WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

74ดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น รับแรงเก็งกำไรงบฯ Q3/60-ราคาน้ำมันขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม

        นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น จากปัจจัยบวกภายในประเทศ ที่ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ออกมา และสัปดาห์นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนก.ย.ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ทำให้คาดว่าดัชนีมีโอกาสที่จะทดสอบระดับ 1,723 และ 1,729 จุด ซึ่งเป็นยอดสูงเดิมได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีอาจจะมีความผันผวนบริเวณยอดสูงเดิมดังกล่าว เพราะสัปดาห์นี้มีปัจจัยจากต่างประเทศที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 31 ต.ค. ,การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ,การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ ,การคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ตลอดจนวิกฤตการเมืองในสเปน เป็นต้น
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,708 และ 1,704 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,723 และ 1,729 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,581.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.67 จุด (+0.81%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,701.26 จุด เพิ่มขึ้น 144.49 จุด (+2.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 39.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 17.24 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 68.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 146.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.94 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 36.38 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ต.ค.60) 1,716.03 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด (+0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,151.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ต.ค.60) ที่ 7.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.21 แนวโน้มแกว่งแคบ ตลาดรอปัจจัยสำคัญในปท.-ตปท.ช่วงกลางสัปดาห์
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้หารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในปี 61 ธปท.ยืนยันกรอบเท่าเดิมที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% คาดว่าจะทำให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ แต่กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าธปท.ไม่สามารถบริหารกรอบเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายมา 3 ปี ติดต่อกันแล้ว จึงต้องการให้ ธปท.บริหารเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลเสถียรภาพให้มากกว่านี้
- บมจ.ท่าอากาศยานไทย เปิดเผยว่าหลังจากประเทศไทยได้รับการปลดธงแดงจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) ทำให้ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความคึกคักมากขึ้นโดยช่วงเวลาที่ไม่คับคั่ง(ออฟพีก) 02.00-05.00 น. เริ่มมีสายการบินขอรับจัดสรรตารางเวลาการบิน(สลอต) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายการบินที่เดินทางมาจากประเทศจีนทำให้ภาพรวมผู้โดยสารเติบโตขึ้น 12.7% โดยระหว่างประเทศเติบโตกว่า 20% บางวันสูงถึง 30%
- แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าภูมิภาคหาดใหญ่ วงเงิน 16,100 ล้านบาทว่า หน่วยงานส่วนท้องถิ่นเป็นการดำเนินการศึกษาระบบขนส่งมวลชนเขตเมืองหาดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2559 ล่าสุดผ่านการพิจารณาการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) จากคณะกรรมการผู้ชำนาญการแล้วต่อจากนี้ก็จะมีการเสนอให้ทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม(สผ.) ต่อไปโดยหากไม่ติดปัญหาอะไรก็คาดว่าจะได้ตัวเอกชนผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าวภายในปี 2562 เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าภูมิภาคในจังหวัดอื่นๆ
- วงในอัยการสูงสุด (อสส.) เผย "ยิ่งลักษณ์" ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีจำนำข้าว ขณะที่ อสส.ก็มีความเห็นไม่อุทธรณ์เช่นกัน ส่งผลให้คดีถึงที่สุดแล้ว เตรียมเสนอกระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ตตามตัวมารับโทษ
- คลังห่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับฐานรากจะสามารถขยายตัวได้ดีเช่นเดียวกันกับเศรษฐกิจในภาพใหญ่หรือไม่ โดยได้ขอให้สศค.ช่วยดูว่าจะมีมาตรการอะไรเข้าไปเสริมได้อีกหรือไม่ สิ่งที่ต้องการเห็นคือการลงทุนของท้องถิ่น ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีเงินเหลือจ่ายอยู่นับแสนล้านบาท ก็อยากให้แต่ละจังหวัดนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก เพราะถ้าลงได้ 1 แสนล้านบาท ช่วยเศรษฐกิจได้ 0.1% ซึ่งมอบให้ สศค.ไปช่วยศึกษาแนวทางที่จะช่วยแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว และให้สรุปภายใน 2 สัปดาห์
- "นักวิชาการ" ซัด "บิ๊กตู่" ขาดกาลเทศะอย่างร้ายแรงฉวยโอกาสช่วงวันพระราชพิธีสำคัญงัดม.44 เลิกผังเมือง 3 จังหวัด"อีอีซี"เปิดทางถมทะเลมาบตาพุด "ประสิทธิ์ชัย"อัดซ้ำใช้อำนาจปืน ประเคนทรัพยากรให้นายทุน ทำประเทศสูญเสียหนัก และยาวนาน "วีระ"ลั่นพี่น้อง 3 จังหวัดอีอีซี-ชาวประมงเตรียมตายได้ หากไม่ยอมขายแรงงาน เป็นยามเฝ้าโรงงาน
- คสช.เผยปริมาณน้ำใกล้เคียงท่วมใหญ่ปี 54 แต่เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว อธิบดีกรมชลฯ เตรียมชงป้องกันพื้นที่นอกคันกั้น สุพรรณบุรีน้ำล้นทุ่ง ท่วมบางปลาม้า สสจ.สิงห์บุรีให้ระวังโรคที่มากับน้ำ ขณะที่ ผวจ.ขอนแก่นประชุมด่วน เร่งกู้พนังริมน้ำพองที่ถูกกัดเซาะขาดยาว 30 ม. แจ้งเขื่อนอุบลรัตน์ลดการระบายน้ำ เหลือ 38 ล้านลบ.ม. เพื่อให้สามารถซ่อมแซมได้ เผยไร่นาท่วมแล้ว 3,500 ไร่ ระดมเครื่องสูบน้ำป้องเขตเทศบาลเร่งสูบลงแม่น้ำชี ขณะที่น้ำก้อนใหญ่ถึงสารคาม ชาวนาบุรีรัมย์วอนรัฐช่วย
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPN (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 39 บาท มองมีศักยภาพเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากเปิดศูนย์การค้าใหม่ คอนโดฯ และโครงการ Mixed-use หลายแห่ง ปรับประมาณการกำไรขึ้น 4% สะท้อนเงินประกันฯ ขายทรัพย์สินเข้า CPNREIT และการเปิดคอนโดฯใหม่ กำไร Q3/60-Q4/60 แนวโน้มดีก่อนโตอย่างมีนัยในปี 61 ขณะที่คาดกำไรสุทธิ 5,897 ล้านบาทจากการบันทึกค่าประกันภัยเพลิงไหม้ 3,500 ล้านบาท หากไม่รวม คาดกำไรปกติ 2,397 ล้านบาท ลดลง 3% ตามผลฤดูกาลและเซ็นทรัลเวิลด์มีอัตราเข้าเช่าลดลงจากการปรับปรุง แต่คาดกำไรเพิ่มขึ้น 2% YoY เนื่องจากค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่ม 3% YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน แม้อัตราเข้าเช่ายังลดลง
- TSTH (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะนำ"TRADING BUY"ประกาศผลงานงวด Q2 ปี 60/61 (งวด ก.ค.-ก.ย. 60) ฟื้นตัวมีกำไร 185 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนขาดทุน 46 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย 3% ถ้าหากตัดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้ฯ 40 ล้านบาท จะมีกำไรปกติสูงถึง 225 ล้านบาทดีกว่าคาด 200 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากราคาขายเหล็กเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 17,911 บาท/ตัน จากราคาเฉลี่ยไตรมาสก่อน 16,697 บาท/ตัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.7% เทียบกับ 4.3% ในไตรมาสก่อน และ 9.4% ในปีก่อน และปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นเป็น 323,000 ตัน (+17%QoQ, +3%YoY)
- CBG (ไอร่า) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 125 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/60 ราว 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% QoQ และ 4% YoY เป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขาย โดยเฉพาะต่างประเทศทั้งจีน และ CLMV ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก ICUK ประมาณ 15% ในการสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล “Carabao Cup" ที่บันทึกเข้ามา ขณะที่ยอดส่งออกยังโตต่อเนื่อง อังกฤษเริ่มเห็นแนวโน้มโตดี พร้อมปรับเพิ่มประมาณกำไรสุทธิปี 60 ขึ้น 21% เป็น 1,578 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 1.58 บาท และอีก 3 ปีข้างหน้ากำไรโตเฉลี่ย 33%
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับ GDP สหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,047.95 จุด เพิ่มขึ้น 39.50 จุด, +0.18% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,413.87 จุด ลดลง 2.94 จุด, -0.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,585.15 จุด เพิ่มขึ้น 146.30 จุด, +0.51% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,777.60 จุด เพิ่มขึ้น 68.49 จุด, +0.64% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,513.87 จุด เพิ่มขึ้น 17.24 จุด, +0.69% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,385.60 จุด ลดลง 0.84 จุด, -0.02% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,747.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด, +0.10%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 เมื่อวันศุกร์ โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลังและการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์และเออร์มา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศการตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ ก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย ในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 17.22 จุด จากแรงฉุดหุ้นกลุ่มสร้างบ้าน, ธนาคารเอชเอสบีซี
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) จากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า และหุ้นธนาคารเอชเอสบีซีที่ปรับตัวลงหลังเปิดเผยรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2560
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 17.22 จุด หรือ -0.23% ปิดที่ 7,487.81 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มสร้างบ้านปรับตัวลงทั้งกระดาน ภายหลังจากธนาคารบาร์เคลย์สได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนในหุ้นเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และหุ้นเพอร์ซิมมอน สู่ระดับ "underweight" จากระดับ "equal weight" โดยหุ้นเบิร์กลีย์ ร่วงลง 1.4% และหุ้นเพอร์ซิมมอน ขยับลง 0.6%
ขณะที่หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ขยับลง 0.54% หลังบาร์เคลย์สปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนจากระดับ "overweight" สู่ระดับ "equal weight"
ส่วนหุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ลดลง 0.5% ถึงแม้ว่าธนาคารบาร์เคลย์สจะคงอันดับความน่าลงทุนไว้ที่ "overweight"
หุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวลง 1.5% แม้ธนาคารยักษ์ใหญ่รายนี้จะเปิดเผยว่า ทางธนาคารได้กลับมามีผลกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.24 พันล้านดอลลาร์ ด้วยแรงหนุนจากรายได้ในเอเชียที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นอีซีเจ็ท พุ่งขึ้น 2% หลังสายการบินชั้นประหยัดรายใหญ่รายนี้เปิดเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อสินทรัพย์จากแอร์เบอร์ลินที่ประสบภาวะล้มละลาย
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังวิกฤตการเมืองสเปนเริ่มคลี่คลาย
     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากวิกฤตการณ์ด้านการเมืองในสเปนเริ่มคลี่คลายลง โดยรายงานระบุว่า รัฐบาลสเปนได้เข้ายึดอำนาจการปกครองในแคว้นกาตาลุญญา พร้อมกับปลดนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาออกจากตำแหน่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.1% ปิดที่ 393.91 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,229.57 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด หรือ +0.09% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,493.63 จุด ลดลง 0.50 จุด หรือ -0.01% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,487.81 จุด ลดลง 17.22 จุด หรือ -0.23%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับสถานการณ์การเมืองในสเปนที่เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากรัฐบาลกลางของสเปนได้เข้ายึดอำนาจการปกครองในแคว้นกาตาลุญญา ขณะที่นายโฮเซ่ มานูเอล มาซา อธิบดีอัยการสเปน ได้ตั้งข้อหากบฏ และปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย ต่อนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ อดีตผู้นำแคว้นกาตาลุญญา รวมถึงรัฐบาลของนายปุกเดมองต์ หลังจากที่ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน
ดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปนพุ่งขึ้น 2.5% ปิดที่ระดับ 10,446.00 จุดเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นธนาคารของสเปนปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นบังเกีย พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด
นักลงทุนจับตาธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ย.นี้ ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า BoE มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.25% นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุม BoE จะปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
สำหรับปัจจัยที่ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ มาจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัวที่ระดับ 0.4% ในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.3% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 85.45 จุด วิตกสหรัฐอาจปรับลดภาษีล่าช้ากว่าที่คาด
     ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอาจดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ รวมทั้งการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,348.74 จุด ลดลง 85.45 จุด หรือ -0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,572.83 จุด ลดลง 8.24 จุด หรือ -0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,698.96 จุด ลดลง 2.30 จุด หรือ -0.03%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันกำลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างค่อยเป็นค่อยไปในแผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษี
รายงานระบุว่า แผนดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังมีการหารือกันในสภาผู้เทนราษฎรสหรัฐนั้น จะส่งผลให้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลแตะระดับ 20% ในปี 2565 หรือใช้เวลาอีก 5 ปี กว่าจะลดลงสู่ระดับดังกล่าว นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า แผนดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า การปรับลดอัตราภาษีจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติงบประมาณปี 2561 ที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก นำโดยเมอร์ก แอนด์ โค ร่วงลง 6.1% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลง 1.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.ปีนี้
หุ้นกลุ่มสื่อสารร่วงลง หลังจากมีรายงานว่า บริษัทซอฟท์ แบงก์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการสปรินท์ คอร์ป อาจจะปฏิเสธการควบรวมกิจการระหว่างสปรินท์ คอร์ป และที-โมบาย ยูเอส อิงค์ โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นสปรินท์ คอร์ป ร่วงลง 9.3% หุ้นที-โมบาย ดิ่งลง 5.4% ขณะที่หุ้นเอทีแอนด์ที ร่วงลง 1.3% และหุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น ร่วงลง 2.1%
หุ้นวอลมาร์ทปรับตัวลง 1.4% หลังจากมีรายงานว่า นายฌอน คล้าก ผู้บริหารวอลมาร์ทสาขาประเทศอังกฤษ จะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ และนายโรเจอร์ เบอร์นลีย์ จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวแทน
หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยนั้น ปิดปรับตัวลง 0.9% แม้ว่าเอชเอสบีซีสามารถพลิกกลับมาทำกำไร 3.24 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้วซึ่งขาดทุน 204 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากหนังสือพิมพ์อีโคโนมิค เดลี่ นิวส์ของจีนรายงานว่า บริษัทแอปเปิลได้รับคำสั่งจองซื้อ iPhone X เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่เปิดรับจองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จนทำให้แอปเปิลต้องแจ้งให้บริษัทซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนในไต้หวันเพิ่มการผลิตเป็น 2 เท่า
นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมครั้งนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งเป็นที่จับตาในตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ในวันศุกร์ที่ 3 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคาบ้านเดือนส.ค.โดยเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.
--อินโฟเควสท์
OO1716

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!