- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 07 November 2017 10:54
- Hits: 1698
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น รับแรงหนุนราคาน้ำมันพุ่ง-หวังรัฐออกมาตรการช็อปช่วยชาติ
นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ หลังรับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นผลักดันให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงอาจมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกเข้ามาจากความคาดหวังการที่รัฐบาลจะออกมาตรการช็อปช่วยชาติ หลังกระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.ในวันนี้ ตลอดจนยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องในหุ้นรายตัวที่คาดว่างบไตรมาส 3/60 จะออกมาดี โดยให้แนวรับบริเวณ 1,700-1,705 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,715 และ 1,720-1,722 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้
มีโอกาสรีบาวด์ต่อ หลังจากมีการสร้างฐานในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ไม่หลุดแนวรับ 1,700 จุด ทำให้เริ่มมีสัญญาณดีดกลับ คาดว่าตลาดจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกคาดว่าจะได้ผลบวกจากการที่ครม.จะพิจารณามาตรการช็อปช่วยชาติ นอกจากนี้เชื่อว่ายังมีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/60 จะออกมาดีด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหภาพยุโรปในเดือนก.ย. ตลอดจนการเยือนภูมิภาคเอเชียของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
พร้อมให้แนวรับที่ 1,700-1,705 จุด แนวต้านที่ 1,715 และ 1,720-1,722 จุด
นอกจากนี้ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหภาพยุโรปในเดือนก.ย. ตลอดจนการเยือนภูมิภาคเอเชียของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
พร้อมให้แนวรับที่ 1,700-1,705 จุด แนวต้านที่ 1,715 และ 1,720-1,722 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,548.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,591.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,786.44 จุด เพิ่มขึ้น 22.00 จุด (+0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.60 จุด ,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 118.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.64 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.40 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.41 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.60) 1,711.74 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด (+0.60%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 200.31 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 3.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.60) ที่ 7.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.09 แนวโน้มแข็งค่า ตลาดรอความชัดเจนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
- ธปท.รายงานดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายล่าสุดในเดือน ก.ย.และไตรมาส 3 ที่ผ่านมา พบว่า เดือน ก.ย.เงินทุนไหลออกสุทธิ 984 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.26 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 1,280 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.24 หมื่นล้านบาท
- ธปท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ธปท.จะเปิดเผยรายงานผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยตัวเลขสำคัญที่มีการ จับตามองมากคือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังคงมีการขยายตัวเพิ่ม โดยสิ้นไตรมาส 3 เอ็นพีแอลทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 4.28 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.97% ของสินเชื่อรวม
- คลังเสนอมาตรการช็อปช่วยชาติ เข้าครม.วันนี้ ดีเดย์ 11-30 พ.ย.นี้ หวังกระตุ้น การจับจ่ายช่วงท้ายปีคึกคัก มั่นใจมาตรการคุ้มค่าย้ำใช้ไม่นาน นายแบงก์หนุนเชื่อช่วยให้เศรษฐกิจ เดินเครื่องได้เร็วขึ้น ขณะ "ค้าปลีก" ขานรับมาตรการรัฐ เตรียมความพร้อมรองรับลูกค้าเชื่อเทคโนโลยีใหม่ให้บริการสะดวก-เร็วขึ้น ด้าน"สมคิด"สั่งคลังเร่งช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนรายได้น้อยเฟส 2 จำนวน 11 ล้านคน ให้พ้นจากความยากจน หลังจากการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว โดยคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปีนี้ จะขยายตัวได้ 4% และไตรมาส 4 จะขยายตัวได้มากกว่า 4%
- "สมคิด" สั่ง 3 แบงก์รัฐบูรณาการการทำงานครั้งใหญ่ ช่วยเสริมความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ SME หวังให้เป็นอีกแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เผยต้องเร่งปล่อยสินเชื่อ ให้คำแนะนำการทำธุรกิจ สนับสนุนด้านการนำเข้าส่งออก พร้อมดึงแบงก์พาณิชย์เข้าร่วมวงช่วยอีกแรง ด้านสมาคมธนาคารไทยขานรับให้ความรู้ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ลดความเสี่ยงทำธุรกิจ คาดช่วยได้อีก 1.7 หมื่นราย วงเงินอัตราแลกเปลี่ยน 5.6 หมื่นล้านบาท
- นายกฯร่วมประชุมเอเปค 21 ชาติ ภายใต้หัวข้อ เศรษฐกิจภายใต้พลวัฒน์ใหม่ ส่งเสริมการมีอนาคตร่วมกัน "พาณิชย์" เผยเวทีประกาศจุดยืนยุทธศาสตร์ไทย ปรับตัวรับพลวัฒน์ เทรนด์ยั่งยืนโลก เน้นเชื่อมโยงเติบโต สร้างสรรค์นวัตกรรม ชูจุดขายอีอีซี ดึงทุนสู่ไทย-อาเซียน
- สรท.คาดส่งออกไทยปี 60 โตไม่ต่ำกว่า 8% หลัง 9 เดือน ยอด 1.75 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนปี 61 ขยายตัว 5%
- ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจได้วางกรอบแนวคิดเรื่องปฏิรูปเศรษฐกิจระยะ 20 ปีแล้ว โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนและครบทุกมิติ และมีเป้าหมายรอง คือ การเติบโตที่รวดเร็วมีคุณภาพให้สามารถแข่งขันได้ กระจายสู่ทุกคนและยั่งยืน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,548.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,591.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,786.44 จุด เพิ่มขึ้น 22.00 จุด (+0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.60 จุด ,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 118.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.64 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.40 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.41 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.60) 1,711.74 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด (+0.60%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 200.31 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 3.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.60) ที่ 7.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.09 แนวโน้มแข็งค่า ตลาดรอความชัดเจนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
- ธปท.รายงานดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายล่าสุดในเดือน ก.ย.และไตรมาส 3 ที่ผ่านมา พบว่า เดือน ก.ย.เงินทุนไหลออกสุทธิ 984 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.26 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 1,280 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.24 หมื่นล้านบาท
- ธปท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ธปท.จะเปิดเผยรายงานผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยตัวเลขสำคัญที่มีการ จับตามองมากคือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังคงมีการขยายตัวเพิ่ม โดยสิ้นไตรมาส 3 เอ็นพีแอลทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 4.28 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.97% ของสินเชื่อรวม
- คลังเสนอมาตรการช็อปช่วยชาติ เข้าครม.วันนี้ ดีเดย์ 11-30 พ.ย.นี้ หวังกระตุ้น การจับจ่ายช่วงท้ายปีคึกคัก มั่นใจมาตรการคุ้มค่าย้ำใช้ไม่นาน นายแบงก์หนุนเชื่อช่วยให้เศรษฐกิจ เดินเครื่องได้เร็วขึ้น ขณะ "ค้าปลีก" ขานรับมาตรการรัฐ เตรียมความพร้อมรองรับลูกค้าเชื่อเทคโนโลยีใหม่ให้บริการสะดวก-เร็วขึ้น ด้าน"สมคิด"สั่งคลังเร่งช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนรายได้น้อยเฟส 2 จำนวน 11 ล้านคน ให้พ้นจากความยากจน หลังจากการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว โดยคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปีนี้ จะขยายตัวได้ 4% และไตรมาส 4 จะขยายตัวได้มากกว่า 4%
- "สมคิด" สั่ง 3 แบงก์รัฐบูรณาการการทำงานครั้งใหญ่ ช่วยเสริมความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ SME หวังให้เป็นอีกแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เผยต้องเร่งปล่อยสินเชื่อ ให้คำแนะนำการทำธุรกิจ สนับสนุนด้านการนำเข้าส่งออก พร้อมดึงแบงก์พาณิชย์เข้าร่วมวงช่วยอีกแรง ด้านสมาคมธนาคารไทยขานรับให้ความรู้ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ลดความเสี่ยงทำธุรกิจ คาดช่วยได้อีก 1.7 หมื่นราย วงเงินอัตราแลกเปลี่ยน 5.6 หมื่นล้านบาท
- นายกฯร่วมประชุมเอเปค 21 ชาติ ภายใต้หัวข้อ เศรษฐกิจภายใต้พลวัฒน์ใหม่ ส่งเสริมการมีอนาคตร่วมกัน "พาณิชย์" เผยเวทีประกาศจุดยืนยุทธศาสตร์ไทย ปรับตัวรับพลวัฒน์ เทรนด์ยั่งยืนโลก เน้นเชื่อมโยงเติบโต สร้างสรรค์นวัตกรรม ชูจุดขายอีอีซี ดึงทุนสู่ไทย-อาเซียน
- สรท.คาดส่งออกไทยปี 60 โตไม่ต่ำกว่า 8% หลัง 9 เดือน ยอด 1.75 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนปี 61 ขยายตัว 5%
- ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจได้วางกรอบแนวคิดเรื่องปฏิรูปเศรษฐกิจระยะ 20 ปีแล้ว โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนและครบทุกมิติ และมีเป้าหมายรอง คือ การเติบโตที่รวดเร็วมีคุณภาพให้สามารถแข่งขันได้ กระจายสู่ทุกคนและยั่งยืน
*หุ้นเด่นวันนี้
- ECF-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) ครั้งที่ 3) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 129,951,632 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 5.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี 4 เดือน ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 พ.ค. 2562 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 ก.พ. 2564
- ECF-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) ครั้งที่ 2) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 194,929,773 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี 4 เดือน ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 พ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 ก.พ. 2562
อนึ่ง ตลท.ให้ ECF-W2,ECF-W3 ใช้เกณฑ์ Cash Balance ตั้งแต่ 7-17 พ.ย.60
- CKP (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 5 บาท กำไรที่เร่งตัวขึ้นใน H2/60-H1/61 เป็น catalyst ระยะสั้นต่อราคาหุ้น ขณะที่รวมมูลค่าเพิ่มจากโรงไฟฟ้า BIC2 120MW (ถือหุ้น 65%) เข้ามา และ rollover ไปปี 2561
- ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 27 บาท เป็นหุ้น Outperform สุดในกลุ่มอสังหาฯ จากผลงบานโดดเด่น โดยคาดกำไร Q3/60 ทำจุดสูงสุดใหม่ 534 ลบ. +124% Q-Q, +237% Y-Y และดีต่อเนื่องใน Q4/60 จากการโอนคอนโด Park 24 จึงปรับกำไรปี 2560-2561 ขึ้น 5-15% เป็นโตสูง 230% Y-Y และ 43% Y-Y ตามลำดับ นอกจากรายได้โอนที่มีต่อเนื่องแล้ว การขยายธุรกิจแบบ JV ยังช่วยลดข้อจำกัดด้านเงินทุน และเพิ่มรายได้แบบ recurring จากการรับบริหารโครงการ ซึ่งจะทำให้การเติบโตในอนาคตมั่นคงขึ้น
- AMANAH (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ" เป้า 2.70 บาท ผลงานไตรมาส 3/60 พลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานปกติหลังไม่มีการตั้งสำรองเช่นไตรมาส 3/60 เกิดจากสินเชื่อที่ปล่อยให้ผู้ประกอบการ บริษัทปรับพอร์ตการปล่อยกู้เน้นการ high yield จำนำทะเบียนรถ และมีการคุมเข้มคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น
- COM7 (เคจีไอ) เป้า Consensus เฉลี่ย 16.2 บาท ประเมินกำไร Q3/60 โต YoY และ QoQ จากการเปิดธุรกิจใหม่เพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจลีสซิ่ง, ร้านมือถือหัวเว่ย + OPPO, รุกการขายสินค้าเข้าลูกค้าองค์กร เป็นต้น ส่วนมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ" ที่คาดจะนำเข้าที่ประชุม ครม วันนี้ จะเป็นบวกต่อยอดขายสินค้าไอทีครบวงจรของ COM7 (มีครบทุกยี่ห้อทั้งคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, กล้องดิจิตอล ฯลฯ
- ECF-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) ครั้งที่ 2) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 194,929,773 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี 4 เดือน ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 พ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 ก.พ. 2562
อนึ่ง ตลท.ให้ ECF-W2,ECF-W3 ใช้เกณฑ์ Cash Balance ตั้งแต่ 7-17 พ.ย.60
- CKP (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 5 บาท กำไรที่เร่งตัวขึ้นใน H2/60-H1/61 เป็น catalyst ระยะสั้นต่อราคาหุ้น ขณะที่รวมมูลค่าเพิ่มจากโรงไฟฟ้า BIC2 120MW (ถือหุ้น 65%) เข้ามา และ rollover ไปปี 2561
- ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 27 บาท เป็นหุ้น Outperform สุดในกลุ่มอสังหาฯ จากผลงบานโดดเด่น โดยคาดกำไร Q3/60 ทำจุดสูงสุดใหม่ 534 ลบ. +124% Q-Q, +237% Y-Y และดีต่อเนื่องใน Q4/60 จากการโอนคอนโด Park 24 จึงปรับกำไรปี 2560-2561 ขึ้น 5-15% เป็นโตสูง 230% Y-Y และ 43% Y-Y ตามลำดับ นอกจากรายได้โอนที่มีต่อเนื่องแล้ว การขยายธุรกิจแบบ JV ยังช่วยลดข้อจำกัดด้านเงินทุน และเพิ่มรายได้แบบ recurring จากการรับบริหารโครงการ ซึ่งจะทำให้การเติบโตในอนาคตมั่นคงขึ้น
- AMANAH (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ" เป้า 2.70 บาท ผลงานไตรมาส 3/60 พลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานปกติหลังไม่มีการตั้งสำรองเช่นไตรมาส 3/60 เกิดจากสินเชื่อที่ปล่อยให้ผู้ประกอบการ บริษัทปรับพอร์ตการปล่อยกู้เน้นการ high yield จำนำทะเบียนรถ และมีการคุมเข้มคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น
- COM7 (เคจีไอ) เป้า Consensus เฉลี่ย 16.2 บาท ประเมินกำไร Q3/60 โต YoY และ QoQ จากการเปิดธุรกิจใหม่เพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจลีสซิ่ง, ร้านมือถือหัวเว่ย + OPPO, รุกการขายสินค้าเข้าลูกค้าองค์กร เป็นต้น ส่วนมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ" ที่คาดจะนำเข้าที่ประชุม ครม วันนี้ จะเป็นบวกต่อยอดขายสินค้าไอทีครบวงจรของ COM7 (มีครบทุกยี่ห้อทั้งคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, กล้องดิจิตอล ฯลฯ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับวอลล์สตรีททำนิวไฮ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทควอลคอมและบรอดคอม ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างคาดหวังว่ามาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,518.75 จุด ลดลง 29.60 จุด, -0.13% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,389.47 จุด เพิ่มขึ้น 1.30 จุด, +0.04% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,715.40 จุด เพิ่มขึ้น 118.60 จุด, +0.41% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,820.83 จุด เพิ่มขึ้น 34.64 จุด, +0.32% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,548.30 จุด ลดลง 1.11 จุด, -0.04% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,389.89 จุด เพิ่มขึ้น 8.04 จุด, +0.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,742.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด, +0.02%
นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,518.75 จุด ลดลง 29.60 จุด, -0.13% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,389.47 จุด เพิ่มขึ้น 1.30 จุด, +0.04% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,715.40 จุด เพิ่มขึ้น 118.60 จุด, +0.41% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,820.83 จุด เพิ่มขึ้น 34.64 จุด, +0.32% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,548.30 จุด ลดลง 1.11 จุด, -0.04% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,389.89 จุด เพิ่มขึ้น 8.04 จุด, +0.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,742.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด, +0.02%
นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 1.93 จุด รับแรงซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ และรายงานยอดขายรถยนต์ของอังกฤษที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,562.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ +0.03%
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่อย่างบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นริโอทินโต ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ รอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีพี ต่างก็ปรับตัวขึ้น 0.8%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานข่าว กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวมกุฎราชกุมารอัลวาลีด บิน ทาลาล และเจ้าชายคนอื่นๆ รวมทั้งรัฐมนตรี มหาเศรษฐี และอดีตเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยกดดันในระหว่างวัน จากการแข็งค่าของเงินปอนด์ รวมทั้งรายงานที่ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในอังกฤษ ร่วงลง 12.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ฮาลิแฟกซ์จะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านประจำเดือนต.ค. ส่วนในวันศุกร์ ทางการอังกฤษจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ และรายงานยอดขายรถยนต์ของอังกฤษที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,562.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ +0.03%
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่อย่างบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นริโอทินโต ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ รอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีพี ต่างก็ปรับตัวขึ้น 0.8%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานข่าว กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวมกุฎราชกุมารอัลวาลีด บิน ทาลาล และเจ้าชายคนอื่นๆ รวมทั้งรัฐมนตรี มหาเศรษฐี และอดีตเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยกดดันในระหว่างวัน จากการแข็งค่าของเงินปอนด์ รวมทั้งรายงานที่ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในอังกฤษ ร่วงลง 12.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ฮาลิแฟกซ์จะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านประจำเดือนต.ค. ส่วนในวันศุกร์ ทางการอังกฤษจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย วิตกข่าวกษัตริย์ซาอุฯกวาดล้างทุจริต
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากมีรายงานว่าดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนชะลอตัวลงในเดือนต.ค. นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากข่าวกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ในประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.1% ปิดที่ 396.59 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,468.79 จุด ลดลง 10.07 จุด หรือ -0.07% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,507.25 จุด ลดลง 10.72 จุด หรือ -0.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,562.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ +0.03%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ย.
ขณะที่ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวมกุฎราชกุมารอัลวาลีด บิน ทาลาล และเจ้าชายคนอื่นๆ รวมทั้งรัฐมนตรี มหาเศรษฐี และอดีตเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
รายงานระบุว่า มกุฎราชกุมารอัลลาวีด เป็นพระนัดดาของกษัตริย์ซัลมาน และเป็นเจ้าของบริษัท Kingdom Holding ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน นอกจากนี้ ยังเป็นนักลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างทวิตเตอร์ และซิตี้กรุ๊ป โดยมกุฎราชกุมารอัลลาวีดได้ถูกตั้งข้อหาฟอกเงิน ติดสินบน และบังคับข่มขู่เจ้าหน้าที่
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง นำโดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอรัล ดิ่งลง 4% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
หุ้นเอสบีเอ็ม ออฟชอร์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ ดิ่งลง 14% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทเตรียมจ่ายเงินมูลค่า 238 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความกับทางการสหรัฐ ในคดีการกำหนดราคาอย่างไม่เหมาะสม
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปในวันนี้ ซึ่งรวมถึง การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของเยอรมนี, ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค.ของอังกฤษ จากฮาลิแฟกซ์ และยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของยูโรโซน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากมีรายงานว่าดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนชะลอตัวลงในเดือนต.ค. นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากข่าวกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ในประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.1% ปิดที่ 396.59 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,468.79 จุด ลดลง 10.07 จุด หรือ -0.07% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,507.25 จุด ลดลง 10.72 จุด หรือ -0.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,562.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ +0.03%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ย.
ขณะที่ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวมกุฎราชกุมารอัลวาลีด บิน ทาลาล และเจ้าชายคนอื่นๆ รวมทั้งรัฐมนตรี มหาเศรษฐี และอดีตเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
รายงานระบุว่า มกุฎราชกุมารอัลลาวีด เป็นพระนัดดาของกษัตริย์ซัลมาน และเป็นเจ้าของบริษัท Kingdom Holding ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน นอกจากนี้ ยังเป็นนักลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างทวิตเตอร์ และซิตี้กรุ๊ป โดยมกุฎราชกุมารอัลลาวีดได้ถูกตั้งข้อหาฟอกเงิน ติดสินบน และบังคับข่มขู่เจ้าหน้าที่
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง นำโดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอรัล ดิ่งลง 4% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
หุ้นเอสบีเอ็ม ออฟชอร์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ ดิ่งลง 14% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทเตรียมจ่ายเงินมูลค่า 238 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความกับทางการสหรัฐ ในคดีการกำหนดราคาอย่างไม่เหมาะสม
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปในวันนี้ ซึ่งรวมถึง การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของเยอรมนี, ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค.ของอังกฤษ จากฮาลิแฟกซ์ และยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของยูโรโซน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 9.23 จุด รับข่าวควบกิจการ,คาดแผนปฏิรูปภาษีหนุนภาคเอกชน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทควอลคอมและบรอดคอม นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,548.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,591.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,786.44 จุด เพิ่มขึ้น 22.00 จุด หรือ +0.33%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่ โดยบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร ประกาศทุ่มเงินกว่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อกิจการบริษัทควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน โดยข้อเสนอซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นควอลคอม พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 1.4%
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บริษัทมาร์เวล เทคโนโลยี กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัท Cavium Inc โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 9.1% และหนุนหุ้น Cavium ทะยานขึ้น 12%
หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ พุ่งขึ้น 9.9% หลังจากมีรายงานว่า ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ กำลังเจรจาเพื่อตัดขายธุรกิจบางส่วนให้กับวอลท์ดิสนีย์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นวอลท์ดีสนีย์ พุ่งขึ้น 2.02%
หุ้นเอเอ็มดี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากมีรายงานว่า เอเอ็มดีวางแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทอินเทล เพื่อจัดตั้งธุรกิจผลิตชิพสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอินเทลปรับตัวขึ้น 1.3%
หุ้นไมเคิล คอร์ โฮลดิงส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแฟชั่นชื่อดังของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.01% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (Committee on Ways and Means) ได้เริ่มพิจารณาร่างปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สภาผู้แทนราษฎรจะโหวตร่างกฎหมายดังกล่าว ก่อนช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ในวันที่ 22 พ.ย.นี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทควอลคอมและบรอดคอม นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,548.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,591.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,786.44 จุด เพิ่มขึ้น 22.00 จุด หรือ +0.33%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่ โดยบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร ประกาศทุ่มเงินกว่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อกิจการบริษัทควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน โดยข้อเสนอซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นควอลคอม พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 1.4%
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บริษัทมาร์เวล เทคโนโลยี กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัท Cavium Inc โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 9.1% และหนุนหุ้น Cavium ทะยานขึ้น 12%
หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ พุ่งขึ้น 9.9% หลังจากมีรายงานว่า ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ กำลังเจรจาเพื่อตัดขายธุรกิจบางส่วนให้กับวอลท์ดิสนีย์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นวอลท์ดีสนีย์ พุ่งขึ้น 2.02%
หุ้นเอเอ็มดี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากมีรายงานว่า เอเอ็มดีวางแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทอินเทล เพื่อจัดตั้งธุรกิจผลิตชิพสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอินเทลปรับตัวขึ้น 1.3%
หุ้นไมเคิล คอร์ โฮลดิงส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแฟชั่นชื่อดังของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.01% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (Committee on Ways and Means) ได้เริ่มพิจารณาร่างปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สภาผู้แทนราษฎรจะโหวตร่างกฎหมายดังกล่าว ก่อนช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ในวันที่ 22 พ.ย.นี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO2020
OO2020