WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว แต่ยังลุ้นขึ้นหลังภาพศก.ไทยปีหน้าดูดี, จับตาการประชุมโอเปกวันนี้
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว โดยดัชนีฯอาจไม่ปรับตัวลงมาก และก็ยังมีลุ้นขึ้นได้ด้วย โดยให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,700-1,715 จุด แม้ว่าตลาดสหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นไป แต่ภาพตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วเฉลี่ยราว 30% ในปีนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปีนี้ขึ้นไปราว 10% ทั้งนี้ภาพเศรษฐกิจไทยในปีหน้าดูดี ดังนั้น อาจจจะมีการโยกเงินเข้ามาลงทุนในตลาดบ้านเราก็ได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกงที่ติดลบมากถึง 1% โดยวันนี้ให้ติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งก็มีความไม่แน่นอนเหมือนกันว่าจะมีการขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่ และพรุ่งนี้ให้ติดตามการโหวตเสียงของวุฒิสภาของสหรัฐฯที่มีต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และมีผลต่อตลาดพันธบัตร
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,940.68 จุด พุ่งขึ้น 103.97 จุด (+0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,626.07 จุด ลดลง 0.97 จุด (-0.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,824.39 จุด ลดลง 87.97 จุด (-1.27%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 4.63 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.22 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 283.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 90.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 10.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.76 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ย.60) 1,705.33 จุด ลดลง 1.19 จุด (-0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,613.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 69 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ย.60) ที่ 7.36 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.57 กลับมาอ่อนค่าหลัง GDP สหรัฐฯออกมาดีกว่าคาดหนุนดอลล์แข็ง
- เศรษฐกิจปี 61 ส่งสัญญาณบวก ดันตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยฟื้น แตะ 6 แสนล้าน ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯคาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัว 6-8% หลังปีนี้ทรงตัว ประเมินซัพพลายใหม่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 1.54 แสนหน่วย ชี้ภาวะระบายอุปทานสมดุล ย้ำ "ไม่ล้นตลาด"
- ค่ายรถมั่นใจปลายปีคึกคัก ยอดขายทะลุ 8.7 แสนคัน ดันปีหน้าโตต่อเนื่อง ส่งรถใหม่กระตุ้นยอดงานมหกรรมยานยนต์ รถพรีเมียม คาดปีนี้ตลาดโตกว่า 20% ทะลุ 3 หมื่นคัน "นิสสัน-เกีย" ปูทางรถพลังงานไฟฟ้า สร้างการรับรู้ผู้บริโภค หวังรัฐพิจารณาเทคโนโลยี "อี เพาเวอร์" เข้าเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุน
- ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย 3 ไตรมาสแรกของปี 2560 ขยายตัว 3.8% หากไตรมาสสุดท้ายขยายตัวได้ 4.7% ก็จะทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวได้ถึง 4%
- รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า มีแนวคิดในการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เพื่อเร่งพัฒนาตามแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินภูมิภาคทั้ง 28 แห่ง วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ระยะ 10 ปี ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ซึ่งคาดว่าจะช่วยร่นระยะเวลาการดำเนินงานให้เหลือเพียง 5 ปี ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 3 เดือน
- 'สมคิด' จี้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุน ปี'61 ยอดรวมเกือบ 8 แสนล้าน คาดอีก 4 เดือนใช้งบท้องถิ่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าล็อตแรก 5 หมื่นล้าน แนะ 'คลัง-มหาดไทย' เร่งหารือแก้ระเบียบ 'บิ๊กป้อม' สั่งทหารช่วยปัญหายางราคาวูบ หนุนแก้ค้ามนุษย์-แรงงานผิดกม.
- ความคืบหน้าการเชื่อมต่อทางด่วนช่วงมิสซิ่งลิงก์ ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร (กม.) ระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) และทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครตะวันตก วงเงิน 6,219 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าก่อสร้าง 4,230 ล้านบาท ค่าบริหารระบบทางด่วน 1,472 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 13 แปลง รวม 272 ล้านบาท เบื้องต้นได้รายงานให้กระทรวงคมนาคมรับทราบความก้าวหน้าแล้ว โดยภายในเดือนธันวาคมนี้ กทพ.จะเรียกเอกชนทั้งสองราย คือ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม เข้ามาเจรจาว่าติดปัญหาในการดำเนินโครงการหรือก่อสร้างตามแผนศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) หรือไม่ หากเอกชนไม่มีปัญหาก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยเอกชนทั้งสองต้องไปตกลงสัดส่วนการลงทุนกันเองว่าจะแบ่งกันฝ่ายละเท่าไหร่ โดยช่วงที่ก่อสร้างใหม่นี้จะไม่มีการเก็บค่าผ่านทางเพิ่มกับประชาชน
*หุ้นเด่นวันนี้
- JKN (บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO ที่ 8.00 บาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าตามพื้นฐานปี 2561 ที่ 11.50 บาท อิง PE 24 เท่า คาดกำไรปี 2560 โต 30.7% และปี 2561 โตอีก 22.2% จากการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจหลัก
บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิคอนเทนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมานาน มีจุดเด่นตรงที่ลิขสิทธิ์ Content ของบริษัทฯ หลายรายการเป็นสิทธิ์ที่ได้รับจากผู้สร้างที่มีชื่อเสียงระดับสากล ที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิ์ผูกขาดการขายแต่ผู้เดียวในประเทศและหรือในประเทศเพื่อนบ้าน และได้อานิสงค์จากจำนวนช่องทีวีเพิ่มขึ้นและความนิยมคอนเทนต์ออนไลน์
- GUNKUL (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 4.9 บาท ประเมินราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานคาดจะเริ่มดีขึ้น QoQ ตั้งแต่ Q4/60 จนถึง Q2/61 จากการทยอย COD โรงไฟฟ้าตามแผน คือ 1 ) โรงไฟฟ้าพลังงานลม จ.นครราชสีมา 60MW ใน Q4/60 และอีก 50MW ใน Q1/61 2) โซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 31.8MW ใน Q1/61 พร้อมประเมินแนวรับ 4.18 บาท และถัดไปที่ 4.0 บาท / แนวต้าน 4.44 บาท (Stop loss 4.0 บาท)
- PT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้า 8.80 บาท Valuation น่าสนใจ โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2561 เพียง 10 เท่า บนสมมติฐานคาดกำไรสุทธิ +10% Y-Y อยู่ที่ 187 ลบ. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มและตัวเองในอดีตที่ 13 เท่า ทั้งที่กำไรโตเฉลี่ยไม่ต่างกัน และ ROE สูง 22% มากกว่ากลุ่มที่ 12% เกือบเท่าตัว โดยกำไรสุทธิ Q4/60 มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 69 ลบ. +48% Q-Q จากงานในมือที่มีมากกว่า 800 ลบ. และการเร่งปิดงานของกลุ่มลูกค้าซึ่งทั้งหมดคือภาคเอกชน เพื่อนำค่าใช้จ่ายด้านไอทีไปหักภาษี 1.5 เท่า ส่วนการเร่งลงทุนด้านไอทีของแบงก์ใหญ่เป็นบวกกับ PT โดยตรง เพราะมีพอร์ตลูกค้าสถาบันการเงินมากสุดในกลุ่ม SI ถึง 37% ของรายได้รวม ซึ่งปีหน้าคาดว่ามีเม็ดเงินลงทุนรวมกันถึง 2 หมื่นลบ.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังหุ้นเทคโนโลยีร่วงตามทิศทางตลาดสหรัฐ
        ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนลบเมื่อคืน หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงถ้วนหน้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,601.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด, +0.02% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,328.64 จุด ลดลง 9.22 จุด, -0.28% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,340.27 จุด ลดลง 283.56 จุด, -0.96% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,623.20 จุด ลดลง 90.35 จุด, -0.84% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,502.22 จุด ลดลง 10.68 จุด, -0.43% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,429.07 จุด ลดลง 9.92 จุด, -0.29% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,719.62 จุด ลดลง 0.76 จุด, -0.04
ทั้งนี้ ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 2.7% หุ้นแอปเปิล ร่วงลงกว่า 2% หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ดิ่งลง 5.5% และหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลงกว่า 2%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 67.09 จุด เหตุปอนด์แข็งหลังอังกฤษ-EU บรรลุข้อตกลงวงเงินค่า Brexit
      ตลาดุหุ้นลอนดอนปิดร่วงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากมีรายงานว่าอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับวงเงินที่อังกฤษต้องจ่ายให้แก่ EU ก่อนที่จะแยกตัวอย่างเป็นทางการ (Brexit)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,393.56 จุด ลดลง 67.09 จุด หรือ -0.90%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า อังกฤษและ EU ได้บรรลุข้อตกลงในหลักการเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของทาง EU ที่ต้องการให้อังกฤษจ่ายเงินจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรสำหรับค่า Brexit โดยทางอังกฤษจะจ่ายค่า Brexit ในวงเงินระหว่าง 4.5-5.5 หมื่นล้านยูโร
ทั้งนี้ ประเด็นการจ่ายเงินค่า Brexit ดังกล่าว ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ก่อนที่อังกฤษมีกำหนดต้องแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.2562
การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นของบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง โดยหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ดิ่งลง 3.4% หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ ร่วงลง 2.9% และหุ้นเรคคิทท์ เบนคีเซอร์ ร่วงลง 1.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ทะยานขึ้น 16% หลังจากบริษัทกาสิโน กูชาร์ด เปอร์ราชอง ได้ลงนามในข้อตกลงกับโอคาโด กรุ๊ป เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลทฟอร์มการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในฝรั่งเศส

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นแบงก์ หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดการเงิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 388.04 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,398.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.57 จุด หรือ +0.14% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,061.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.34 จุด หรือ +0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,393.56 จุด ลดลง 67.09 จุด หรือ -0.90%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นบาร์เคลย์ พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นซานตานเดร์ ดีดตัวขึ้น 1.8% และหุ้นดอยซ์ แบงก์ พุ่งขึ้น 2.4%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับฐานขึ้น หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานเฟดได้กล่าวปกป้องความจำเป็นในการผ่อนคลายกฎระเบียบที่ควบคุมตลาดการเงิน โดยระบุว่า ขณะนี้ถึงเวลาในการพิจารณาทบทวนกฎระเบียบต่างๆ หลังจากที่มีการเพิ่มกฎใหม่ๆเข้าควบคุมตลาดการเงินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายพาวเวลกล่าวว่า เขาต้องการให้กฎระเบียบต่างๆได้รับการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมสำหรับสถาบันการเงินที่มีขนาดและบทบาทแตกต่างกันออกไป ขณะเดียวกัน นายพาวเวลยังกล่าวว่า ปัญหาเกี่ยวกับธนาคารต่างๆที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะล้มนั้น ได้รับการแก้ไขแล้ว
หุ้นเดมเลอร์ เอจี ขยับขึ้น 0.3% หลังจากมีข่าวว่า เดมเลอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อหุ้นจากบริษัทซีเจียง จีลี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ทะยานขึ้น 16% หลังจากบริษัทกาสิโน กูชาร์ด เปอร์ราชอง ได้ลงนามในข้อตกลงกับโอคาโด กรุ๊ป เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลทฟอร์มการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทข้ามชาติหลายแห่งร่วงลง โดยหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ดิ่งลง 3.4% หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ ร่วงลง 2.9% และหุ้นเรคคิทท์ เบนคีเซอร์ ร่วงลง 1.9% อันเนื่องมาจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากหลังจากหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า อังกฤษ และ EU ได้บรรลุข้อตกลงในหลักการเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของทาง EU ที่ต้องการให้อังกฤษจ่ายเงินจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรสำหรับค่า Brexit โดยทางอังกฤษจะจ่ายค่า Brexit ในวงเงินระหว่าง 4.5-5.5 หมื่นล้านยูโร
ทั้งนี้ ประเด็นการจ่ายเงินค่า Brexit ดังกล่าว ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ก่อนที่อังกฤษมีกำหนดต้องแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.2562

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 103.97 จุด ขานรับ GDP สหรัฐขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี
      ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเฟซบุ๊ก แอปเปิล และอัลฟาเบท ปิดตลาดในแดนลบถ้วหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,940.68 จุด พุ่งขึ้น 103.97 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,626.07 จุด ลดลง 0.97 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,824.39 จุด ลดลง 87.97 จุด หรือ -1.27%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 3.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ ยังสูงกว่าตัวเลขตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.0% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2%
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 ที่ GDP สหรัฐเติบโตในระดับ 3% หรือมากกว่า เป็นเวลา 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยปัจจัยที่ช่วยหนุน GDP ให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 นั้น มาจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ รวมทั้งการใช้จ่ายในภาครัฐ แม้ว่าผู้บริโภคได้ชะลอการใช้จ่าย
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.8% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับขึ้น 2%
หุ้นกลุ่มอุตสหกรรมปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น 0.9% ขณะที่หุ้นยูเนียน แปซิฟิก, หุ้นยูพีเอส และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ต่างก็ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1%
หุ้นชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ แบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากบริษัทประกาศสรรหาซีอีโอคนใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ชิโปเล่ได้เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.04 พันล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.14 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 2.7% หุ้นแอปเปิล ร่วงลงกว่า 2% หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ดิ่งลง 5.5% และหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลงกว่า 2%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่ตลาดจับตานั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงเดือนต.ค.จนถึงกลางเดือนพ.ย. ขณะที่เศรษฐกิจในหลายๆเขตมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนแรงกดดันด้านราคานั้น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือนต.ค. โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ราคาขายสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้แถลงมุมมองทางเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ขยายตัวในวงกว้าง และหากมีการปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เศรษฐกิจก็จะยังคงมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ นางเยลเลนยังได้กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นักลงทุนยังคงจับตาวุฒิสภาสหรัฐซึ่งมีกำหนดโหวตร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หลังจากคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 12 ต่อ 11 อนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งให้กับวุฒิสภาเต็มคณะทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไปในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.
OO3005

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!