- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 22 November 2017 11:17
- Hits: 1984
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามตปท. คลายกังวลร่างกม.ปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ, เล็งพาณิชย์แถลงตัวเลขศก.ออกมาดี
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้น ตามตลาดสหรัฐฯ หลังผ่อนคลายเรื่องร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯก็ดูดีด้วย
นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น ยังมองไปที่เงินทุนไหลเข้า แม้ว่าจะเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นมาก ยังไม่ได้เข้าตลาดหุ้น แต่ก็ทำให้เห็นได้ว่า Fund Flow ยังอยู่ในประเทศ ระยะถัดไปอาจมีเงินทุนบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้นก็ได้ ทำให้ตลาดฯปรับตัวลงได้ยาก
ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจเช้านี้ คาดว่าจะออกมาดี เนื่องจากได้รับโมเมนตัมเศรษฐกิจจีนที่มีการนำเข้า และสินค้าราคาเกษตรของไทยก็ไม่แย่ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น RATCH, PTTEP เป็นต้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,705-1,717 จุด
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้น ตามตลาดสหรัฐฯ หลังผ่อนคลายเรื่องร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯก็ดูดีด้วย
นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น ยังมองไปที่เงินทุนไหลเข้า แม้ว่าจะเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นมาก ยังไม่ได้เข้าตลาดหุ้น แต่ก็ทำให้เห็นได้ว่า Fund Flow ยังอยู่ในประเทศ ระยะถัดไปอาจมีเงินทุนบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้นก็ได้ ทำให้ตลาดฯปรับตัวลงได้ยาก
ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจเช้านี้ คาดว่าจะออกมาดี เนื่องจากได้รับโมเมนตัมเศรษฐกิจจีนที่มีการนำเข้า และสินค้าราคาเกษตรของไทยก็ไม่แย่ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น RATCH, PTTEP เป็นต้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,705-1,717 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด (+0.69%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด (+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด (+1.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 185.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 269.12 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 36.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 15.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 17.53 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ย.60) 1,710.48 จุด ลดลง 3.90 จุด (-0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 554.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ย.60) ที่ 7.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.76 ยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์-เม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตร มองกรอบวันนี้ 32.70-32.85
- นักบริหารเงิน มองแนวโน้มบาทแข็งต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า หลังแผนปฏิรูปภาษีทรัมป์ยังไร้ความชัดเจน เชื่อไตรมาสแรกมีโอกาสแตะ 31.30-32.20 ต่อดอลลาร์ แนะผู้ส่งออกประกันความเสี่ยง ขณะครึ่งปีหลังส่ออ่อนค่าลง ด้าน "พรายพล" มอง "จีดีพี" ปีหน้าโตใกล้ปีนี้ แนะประเมินมาตรการช้อปช่วยชาติยังจำเป็นหรือไม่
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยผลประกอบการ 9 เดือน ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ว่า บจ.มีกำไรสุทธิรวม 7.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายรวม 7,977,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
- วันที่ 22 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บอร์ด) ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะเสนอเพื่อพิจารณา คือ การอนุมัติโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน และศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยาน มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อให้เป็น 2 โครงการแรกที่จะมีการประกาศร่างขอบเขตงาน หรือทีโออาร์ ช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และเริ่มประมูลต้นปี 2561
- คมนาคมเร่งทำแผนมอเตอร์เวย์ หาดใหญ่สะเดา และรถไฟทางคู่ระยะ 2 ลงภาคใต้ 3 สาย เตรียมเสนอ ครม.สัญจรพิจารณาที่สงขลา 27-28 พ.ย.นี้
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด (+0.69%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด (+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด (+1.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 185.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 269.12 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 36.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 15.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 17.53 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ย.60) 1,710.48 จุด ลดลง 3.90 จุด (-0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 554.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ย.60) ที่ 7.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.76 ยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์-เม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตร มองกรอบวันนี้ 32.70-32.85
- นักบริหารเงิน มองแนวโน้มบาทแข็งต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า หลังแผนปฏิรูปภาษีทรัมป์ยังไร้ความชัดเจน เชื่อไตรมาสแรกมีโอกาสแตะ 31.30-32.20 ต่อดอลลาร์ แนะผู้ส่งออกประกันความเสี่ยง ขณะครึ่งปีหลังส่ออ่อนค่าลง ด้าน "พรายพล" มอง "จีดีพี" ปีหน้าโตใกล้ปีนี้ แนะประเมินมาตรการช้อปช่วยชาติยังจำเป็นหรือไม่
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยผลประกอบการ 9 เดือน ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ว่า บจ.มีกำไรสุทธิรวม 7.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายรวม 7,977,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
- วันที่ 22 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บอร์ด) ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะเสนอเพื่อพิจารณา คือ การอนุมัติโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน และศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยาน มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อให้เป็น 2 โครงการแรกที่จะมีการประกาศร่างขอบเขตงาน หรือทีโออาร์ ช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และเริ่มประมูลต้นปี 2561
- คมนาคมเร่งทำแผนมอเตอร์เวย์ หาดใหญ่สะเดา และรถไฟทางคู่ระยะ 2 ลงภาคใต้ 3 สาย เตรียมเสนอ ครม.สัญจรพิจารณาที่สงขลา 27-28 พ.ย.นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- SKE (บมจ.สากล เอนเนอยี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สังกัดหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยมีราคาขาย IPO ที่ 1.80 บาท/หุ้น บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 2.44 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2560-2562 มี CAGR ราว 46%
บริษัทฯเป็นผู้ประกอบธุรกิจสถานีอัดก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ PTT เพื่อขนส่งไปให้สถานีบริการ NGV นอกแนวท่อส่งก๊าซ หรือสถานีลูก รวมถึงการดำเนินการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
- CK (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 32 บาท งานประมูลจะกลับมาคึกคักในปี 61 จากทั้ง Action Plan ปี 61 ของภาครัฐและโครงการ EEC (Eastern Economic Corridor) วงเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท ณ ปัจจุบัน CK มี Backlog ในมือราว 7.86 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ยาว 2-3 ปี อีกทั้งมีแรงหนุนจากทั้งรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ปีละราว 800-1,000 ล้านบาท และการเติบโตของบริษัทลูก มองเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาเพียงตัวเดียวที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งถนน ระบบราง ประปา และโรงไฟฟ้า สอดคล้องกับแผนการพัฒนาประเทศระยะยาว
- PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท เป็น Leader ที่กำลังก้าวไปผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV ให้ลูกค้ายุโรปเป็นรายแรก ซึ่งล่าสุดได้รับงานเพิ่มในการผลิตชิ้นส่วน Plug-in Hybrid Electric Vehicles และ Battery Electric Vehicles รวม 2 โครงการมูลค่า 2 พันล้านบาท โดยคาดกำไรสุทธิ Q4/60 โตแรง Y-Y และอาจไม่ลง Q-Q ทั้งที่เป็น Low Season เพราะมีคำสั่งซื้อที่ลูกค้าเลื่อนรับมอบจาก Q3/60 เป็น Q4/60 และเป็นช่วงที่จะมีการส่งมอบชิ้นส่วนให้กับ Big Bike, Big Truck, รวมถึงกลุ่ม Non-Auto มากขึ้น พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้ +69% Y-Y ปีหน้า +15% Y-Y ยังให้เป็น Top Pick จากโอกาสการเติบโตและฐานะการเงินที่ดีกว่ากลุ่ม
บริษัทฯเป็นผู้ประกอบธุรกิจสถานีอัดก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ PTT เพื่อขนส่งไปให้สถานีบริการ NGV นอกแนวท่อส่งก๊าซ หรือสถานีลูก รวมถึงการดำเนินการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
- CK (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 32 บาท งานประมูลจะกลับมาคึกคักในปี 61 จากทั้ง Action Plan ปี 61 ของภาครัฐและโครงการ EEC (Eastern Economic Corridor) วงเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท ณ ปัจจุบัน CK มี Backlog ในมือราว 7.86 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ยาว 2-3 ปี อีกทั้งมีแรงหนุนจากทั้งรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ปีละราว 800-1,000 ล้านบาท และการเติบโตของบริษัทลูก มองเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาเพียงตัวเดียวที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งถนน ระบบราง ประปา และโรงไฟฟ้า สอดคล้องกับแผนการพัฒนาประเทศระยะยาว
- PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท เป็น Leader ที่กำลังก้าวไปผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV ให้ลูกค้ายุโรปเป็นรายแรก ซึ่งล่าสุดได้รับงานเพิ่มในการผลิตชิ้นส่วน Plug-in Hybrid Electric Vehicles และ Battery Electric Vehicles รวม 2 โครงการมูลค่า 2 พันล้านบาท โดยคาดกำไรสุทธิ Q4/60 โตแรง Y-Y และอาจไม่ลง Q-Q ทั้งที่เป็น Low Season เพราะมีคำสั่งซื้อที่ลูกค้าเลื่อนรับมอบจาก Q3/60 เป็น Q4/60 และเป็นช่วงที่จะมีการส่งมอบชิ้นส่วนให้กับ Big Bike, Big Truck, รวมถึงกลุ่ม Non-Auto มากขึ้น พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้ +69% Y-Y ปีหน้า +15% Y-Y ยังให้เป็น Top Pick จากโอกาสการเติบโตและฐานะการเงินที่ดีกว่ากลุ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับวอลล์สตรีทปิดพุ่งทำนิวไฮ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับดัชนีดาวโจนส์, Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,601.55 จุด เพิ่มขึ้น 185.07 จุด, +0.83% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,417.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.83 จุด, +0.20% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,087.19 จุด เพิ่มขึ้น 269.12 จุด, +0.90% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,815.40 จุด เพิ่มขึ้น 36.16 จุด, +0.34% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,546.61 จุด เพิ่มขึ้น 15.91 จุด, +0.63% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,433.73 จุด เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, +0.30% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,724.59 จุด เพิ่มขึ้น 3.91 จุด, +0.23% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,306.72 จุด เพิ่มขึ้น 17.53 จุด, +0.21%
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้น อีซีเจ็ท พุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 21.88 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอีซีเจ็ท นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.30% ปิดที่ 7,411.34 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยหนุนจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ และแรงหนุนจากหุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 5.1% หลังบริษัทสายการบินชั้นประหยัดระดับชั้นนำรายนี้เปิดเผยว่า ปริมาณการสัญจรของผู้โดยสารพุ่งขึ้น 10% ในปีงบการเงิน 2560 ขณะที่ยอดการจองตั๋วล่วงหน้าสำหรับไตรมาสแรกของปี 2561 ก็สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิตลอดทั้งปีของอีซีเจ็ทร่วงลง 24% สู่ระดับ 325 ล้านปอนด์
หุ้นคิงฟิชเชอร์ พุ่งขึ้น 1.4% ถึงแม้บริษัทค้าปลีกสินค้า DIY รายนี้จะเปิดเผยยอดขายที่ตกลง 0.5% ในไตรมาส 3 สืบเนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากธนาคารเอชเอสบีซียังคงน้ำหนักความน่าลงทุนในหุ้นคิงฟิชเชอร์ที่ระดับ "buy" เนื่องจากความเสี่ยงในทิศทางขาลงนั้นอยู่ในขอบเขตที่จำกัด
นักลงทุนจับตานายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับร่างงบประมาณของสหราชอาณาจักรในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตากรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งประกอบด้วย จอน คันลิฟฟ์, ไมเคิล ซอนเดอร์ส และเกิร์ตแยน เวียเก โดยพวกเขาจะเข้าร่วมการอภิปรายรายงานเงินเฟ้อประจำเดือนพ.ย.ของ BoE ร่วมกับคณะกรรมาธิการด้านการคลังของสหราชอาณาจักร ในเวลา 10.00 น.วันนี้ ตามเวลาลอนดอน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการสดใส,นลท.คลายวิตกการเมืองเยอรมนี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงอีซีเจ็ท และโฟล์คสวาเกน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 388.10 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,167.54 จุด เพิ่มขึ้น 108.88 จุด หรือ +0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,366.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด หรือ +0.48% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,411.34 จุด เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.30%
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการเมืองในเยอรมนี หลังจากนางแมร์เคิลประกาศว่า ตนพร้อมจะเป็นผู้นำพรรค CDU ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่การประชุมซึ่งนำโดยนางแมร์เคิลจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม (CDU/CSU), พรรค FDP และพรรคกรีน (Green Party) ยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือใหม่ของพรรครัฐบาลผสมภายใต้ชื่อ "กรอบความร่วมมือจาไมก้า" (Jamaica Coalition) ขณะที่พรรค FDP ถอนตัวจากการเจรจา เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับประเด็นผู้อพยพและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ กฎหมายของเยอรมนีระบุว่า หากพรรคการเมืองต่างๆไม่สามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องมีการยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่
หุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของอังกฤษ ทะยานขึ้น 5.1% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก หลังจากทางบริษัทเปิดเผยตัวเลขปริมาณการสัญจรของผู้โดยสาร เพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้ และยอดการจองตั๋วล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 3% หลังจากที่ทะยานขึ้นไปแล้ว 4.2% เมื่อวันจันทร์ ภายหลังจากบริษัทประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรและยอดขาย
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าของอังกฤษในการแยกตัวออกจาสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากนายเดวิด เดวิส รมว.ฝ่ายกิจการ Brexit ของอังกฤษ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงกับ EU เกี่ยวกับเงื่อนไขในการแยกตัวออกจาก EU เป็นผลลัพธ์การเจรจาที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้มากที่สุด แต่อังกฤษก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงอีซีเจ็ท และโฟล์คสวาเกน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 388.10 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,167.54 จุด เพิ่มขึ้น 108.88 จุด หรือ +0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,366.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด หรือ +0.48% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,411.34 จุด เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.30%
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการเมืองในเยอรมนี หลังจากนางแมร์เคิลประกาศว่า ตนพร้อมจะเป็นผู้นำพรรค CDU ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่การประชุมซึ่งนำโดยนางแมร์เคิลจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม (CDU/CSU), พรรค FDP และพรรคกรีน (Green Party) ยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือใหม่ของพรรครัฐบาลผสมภายใต้ชื่อ "กรอบความร่วมมือจาไมก้า" (Jamaica Coalition) ขณะที่พรรค FDP ถอนตัวจากการเจรจา เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับประเด็นผู้อพยพและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ กฎหมายของเยอรมนีระบุว่า หากพรรคการเมืองต่างๆไม่สามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องมีการยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่
หุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของอังกฤษ ทะยานขึ้น 5.1% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก หลังจากทางบริษัทเปิดเผยตัวเลขปริมาณการสัญจรของผู้โดยสาร เพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้ และยอดการจองตั๋วล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 3% หลังจากที่ทะยานขึ้นไปแล้ว 4.2% เมื่อวันจันทร์ ภายหลังจากบริษัทประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรและยอดขาย
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าของอังกฤษในการแยกตัวออกจาสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากนายเดวิด เดวิส รมว.ฝ่ายกิจการ Brexit ของอังกฤษ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงกับ EU เกี่ยวกับเงื่อนไขในการแยกตัวออกจาก EU เป็นผลลัพธ์การเจรจาที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้มากที่สุด แต่อังกฤษก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 160.50 จุด รับความหวังแผนปฏิรูปภาษี,ผลประกอบการสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด หรือ +0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด หรือ +1.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด หรือ +0.65%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความมั่นใจว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และเชื่อว่าจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1.2% นำโดยหุ้นแอปเปิลปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.9%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเมดโทรนิก ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560 ขณะที่หุ้นอเมอริซอสเบอร์เจน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.6%
หุ้นดอลลาร์ ทรี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.90 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนยอดขายอยู่ที่ระดับ 5.32 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 5.28 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นโลว์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วงลง 1.1% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะแข็งแกร่งขึ้นอีกในปีงบการเงิน 2561 และ 2562 อันเนื่องมาจากมาตรการปฏิรูปภาษีที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล, แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐที่มีความแข็งแกร่ง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากเฟดดัลลัส
--อินโฟเควสท์
OO2632
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด หรือ +0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด หรือ +1.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด หรือ +0.65%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความมั่นใจว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และเชื่อว่าจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1.2% นำโดยหุ้นแอปเปิลปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.9%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเมดโทรนิก ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560 ขณะที่หุ้นอเมอริซอสเบอร์เจน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.6%
หุ้นดอลลาร์ ทรี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.90 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนยอดขายอยู่ที่ระดับ 5.32 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 5.28 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นโลว์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วงลง 1.1% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะแข็งแกร่งขึ้นอีกในปีงบการเงิน 2561 และ 2562 อันเนื่องมาจากมาตรการปฏิรูปภาษีที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล, แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐที่มีความแข็งแกร่ง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากเฟดดัลลัส
--อินโฟเควสท์
OO2632