WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

19ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามตลาดตปท. วิตกแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯส่อแววล่าช้าไปอีก 1 ปี

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกัน เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปที่ได้ปรับตัวลงกันหมด เนื่องจากความกังวลต่อแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯที่อาจจะเลื่อนการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลไปเป็นปี 62 ทำให้นักลงทุนผิดหวัง จากที่คาดหวังไว้ว่าจะลดในปี 61 ส่งผลให้ดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงไปกว่า 100 จุด แต่ในระหว่างวันร่วงไปราว 200 จุด ซึ่งส่งผลต่อ Sentiment ลบต่อตลาดในยุโรป และตลาดภูมิภาคด้วย
ส่วนบ้านเราก็เจอแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาระลอกใหม่ ทำให้เป็นแรงกดดันตลาดฯ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ก็ชะลอการลงทุนด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,695-1,700 จุด หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,710-1,715 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,461.94 จุด ลดลง 101.42 จุด (-0.43%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,584.62 จุด ลดลง 9.76 จุด (-0.38%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,750.05 จุด ลดลง 39.07 จุด (-0.58%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 288.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 76.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 29.60 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 14.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.28 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 28.25 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ย.60) 1,703.03 จุด ลดลง 11.62 จุด (-0.68%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,732.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.17 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ย.60) ที่ 6.94 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.09 แข็งค่าจากวานนี้หลังมีแรงขายดอลล์จากกังวลแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐฯอาจล่าช้า
- "สมคิด" มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตต่อเนื่อง ชี้ผลมาจาก "สมคิด แฟคเตอร์" ยอมรับภาคเกษตรเป็นเรื่องใหญ่ท้าทายการบริหารปี 61 หลังราคาสินค้าตกต่ำต่อเนื่อง ย้ำนายกฯ พร้อมแก้ปัญหาจริงจังประเมินลงทุนเอกชนมาแน่ ลั่นปรับครม.ไม่กระทบนโยบายรัฐ ด้าน "แบงก์ชาติ" มอง "จีดีพี" ปีนี้ส่อโตเกิน 3.8% ขณะปีหน้าโต 4% ยังท้าทาย ภาคเอกชนเผยเริ่มเห็นการกระจายตัวมากขึ้น
- "กกพ." เคาะแล้วตรึงค่า Ft งวดแรก (ม.ค.-เม.ย.61) รับปีใหม่ 2561 โดยดึงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทมาบริหาร ควักประเดิม 7.3 พันล้านบาท พยุงงวดแรก ที่เหลืออีก 5.2 พันล้านบาท พยุงงวดถัดไป (พ.ค.-ส.ค.61) ที่อาจขยับแรงแต่บาทแข็งมีลุ้นตรึงยาว แย้มยังมีเงินคอลแบล็ค อีก เผยเงินลงทุนพลังงานหมุนเวียนปี 60-64 สะพัดเกือบแสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจ
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือน ต.ค. 2560 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ 76.7 ปรับตัว ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในทุกรายการ สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของเศรษฐกิจไทย และเป็นจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นชัดขึ้น
- ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป เปิดเผยว่า ปีนี้จัดงานระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค. 60 ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีค่ายรถยนต์ร่วมงาน 35 ราย และค่ายรถจักรยานยนต์อีก 20 ราย ตั้งเป้าหมายยอดจองรถยนต์อยู่ที่ 40,000 คัน และบิ๊กไบค์ 7,000 คัน จากผู้เข้าชมงาน 1.5 ล้านคน คาดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- RSP (บมจ.ริช สปอร์ต) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดพาณิชย์ โดยราคาขาย IPO ที่ 5.80 บาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2561 ไว้ที่ 9.5 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2561 เพิ่มขึ้น27% Y-Y ส่วนหนึ่งมาจากฐานต่ำในปี 2560 ส่วนปี 2561-2563 คาดโตเฉลี่ยปีละ 17% CAGR
RSP ได้รับสิทธิเพียงรายเดียวสำหรับการขายสินค้า Converse ความสามารถในการทำกำไร 3 ปีที่ผ่านมาโดดเด่นกว่ากลุ่มค้าปลีกอย่างมาก ขณะที่ การเพิ่มแบรนด์ Pony นอกจากช่วยลดความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
- MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 45 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q3/60 ที่ 650 ล้านบาท +14% Q-Q, +62% Y-Y ดีกว่าที่ฟินันเซียฯ และตลาดคาดเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ลดลง 15% Q-Q แต่ +120% Y-Y ซึ่งเกิดจาก Coverage ratio ของบริษัทที่สูงขึ้น และ NPL อยู่ในระดับทรงตัวที่ 1.17% ของสินเชื่อรวม สินเชื่อเพิ่มขึ้น +10% Q-Q, +37% YTD โดยมียอดปล่อยสินเชื่อที่ยังทำระดับสูงสุดที่ 1.53 หมื่นล้านบาท +8% Q-Q และ +32% YTD โดยมีแนวโน้มปรับเพิ่มกำไรปี 2560-2561 ขึ้น
- JWD (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 13.60 บาท บริษัทประกาศกำไรไตรมาส 3/2560 ที่ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.8% YoY และ 14.1% QoQ เป็นไปตามที่คาด โดยพัฒนาการที่ดีขึ้นของธุรกิจห้องเย็น ลานรับจอดรถยนต์และธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว โดยเฉพาะธุรกิจห้องเย็นที่มีการเติบโตอย่างมากจากการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฏหมาย หรือ IUU ที่ JWD สามารถปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานของยุโรปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การบันทึกค่าใช้จ่ายครั้งเดียวเกี่ยวกับคดีความรวมประมาณ 130 ล้านบาทในปีก่อนก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กำไรไตรมาสล่าสุดสามารถเติบโตได้ดี
- BANPU (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 25 บาท ผลการดำเนินงาน Q3/60 แข็งแกร่ง ดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยรายงานกำไรสุทธิ Q3/60 ที่ 2.0 พันล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.39 บาท/หุ้น) ไม่รวม FX และการทำ hedging คาดว่ากำไรปกติจะเท่ากับ 2.9 พันลบ. หรือกำไรปกติต่อหุ้นที่ 0.56 บาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 300% y-y และ 9% q-q สูงกว่าที่คาดเล็กน้อย เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่แข็งแกร่งชดเชยปริมาณขายที่ต่ำกว่าคาด ราคาขายเฉลี่ยที่เป็นบวกเหนือคาด และต้นทุนการผลิตที่ลดลงเป็นแนวโน้มที่ดีต่อผลประกอบการ Q4/60

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดร่วงเมื่อคืน
      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากมีรายงานข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,580.70 จุด ลดลง 288.01 จุด, -1.26% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,423.18 จุด ลดลง 4.61 จุด, -0.13% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,060.13 จุด ลดลง 76.44 จุด, -0.26% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,713.67 จุด ลดลง 29.60 จุด, -0.28% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,541.18 จุด ลดลง 9.39 จุด, -0.37% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,409.57 จุด ลดลง 14.34 จุด, -0.42% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,746.53 จุด ลดลง 0.28 จุด, -0.02% ขณะที่ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,548.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.25 จุด, +0.33%
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 ซึ่งการชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ นั่นคือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน โดยจะมีการเปิดเผยในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นเบอร์เบอร์รีร่วงหนัก ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 45.62 จุด
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) จากแรงฉุดของหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 5 ปี หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 45.62 จุด หรือ -0.61% ปิดที่ 7,484.10 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ถูกกดดันจากแรงขายในหุ้นผู้ผลิตสินค้าหรูรายใหญ่อย่างเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป และแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดิ่งลงถึง 10% หลังบริษัทออกรายงานเตือนว่า ยอดขายของบริษัทอาจจะไม่เติบโตจนกว่าจะถึงปีงบการเงิน 2564
       หุ้นกลุ่มค้าปลีกชั้นนำอย่างเซนส์บิวรี ร่วงลง 1.8% ภายหลังจากเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายนี้ได้ปรับลดการจ่ายเงินปันผล หลังรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีร่วงลง 41% ในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้
หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงจากแรงกดดันของรายงานผลการสำรวจของ RICS โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วงลง 4% หุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ดิ่งลง 3.6% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ลดลง 2.9%
หุ้นแอสตราเซเนกา ขยับลง 0.6% ถึงแม้ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่รายนี้จะเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานพุ่งขึ้นถึง 12% สู่ระดับ 1.15 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
     ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย. ) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทเบอร์เบอร์รี นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปซบเซาลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 390.07 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.ปีนี้
      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,182.56 จุด ร่วงลง 199.86 จุด หรือ -1.49% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,484.10 จุด ลดลง 45.62 จุด หรือ -0.61% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,407.75 จุด ลดลง 63.68 จุด หรือ -1.16%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทเบอร์เบอร์รี ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหรูรายใหญ่ของอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทอาจจะยังไม่เติบโตจนกว่าจะถึงปีงบการเงิน 2564 โดยถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นเบอร์เบอร์รีร่วงลง 10% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบ 5 ปี
      หุ้นกลุ่มค้าปลีกชั้นนำอย่างเซนส์บิวรี ร่วงลง 1.8% ภายหลังจากเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายนี้ได้ปรับลดการจ่ายเงินปันผล หลังรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีร่วงลง 41% ในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้
หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงจากแรงกดดันของรายงานผลการสำรวจของ RICS โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วงลง 4% หุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ดิ่งลง 3.6% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ลดลง 2.9%
หุ้นแอสตราเซเนกา ขยับลง 0.6% ถึงแม้ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่รายนี้จะเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานพุ่งขึ้นถึง 12% สู่ระดับ 1.15 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3
     นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปซบเซาลงด้วย โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงหลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562
     ทั้งนี้ การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 101.42 จุด วิตกข่าวรีพับลิกันเสนอชะลอแผนปรับลดภาษี
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากมีรายงานข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในตลาดได้บรรเทาลงในระดับหนึ่ง หลังจากคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee) มีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้กับสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะ เพื่อทำการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,461.94 จุด ลดลง 101.42 จุด หรือ -0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.62 จุด ลดลง 9.76 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,750.05 จุด ลดลง 39.07 จุด หรือ -0.58%
      ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 ซึ่งการชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
     อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในตลาดได้บรรเทาลงในระหว่างวัน หลังจากคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎรมีมติด้วยคะแนนเสียง 24 ต่อ 16 ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นแอปเปิล หุ้นไมโครซอฟต์ หุ้นอัลฟาเบท หุ้นออราเคิล และหุ้นเฟซบุ๊ก ต่างก็ปรับตัวลงถ้วนหน้า และได้ฉุดดัชนี S&P500 ร่วงลงด้วย
หุ้น Snap Inc ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Snapchat ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 443.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากการชะลอตัวของรายได้ และจำนวนผู้ใช้งาน ขณะที่เผชิญการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด เช่น Instagram และ WhatsApp
หุ้นเมซีส์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 23 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 19 เซนต์
หุ้นไทม์ อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 9.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ลดลง 9.5% สู่ระดับ 679 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 693 ล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 239,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 231,000 ราย และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน โดยจะมีการเปิดเผยในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์
OO2201

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!