WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

83ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ มีโอกาสซึมลง เหตุขาดปัจจัยใหม่หนุน,เลือกเล่นเก็งหุ้นรายตัว
      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ และมีโอกาสที่ซึมลง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะเดียวกันวานนี้ตลาดสหรัฐฯก็ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ทำให้ขาดตัวชี้นำ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการไปด้วย
ทั้งนี้ ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัวมากกว่า และใกล้ปลายปีแล้วก็อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยเฉพาะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็ยังคาดหวังเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพราะยังซื้อน้อยอยู่
ช่วงนี้คนต่างรอวุฒิสภาสหรัฐฯพิจารณาร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง และก็รอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แต่ก็คิดว่าทั้งราคาน้ำมันและตลาดฯได้ปรับขึ้นไปตอบรับในระดับหนึ่งแล้ว โดยตลาดฯคาดจะมีการขยายระยะเวลาในการลดกำลังการผลิตไปถึงสิ้นธ.ค.ปีหน้า
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ อย่างไร้ทิศทาง พร้อมให้แนวรับ 1,700-1,696 จุด ส่วนแนวต้าน 1,719 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ (23 พ.ย.60) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 133.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 80.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.22 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 13.14 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ย.60) 1,707.38 จุด ลดลง 5.75 จุด (-0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 456.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ย.60
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการ (23 พ.ย.60) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ย.60) ที่ 7.15 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.69 คาดกรอบวันนี้ 32.65-32.75 รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
- บอร์ดบีโอไอคลอดสิทธิประโยชน์ส่งเสริมลงทุนอีอีซีฉบับใหม่ ดีเดย์ปีหน้า เว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพิ่ม 2 ปี ลดหย่อน 50% อีก 5 ปีใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายลงทุนในเขตส่งเสริมพิเศษ พร้อมส่งเสริมกิจการศูนย์กลางการค้า-พัฒนาผลิตภัณฑ์ครบวงจรในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
- เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า ในปี 2566-2570 ไทยวางโครงการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมโดยรถไฟ ไทย-กัมพูชา 6 โครงการ คาดมูลค่าการลงทุน 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.32 แสนล้านบาท โดยไทยจะลงทุนในเขตพื้นที่ของไทย และเสนอให้กัมพูชาลงทุนในพื้นที่ของตัวเอง
- กสิกรไทยปรับเป้าหมายจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 3.9% จาก 3.6% ขณะที่ปีหน้าคาดเติบโตได้ 3.9% จากฐานที่กว้างขึ้น ขณะที่สินเชื่อแบงก์ขยับกระเตื้องตาม ยันไม่ห่วงเอ็นพีแอลสินเชื่ออสังหาฯยังเพิ่ม ระบุน่าจะผ่านจุดสูงสุดแล้วแต่ขึ้นอยู่กับธนาคารแต่ละแห่ง และยังต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง
- "ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) เผยดัชนีหุ้นไทยปีหน้ามีโอกาสทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) จากเงินทุนต่างชาติจากสหรัฐไหลเข้าเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนเพราะราคาหุ้นสหรัฐเริ่มแพง ยุโรปค่อยๆ ฟื้นแม้จะมีความเสี่ยงจากเลือกตั้งเยอรมนี ส่งผลให้ตลาดประเทศตลาดเกิดใหม่ และไทยได้อานิสงส์
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 61 บาท ได้ทำการประเมิน Downside ของ ราคาหุ้น BCP อยู่ที่ 35.34 บาท โดยใช้วิธี Liquidation Value (Figure 1) ซึ่งถ้าเทียบ Risk Reward Ratio 8 เท่า ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก นอกจากนี้แล้วระดับ Dividend Yield ยังอยู่ในระดับ 4-5% ทั้งนี้ ราคายังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง Mkt/EBITDA ธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจการตลาด เพียงแค่ 3 เท่า
- PTTEP (ไอร่า) เป้า 102 บาท คาดผลดำเนินงาน Q4/60 จะยังคงแข็งแกร่งจากราคาก๊าซที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 61-62 USD/bbl สูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยตลาดยังคงจับตาเกี่ยวกับการร่วมมือของกลุ่มโอเปกในการลดกำลังการผลิตต่อไปในปี 61 ด้านแนวโน้มในปี 61 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นตามราคาก๊าซและราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้อยู่ระหว่างรอเข้าประมูลแหล่งผลิต โดยเฉพาะแหล่งบงกชที่ PTTEP เป็นเจ้าของสัมปทานเดิม และเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม จากเงินสดที่มีอยู่ในมือกว่า 130,000 ล้านบาท
- PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท ผู้บริหารคาดกำไร Q4/60 จะทรงตัว Q-Q และโต Y-Y ถือเป็นโมเมนตัมที่ดี โดยกำลังการผลิตปัจจุบันยังสูงถึง 80% และกลุ่ม Non-Auto มีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ การผลิตชิ้นส่วนให้รถยนต์ EV ที่เพิ่งได้งาน 2 พันล้านบาท (เริ่มรับรู้ปี 2563) ไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก เพราะเป็นโครงการระยะยาวที่ทยอยเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งนอกจากลูกค้าในยุโรปแล้วยังมีภูมิภาคอื่นที่อยู่ในช่วงเจรจา โดยยังชอบ PCSGH ในฐานะ Top pick ของกลุ่ม
 
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ จับตาตลาดหุ้นจีนหลังร่วงหนักวานนี้
   ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีนอย่างใกล้ชิด หลังจีนออกมาตรการควบคุมการขยายตัวของธุรกิจการปล่อยกู้ออนไลน์ขนาดเล็ก จนส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงเมื่อวานนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,390.14 จุด ลดลง 133.01 จุด, -0.59% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,340.38 จุด ลดลง 11.54 จุด, -0.34% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,788.18 จุด เพิ่มขึ้น 80.24 จุด, +0.27% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,847.79 จุด ลดลง 6.78 จุด, -0.06% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,539.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.64 จุด, +0.10% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,430.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.91 จุด, +0.20% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,720.05 จุด ลดลง 1.22 จุด, -0.07% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,330.09 จุด ลดลง 13.14 จุด, -0.16%
รัฐบาลจีนได้ยกระดับมาตรการควบคุมบริการเงินกู้ขนาดเล็ก (micro-lender) บนระบบออนไลน์ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมความเสี่ยงในระบบการเงิน โดยหน่วยงานรัฐบาลตามมณฑลต่างๆของจีนได้รับคำสั่งจากรัฐบาลกลาง ให้ระงับการอนุมัติคำขอในการจัดตั้งธุรกิจบริการเงินกู้ขนาดเล็กรายใหม่ๆบนอินเทอร์เน็ต และกำหนดเกณฑ์ในการอนุมัติให้มีความเข้มงวดยิ่งขึ้นด้วย
การดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ออกมาตรการควบคุมธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ของบรรดาสถาบันการเงินในประเทศ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาคธนาคารเงาของจีนขยายตัวขึ้น
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดขยับลง 1.78 จุด จากแรงฉุดของหุ้น เซนทริกา
    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยตลาดถูกกดดันจากแรงเทขายในหุ้นเซนทริกา หลังบริษัทแม่ของ "บริติช แก๊ส" รายนี้ ได้เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 1.78 จุด หรือ -0.02% ปิดที่ 7,417.24 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ นักลงทุนยังคงซึมซับรายงานร่างงบประมาณฉบับใหม่ (Autumn Budget) ที่นำเสนอโดยนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีคลังสหราชอาณาจักรเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยรายงานดังกล่าวมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษทั้งในปีนี้และปีหน้า
หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น
หุ้นเซนทริกา ดิ่งลงถึง 15.5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท หลังบริษัทสาธารณูปโภครายนี้ได้ออกรายงานเตือนว่า ธุรกิจด้านพลังงานของบริษัทอาจมีผลการดำเนินงานที่น่าผิดหวังในช่วงครึ่งปีหลังนี้ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีลงต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
ด้านสกุลเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1.3285 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับ PMI ยูโรโซนแข็งแกร่ง
      ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย.ของยูโรโซน ขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 79 เดือน รวมทั้งรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีซึ่งบ่งชี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.02% ปิดที่ 387.12 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,379.54 จุด เพิ่มขึ้น 26.78 จุด หรือ +0.50% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,008.55 จุด ลดลง 6.49 จุด หรือ -0.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,417.24 จุด ลดลง 1.78 จุด หรือ -0.02%
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 57.5 ในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 79 เดือน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากภาคการผลิต
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.ของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 211 เดือน จากระดับ 58.5 ในเดือนต.ค.
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.ของยูโรโซน พุ่งขึ้นสู่ระดับ 56.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 55.0 ในเดือนต.ค.
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 0.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขประมาณการเบื้องต้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกและการลงทุนภาคในธุรกิจ
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยในปีงบการเงิน 2560 เพิ่มขึ้น 1.91 พันล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.74 พันล้านยูโร
หุ้นแอลทีส เอ็นวี ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากวอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า แอลทีสกำลังมองหาช่องทางในการตัดขายธุรกิจเครือข่ายด้านการสื่อสารในสาธารณรัฐโดมินิกัน
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล คว้าน้ำเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เยอรมนีอาจจัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด
--อินโฟเควสท์
OO2774

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!