WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

68ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ย่อตัวลงตามตลาดตปท. หวั่นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันลง

       นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะย่อตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ต้องรอดูความคืบหน้าของแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากปัจจุบันมีแต่ภาพลบ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบก็ได้ปรับตัวลง ทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ดี ยังมีความหวังจากงาน SET in the City ที่มีขึ้นในวันนี้ ซึ่งก็หวังเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง แต่ตอนนี้ตลาดฯก็อยู่ที่นักลงทุนรายสถาบัน และกองทุน เพราะนักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นไทย ส่วนหนึ่งอาจมาจากหุ้นไทยได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว และต่างชาติตอนนี้ส่วนใหญ่จะหันไปเล่นที่ตลาดอินเดียมากกว่า เพราะมีการเติบโตมากกว่า ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกดี อินเดียก็จะดีไปด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,680-1,675 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700-1,705 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,271.28 จุด ร่วงลง 138.19 จุด (-0.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564.62 จุด ลดลง 14.25 จุด (-0.55%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,706.21 จุด ลดลง 31.66 จุด (-0.47%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 53.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น 112.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 4.17 จุด,ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.05 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ย.60) 1,690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด (-0.73%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,485.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ย.60) ที่ 7.00 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.00 แนวโน้มแข็งค่าต่อ รับเม็ดเงินไหลเข้า มองกรอบวันนี้ 32.95-33.05
- "นายกฯ-ประวิตร" ยกเลิกหมายกระทันหัน จัดโผครม.วุ่นแบ่งหลายขั้วไม่ลงตัว นายกฯเครียดหนัก คาด "โละทีมเศรษฐกิจ" ยกแผง "พรเพชร" ปัด 4 สนช.ลาออกรับตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะตัวเก็ง "จักรทิพย์" ยังปฏิเสธ
- "สมคิด" มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะโต 4-5% หารือทีมเศรษฐกิจแล้วเตรียมเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ประชาชนระดับฐานราก จ่อดึงงบฯ "อปท." 2 แสนล้านบาท พร้อมเร่งเครื่องลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซีอีก 1.5 ล้านล้านบาท
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป สำหรับแนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ 1.การจัดทำแผนการส่งเสริมความรู้ทางการเงินแห่งชาติ (วาระแห่งชาติ) 2.การสร้างความแข็งแกร่งให้สถาบันหรือองค์กรการออมที่ไม่ใช่สถาบันการเงินในระบบ 3.การเพิ่มผลิตภัณฑ์การออมและมาตรการลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย 4.การเติมเต็มระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุ
- ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) คาดว่า ปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560-กันยายน 2561) กนอ.จะสามารถสร้างยอดขายและเช่าที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมได้ถึง 3,500 ไร่ เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวดีจากการที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย มาตรการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกฎหมายที่ชัดเจน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตตามทิศทางการใช้กำลังการผลิตของผู้ประกอบการที่มีอัตราที่สูงขึ้นกว่าปี 2560 นอกจากนี้ ไทยยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ปัจจุบันมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย
*หุ้นเด่นวันนี้
- S11 (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 10 บาท กำไร Q3/60 อยู่ที่ 98 ล้านบาท ดีขึ้น 10%QoQ แต่ลดลง 6%YoY สินเชื่อยังเติบโตได้ดีจากการขยายพื้นที่และส่วนแบ่งตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งผิดจากเดิมที่คาดว่าจะเห็นแนวโน้มคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 60-61 ลง เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่สูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว
- PTT (เอเอสแอล) "เก็งกำไร"เป้า 440 บาท ปรับกำไรปี 60 เพิ่ม เป็นสถิติใหม่ของบริษัท เพื่อสะท้อนกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนปี 60 ที่ผ่านมา ทำให้กำไรสุทธิปี 60 เติบโตกว่า 28% YoY ด้านกำไรปกติ Q4/60 คาดว่าจะลดลง ตามความต้องการใช้ก๊าซฯ ที่ลดลงตามฤดูกาล และการรับรู้กำไรจากธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีที่ลดลง อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรปกติปี 61 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากราคาและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มกลุ่มธุรกิจ ด้านเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ H2/60 ประเมินอยู่ที่ 10 บาท upside ของราคาหุ้นเริ่มจำกัด
- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26.60 บาท กำไรสุทธิ Q3/60 ดีเกินคาด +129% Q-Q, +221% Y-Y อยู่ที่ 587 ล้านบาท จากการโอนที่ดินอมตะนครเกือบ 60 ไร่ ซึ่งเป็นผืนที่มีอัตรากำไรสูงราว 75% อีกทั้ง ยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีและโรงไฟฟ้าบี.กริมมีผลประกอบการสูงขึ้น แนวโน้ม Q4/60 ยังดีต่อเนื่องถึงปี 2561 จากเศรษฐกิจที่สดใสและมี Backlog สูงถึง 1.96 พันล้านบาท จากผลของยอดขายที่ดิน Q3/60 ที่สูงถึง 155 ไร่ เทียบกับ Q2/60 ที่ขายได้ 113 ไร่
- BH (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ"เป้า 235 บาท ภายใต้กลยุทธใหม่ในปี 2561 เชื่อเหมือนฝ่ายบริหารว่าศักยภาพของ BH จะยังคงเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเร่งในปัจจุบัน ร่วมกับการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้การเติบโตในปี 2561 ของ BH อยู่ในระดับ 15% ทั้งนี้ หุ้น BH ได้ซื้อขายกันอยู่ในระดับ PE ที่ต่ำกว่าค่าอุตสาหกรรม

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
       ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ โดยส่วนหนึ่งยังคงได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นบางแห่งดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดปรับตัวลงในการซื้อขายก่อนหน้านี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,975.23 จุด ลดลง 53.09 จุด, -0.24% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,393.19 จุด ลดลง 9.33 จุด, -0.27% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,963.77 จุด เพิ่มขึ้น 112.08 จุด, +0.39% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,629.16 จุด ลดลง 1.49 จุด, -0.01% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,522.42 จุด เพิ่มขึ้น 4.17 จุด, +0.17% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,368.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, +0.01% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,723.04 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด, +0.00%
ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงอีกเมื่อคืนนี้ จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นพลังงาน-เหมืองแร่ร่วง ฟุตซี่ปิดลบ 41.81 จุด
      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) จากปัจจัยราคาน้ำมันที่ดิ่งลง ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากราคาแร่โลหะสำคัญที่ปรับตัวลง ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ส่วนใหญ่ปิดในแดนลบเช่นกัน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 41.81 จุด หรือ -0.56% ปิดที่ 7,372.61 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันและแร่โลหะที่ปรับตัวลง โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ดิ่งลงกว่า 0.7% เมื่อคืนนี้ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง
การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้กดดันหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 1.5% ขณะที่หุ้นบีพี ร่วง 1.6%
ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่รายใหญ่อย่างเกลนคอร์ ปรับตัวลง 1.4% หุ้นริโอ ทินโต ขยับลง 0.9% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.2% หลังราคาทองแดงร่วงลง 0.2% จากแรงกดดันของข้อมูลภาคการผลิตที่น่าผิดหวังของจีน
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ร่วงลง 1.1% ถึงแม้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายนี้จะเปิดเผยยอดขายบ้านล่วงหน้าที่พุ่งขึ้นถึง 8.4% ก็ตาม

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นพลังงาน-หุ้นเหมืองร่วง
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 381.96 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,976.37 จุด ลดลง 57.11 จุด หรือ -0.44% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,301.25 จุด ลดลง 14.33 จุด หรือ -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.61 จุด ลดลง 41.81 จุด หรือ -0.56%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 6.6% และยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของจีนที่ขยายตัวเพียง 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 10.3%
ทั้งนี้ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 1.5% หุ้นเกลนคอร์ ปรับตัวลง 1.4% หุ้นริโอ ทินโต ขยับลง 0.9% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.2%
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 1.5% ขณะที่หุ้นบีพี ร่วงลง 1.6%
หุ้นแอร์บัส พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากแอร์บัสได้บรรลุข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินโดยสารตระกูล A320neo ให้แก่ "อินดิโก พาร์ทเนอร์ส" ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านสายการบินชั้นประหยัดของสหรัฐ จำนวน 430 ลำ มูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงซื้อขายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอร์บัส
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี
นักวิเคราะห์มองว่า การสร้างเงื่อนไขใหม่ของวุฒิสภานั้น ถือเป็นอุปสรรคต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว อีกทั้งจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีทรัมป์ โดยนับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนม.ค.เป็นต้นมา คณะทำงานของเขาก็ยังไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายฉบับสำคัญให้มีผลบังคับใช้ได้เลย แม้ว่ารีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาก็ตาม

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 138.19 จุด หลังหุ้นพลังงานดิ่ง,กังวลแผนปฏิรูปภาษีไม่แน่นอน
     ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) โดยตลาดได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ออกมายืนยันว่า เขาจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภา หลังจากวุฒิสภาได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,271.28 จุด ร่วงลง 138.19 จุด หรือ -0.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564.62 จุด ลดลง 14.25 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,706.21 จุด ลดลง 31.66 จุด หรือ -0.47%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงอีกเมื่อคืนนี้ จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.9% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ร่วงลง 2% และหุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.4%
หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ดิ่งลง 2% โดยการปรับตัวลงของหุ้น GE ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด หลังจากบริษัทประกาศปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50% สู่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น จากเดิมที่ 24 เซนต์/หุ้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธ.ค.
หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปีนี้ อันเนื่องมาจากการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด อย่างไรก็ตาม ทาร์เก็ตได้เปิดเผยตัวเลขกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 91 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 86 เซนต์
หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 0.4% หลังจากโบอิ้งบรรลุข้อตกลงขายเครื่องบินรุ่น 737 Max 8 ให้กับสายการบินฟลายดูไบ จำนวน 225 ลำ คิดเป็นมูลค่ารวม 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทแอร์บัส ซึ่งเป็นคู่แข่งของโบอิ้งนั้น ได้บรรลุข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินโดยสารตระกูล A320neo ให้แก่ "อินดิโก พาร์ทเนอร์ส" ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านสายการบินชั้นประหยัดของสหรัฐ จำนวน 430 ลำ มูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงซื้อขายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอร์บัส
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ออกมายืนยันว่า เขาจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภา หลังจากวุฒิสภาได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี
ทั้งนี้ การสร้างเงื่อนไขใหม่ของวุฒิสภานั้น ถือเป็นอุปสรรคต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่นายจอห์นสันกล่าวว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับวุฒิสภาไม่มีความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีที่อยู่ในกลุ่มชนชั้นกลาง พร้อมกับเตือนว่า แม้ชนชั้นกลางมีแนวโน้มที่จะได้รับการลดหย่อนภาษี แต่คนกลุ่มนี้ก็จะต้องเผชิญกับการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพที่สูงขึ้น หากมีการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพ Affordable Care Act (ACA) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า "โอบามาแคร์"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะทรงตัวในเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.
--อินโฟเควสท์
 OO2421

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!