WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น รับแรงเก็งกำไรงบฯ Q3/60-ราคาน้ำมันขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม38

    นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น จากปัจจัยบวกภายในประเทศ ที่ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ออกมา และสัปดาห์นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนก.ย.ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ทำให้คาดว่าดัชนีมีโอกาสที่จะทดสอบระดับ 1,723 และ 1,729 จุด ซึ่งเป็นยอดสูงเดิมได้อีกครั้ง

       อย่างไรก็ตาม ดัชนีอาจจะมีความผันผวนบริเวณยอดสูงเดิมดังกล่าว เพราะสัปดาห์นี้มีปัจจัยจากต่างประเทศที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 31 ต.ค. ,การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ,การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ ,การคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ตลอดจนวิกฤตการเมืองในสเปน เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,708 และ 1,704 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,723 และ 1,729 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,581.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.67 จุด (+0.81%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,701.26 จุด เพิ่มขึ้น 144.49 จุด (+2.20%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 39.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 17.24 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 68.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 146.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.94 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 36.38 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ต.ค.60) 1,716.03 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด (+0.42%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,151.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.4%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ต.ค.60) ที่ 7.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.21 แนวโน้มแกว่งแคบ ตลาดรอปัจจัยสำคัญในปท.-ตปท.ช่วงกลางสัปดาห์

- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้หารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในปี 61 ธปท.ยืนยันกรอบเท่าเดิมที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% คาดว่าจะทำให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ แต่กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าธปท.ไม่สามารถบริหารกรอบเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายมา 3 ปี ติดต่อกันแล้ว จึงต้องการให้ ธปท.บริหารเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลเสถียรภาพให้มากกว่านี้

- บมจ.ท่าอากาศยานไทย เปิดเผยว่าหลังจากประเทศไทยได้รับการปลดธงแดงจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) ทำให้ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความคึกคักมากขึ้นโดยช่วงเวลาที่ไม่คับคั่ง(ออฟพีก) 02.00-05.00 น. เริ่มมีสายการบินขอรับจัดสรรตารางเวลาการบิน(สลอต) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายการบินที่เดินทางมาจากประเทศจีนทำให้ภาพรวมผู้โดยสารเติบโตขึ้น 12.7% โดยระหว่างประเทศเติบโตกว่า 20% บางวันสูงถึง 30%

- แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าภูมิภาคหาดใหญ่ วงเงิน 16,100 ล้านบาทว่า หน่วยงานส่วนท้องถิ่นเป็นการดำเนินการศึกษาระบบขนส่งมวลชนเขตเมืองหาดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2559 ล่าสุดผ่านการพิจารณาการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) จากคณะกรรมการผู้ชำนาญการแล้วต่อจากนี้ก็จะมีการเสนอให้ทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม(สผ.) ต่อไปโดยหากไม่ติดปัญหาอะไรก็คาดว่าจะได้ตัวเอกชนผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าวภายในปี 2562 เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าภูมิภาคในจังหวัดอื่นๆ

- วงในอัยการสูงสุด (อสส.) เผย "ยิ่งลักษณ์" ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีจำนำข้าว ขณะที่ อสส.ก็มีความเห็นไม่อุทธรณ์เช่นกัน ส่งผลให้คดีถึงที่สุดแล้ว เตรียมเสนอกระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ตตามตัวมารับโทษ

- คลังห่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับฐานรากจะสามารถขยายตัวได้ดีเช่นเดียวกันกับเศรษฐกิจในภาพใหญ่หรือไม่ โดยได้ขอให้สศค.ช่วยดูว่าจะมีมาตรการอะไรเข้าไปเสริมได้อีกหรือไม่ สิ่งที่ต้องการเห็นคือการลงทุนของท้องถิ่น ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีเงินเหลือจ่ายอยู่นับแสนล้านบาท ก็อยากให้แต่ละจังหวัดนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก เพราะถ้าลงได้ 1 แสนล้านบาท ช่วยเศรษฐกิจได้ 0.1% ซึ่งมอบให้ สศค.ไปช่วยศึกษาแนวทางที่จะช่วยแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว และให้สรุปภายใน 2 สัปดาห์

- "นักวิชาการ" ซัด "บิ๊กตู่" ขาดกาลเทศะอย่างร้ายแรงฉวยโอกาสช่วงวันพระราชพิธีสำคัญงัดม.44 เลิกผังเมือง 3 จังหวัด"อีอีซี"เปิดทางถมทะเลมาบตาพุด "ประสิทธิ์ชัย"อัดซ้ำใช้อำนาจปืน ประเคนทรัพยากรให้นายทุน ทำประเทศสูญเสียหนัก และยาวนาน "วีระ"ลั่นพี่น้อง 3 จังหวัดอีอีซี-ชาวประมงเตรียมตายได้ หากไม่ยอมขายแรงงาน เป็นยามเฝ้าโรงงาน

- คสช.เผยปริมาณน้ำใกล้เคียงท่วมใหญ่ปี 54 แต่เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว อธิบดีกรมชลฯ เตรียมชงป้องกันพื้นที่นอกคันกั้น สุพรรณบุรีน้ำล้นทุ่ง ท่วมบางปลาม้า สสจ.สิงห์บุรีให้ระวังโรคที่มากับน้ำ ขณะที่ ผวจ.ขอนแก่นประชุมด่วน เร่งกู้พนังริมน้ำพองที่ถูกกัดเซาะขาดยาว 30 ม. แจ้งเขื่อนอุบลรัตน์ลดการระบายน้ำ เหลือ 38 ล้านลบ.ม. เพื่อให้สามารถซ่อมแซมได้ เผยไร่นาท่วมแล้ว 3,500 ไร่ ระดมเครื่องสูบน้ำป้องเขตเทศบาลเร่งสูบลงแม่น้ำชี ขณะที่น้ำก้อนใหญ่ถึงสารคาม ชาวนาบุรีรัมย์วอนรัฐช่วย

*หุ้นเด่นวันนี้

- CPN (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 39 บาท มองมีศักยภาพเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากเปิดศูนย์การค้าใหม่ คอนโดฯ และโครงการ Mixed-use หลายแห่ง ปรับประมาณการกำไรขึ้น 4% สะท้อนเงินประกันฯ ขายทรัพย์สินเข้า CPNREIT และการเปิดคอนโดฯใหม่ กำไร Q3/60-Q4/60 แนวโน้มดีก่อนโตอย่างมีนัยในปี 61 ขณะที่คาดกำไรสุทธิ 5,897 ล้านบาทจากการบันทึกค่าประกันภัยเพลิงไหม้ 3,500 ล้านบาท หากไม่รวม คาดกำไรปกติ 2,397 ล้านบาท ลดลง 3% ตามผลฤดูกาลและเซ็นทรัลเวิลด์มีอัตราเข้าเช่าลดลงจากการปรับปรุง แต่คาดกำไรเพิ่มขึ้น 2% YoY เนื่องจากค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่ม 3% YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน แม้อัตราเข้าเช่ายังลดลง

- TSTH (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะนำ"TRADING BUY"ประกาศผลงานงวด Q2 ปี 60/61 (งวด ก.ค.-ก.ย. 60) ฟื้นตัวมีกำไร 185 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนขาดทุน 46 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย 3% ถ้าหากตัดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้ฯ 40 ล้านบาท จะมีกำไรปกติสูงถึง 225 ล้านบาทดีกว่าคาด 200 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากราคาขายเหล็กเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 17,911 บาท/ตัน  จากราคาเฉลี่ยไตรมาสก่อน 16,697 บาท/ตัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.7% เทียบกับ 4.3% ในไตรมาสก่อน และ 9.4% ในปีก่อน  และปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นเป็น 323,000 ตัน (+17%QoQ, +3%YoY)

- CBG (ไอร่า) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 125 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/60 ราว 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% QoQ และ 4% YoY เป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขาย โดยเฉพาะต่างประเทศทั้งจีน และ CLMV ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก ICUK ประมาณ 15% ในการสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล “Carabao Cup" ที่บันทึกเข้ามา ขณะที่ยอดส่งออกยังโตต่อเนื่อง อังกฤษเริ่มเห็นแนวโน้มโตดี พร้อมปรับเพิ่มประมาณกำไรสุทธิปี 60 ขึ้น 21% เป็น 1,578 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 1.58 บาท และอีก 3 ปีข้างหน้ากำไรโตเฉลี่ย 33%

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับ GDP สหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,047.95 จุด เพิ่มขึ้น 39.50 จุด, +0.18% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,413.87 จุด ลดลง 2.94 จุด, -0.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,585.15 จุด เพิ่มขึ้น 146.30 จุด, +0.51% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,777.60 จุด เพิ่มขึ้น 68.49 จุด, +0.64% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,513.87 จุด เพิ่มขึ้น 17.24 จุด, +0.69% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,385.60 จุด ลดลง 0.84 จุด, -0.02% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,747.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด, +0.10%

       กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 เมื่อวันศุกร์ โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลังและการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์และเออร์มา

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศการตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ ก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย ในวันที่ 3 พ.ย.นี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : เงินปอนด์อ่อนฟุตซี่ปิดบวก 18.53 จุด นักลงทุนจับตาประชุมแบงก์ชาติอังกฤษ

         ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) จากแรงหนุนของผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และการอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์

        ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 18.53 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 7,505.03 จุด

       การอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์ได้ช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทส่งออก

      หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) พุ่งขึ้น 1.7% หลังธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นแตะ 871 ล้านยูโร  (1.15 พันล้านดอลลาร์) จากระดับ 255 ล้านยูโรของเมื่อปีที่แล้ว

     หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ปรับตัวลง 6.94% แม้บริษัทจะเปิดเผยว่ามีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1 พันล้านยูโร  (1.17 พันล้านดอลลาร์) และมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.1%

       นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 3 โดยสูงกว่าไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.3% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

       เมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 1.5% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของภาคการผลิตและบริการ รวมทั้งความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมรถยนต์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก เหตุยูโรอ่อนค่าหนุนหุ้นส่งออก

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) โดยหุ้นกลุ่มส่งออกได้ปรับปัจจัยหนุนจากเงินยูโรที่อ่อนค่าลงอันเนื่องมาจากวิกฤตการเมืองในสเปน นอกจากนี้ การรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นแรงหนุนให้ตลาดปิดในแดนบวก

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดเพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับ 393.43 จุด

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,217.54 จุด เพิ่มขึ้น 84.26 จุด หรือ 0.64% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,494.13 จุด เพิ่มขึ้น 38.73 จุด หรือ 0.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,505.03 จุด เพิ่มขึ้น 18.53 จุด หรือ 0.71%

      การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรช่วยหนุนความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการของบริษัทส่งออก โดยปัจจัยที่ทำให้ยูโรอ่อนค่าลงนั้น มาจากวิกฤตการเมืองในสเปน และหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 2562 เป็นอย่างน้อย

       หุ้นอีเลคโทรลักซ์ เอบี  ทะยานขึ้น 5.41% หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรประจำไตรมาส 3 อยู่ที่ 175.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้

        หุ้นโฟล์คสวาเกน เอจี พุ่งขึ้น 4.13% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 จะลดลงเหลือเพียง 1.06 พันล้านยูโร (1.25 พันล้านดอลลาร์) จากรณีอื้อฉาวเรื่องการโกงค่ามลพิษ

        ส่วนดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปนปิดร่วงลง 1.45% เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวล หลังรัฐสภาแคว้นกาตาลุญญามีมติประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภา 70 เสียง คัดค้าน 10 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ขณะที่สมาชิกพรรคสังคมนิยม, พรรคประชาชน และพรรคซิอูดาดานอส ต่างพากันประท้วงด้วยการไม่เข้าประชุมสภา

       นายกรัฐมนตรีสเปนกล่าวว่า การที่รัฐสภาแคว้นกาตาลุญญาประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ถือเป็นการก่ออาชญากรรม

       รัฐบาลสเปนได้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเพื่อประกาศใช้คำสั่งเข้าปกครองโดยตรงต่อแคว้นกาตาลุญญา หลังจากที่วุฒิสภาสเปนมีมติด้วยคะแนนเสียง 214 ต่อ 47 เสียงเมื่อวานนี้ ในการอนุมัติให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อยึดอำนาจการบริหารและปกครองจากแคว้นกาตาลุญญา โดยเพิกถอนสิทธิในการปกครองตนเอง พร้อมกับปลดคณะรัฐบาลคาตาลัน และรัฐบาลกลางจะเข้าควบคุมกำลังตำรวจในแคว้นดังกล่าว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 33.33 จุด รับผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยี, GDP สหรัฐโตเกินคาด

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึง ไมโครซอฟท์ อัลฟาเบท อเมซอน และอินเทล นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด หรือ 0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,581.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.67 จุด หรือ 0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,701.26 จุด เพิ่มขึ้น 144.49 จุด หรือ 2.20%

       หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 4.26% หลังจากบริษัทเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 6.73 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 9.57 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.33 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 7.25 ดอลลาร์ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า กำไรต่อหุ้นของกูเกิลจะอยู่ที่ 8.31 ดอลลาร์

       หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 6.41% หลังจากบริษัทเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ที่ระดับ 6.58 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 84 เซนต์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วที่ระดับ 5.67 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 72 เซนต์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ของไมโครซอฟท์จะอยู่ที่ 72 เซนต์ โดยผลประกอบการของไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นเนื่องจากระบบ Azure ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในธุรกิจคลาวด์ และระบบปฏิบัติการ 365 ของไมโครซอฟท์ ได้รับการตอบรับที่แข็งแกร่งจากลูกค้า

      หุ้นอเมซอน ทะยานขึ้น 13.22% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2560 อยู่ที่ 256 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 252 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอเมซอนช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า อเมซอนสามารถดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากเข้าซื้อกิจการโฮลฟู้ดส์ มาร์เก็ตส์ ซึ่งถือเป็นการรุกซื้อธุรกิจครั้งใหญ่สุดของอเมซอน

      หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 7.38% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มา

       นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ ก่อนที่เขาจะเดินทางเนือนประเทศต่างๆในเอเชีย ในวันที่ 3 พ.ย.นี้

       หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ และสำนักข่าวโพลิติโค รายงานว่า ปธน.ทรัมป์กำลังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจเลือกผู้ที่จะขึ้นดำรงดังกล่าว โดยขณะนี้มีตัวเก็งเหลือเพียง 2 คน คือ นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

        ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายอื่นๆได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล เป็นประธานเฟดคนใหม่แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า

      อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!