ปิดที่ 7,603.98 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1.6%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแอนโตฟากาสตา เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.7%
หุ้นเรคกิตต์ เบนคิเซอร์ ผู้ผลิตสินค้าบริโภครายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ GFK UK เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ระดับ -13 ในเดือนธ.ค. ร่วงลงจากระดับ -12 ในเดือนพ.ย.
ขณะที่สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ายานยนต์ของอังกฤษ รายงานว่า ยอดการผลิตรถยนต์ร่วงลง 4.6% ในเดือนที่แล้ว โดยอุปสงค์ในประเทศร่วงลงถึง 28.1% ขณะที่ยอดการส่งออกหดตัวลง 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
        ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน โดยการเลือกตั้งในแคว้นแห่งนี้ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเป็นแคว้นขนาดใหญ่ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อสเปน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.6% แตะที่ 390.69 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,109.74 จุด เพิ่มขึ้น 40.57 จุด หรือ +0.31% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.98 จุด เพิ่มขึ้น 78.76 จุด หรือ +1.05% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,385.97 จุด เพิ่มขึ้น 33.20 จุด หรือ +0.62%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1.6%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแอนโตฟากาสตา เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.7%
หุ้นเรคกิตต์ เบนคิเซอร์ ผู้ผลิตสินค้าบริโภครายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นโนเกีย พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับใบอนุญาติสิทธิบัตรกับบริษัทหัวเว่ยของจีน
นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน โดยผลนับคะแนนเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ผลการนับคะแนนเบื้องต้นของการเลือกตั้งท้องถิ่นในแคว้นกาตาลุญญาระบุว่า พรรคที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
ชัยชนะของพรรคที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระอาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาลสเปน และสหภาพยุโรป (EU) โดยในช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ประกาศใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อเข้าปกครองแคว้นกาตาลุญญาโดยตรง พร้อมกับเพิกถอนสิทธิในการปกครองตนเอง หลังจากคณะรัฐบาลคาตาลันในขณะนั้นประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ส่งผลให้นายคาร์เลส ปุกเดมองต์ อดีตผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ถูกตั้งข้อหากบฏ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 30 ปี และขณะนี้เขากำลังลี้ภัยในเบลเยียม

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 55.64 จุด รับหุ้นพลังงานพุ่ง, GDP สหรัฐขยายตัวแข็งแกร่ง
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า บริษัทหลายแห่งได้ประกาศเพิ่มการลงทุนและเพิ่มค่าจ้างให้กับพนักงาน หลังจากสภาคองเกรสมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 2 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,782.29 จุด เพิ่มขึ้น 55.64 จุด หรือ +0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,684.57 จุด เพิ่มขึ้น 5.32 จุด หรือ +0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,965.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด หรือ +0.06%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นเฮสส์ คอร์ป ทะยานขึ้น 5.3% และหุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 4.5% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ จากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับตัวขึ้น 1.6%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทหลายแห่งประกาศว่าจะนำเม็ดเงินที่ประหยัดได้จากมาตรการปรับลดภาษีไปลงทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มค่าจ้าง และจ่ายเงินโบนัสให้แก่พนักงาน หลังสภาคองเกรสให้การรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยบริษัทดังกล่าวรวมถึง เอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซล, คอมแคสต์, โบอิ้ง, เอทีแอนด์ที และเวลส์ ฟาร์โก
สำหรับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีนั้น ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า โดยร่างกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2529 หรือกว่า 30 ปี และจะถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของปธน.ทรัมป์และพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า GDP ขยายตัวที่ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2557 และดีดตัวขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งมีการขยายตัว 3.1%
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตเบื้องต้นดีดตัวขึ้น สู่ระดับ 26.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 22.7 ในเดือนพ.ย. โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเช่นกัน
นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น ก่อนถึงเส้นตายที่รัฐบาลจะขาดงบประมาณในการบริหารประเทศภายในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ต้องมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล โดยหากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาให้การอนุมัติต่องบประมาณดังกล่าว และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองเป็นกฎหมายได้ทันในวันนี้ ก็จะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการใช้จ่ายจนถึงวันที่ 19 ม.ค.ปีหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์
OO3935

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!