- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 20 October 2017 10:48
- Hits: 1738
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์หลังร่วงแรงแต่ยังหวั่นกลุ่มแบงก์กดดันจาก NPL ยังเพิ่มขึ้น
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ โดยยังคงติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ ซึ่งแบงก์ที่ประกาศงบออกมาแล้วยังเห็นการเพิ่มขึ้นของ NPL อยู่ ทำให้นักลงทุนอาจกังวลได้บ้าง.
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นฮ่องกงก็รีบาวด์ขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ร่วงแรง พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งตลาดฯคงยังไม่มีความกังวลมากนัก เพราะการประชุมครั้งนี้คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่คงจะไปปรับขึ้นในเดือน ธ.ค.60 ส่วนตัวเลข GDP ของจีนงวดไตรมาส 3/60 ออกมาแผ่วกว่าคาดเล็กน้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,665-1,660 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,700 จุด
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า ดัชนีเช้านี้อาจจะลงต่อซึ่งเป็นแรงขายคงค้างจากวานนี้ แต่น่าจะปรับขึ้นได้ในช่วงบ่าย ซึ่งตลาดลงเป็นโอกาสเข้าเก็บหุ้นที่บริเวณ 1,670 จุด ขณะเดียวกันแรงขายของนักลงทุนต่างชาติซาลง และยังเห็นการลงทุนในตลาด Futures รวมทั้งคาดหวังเม็ดเงินจาก LTF ปลายปีอีกราว 4 หมื่นล้านบาท
ให้กรอบแนวรับที่ 1,650 จุด แนวต้านที่ 1,700 จุด แนะลงทุนหุ้น PTTEP CPALL PSH
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,163.04 จุด เพิ่มขึ้น 5.44 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,562.10 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด หรือ +0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,605.07 จุด ลดลง 19.15 จุด หรือ -0.29%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 57.57 จุด ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.66 จุด ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.42 จุด ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 21.73 จุด ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 200.93 จุด ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.24 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.04 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.23 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ต.ค.60) 1,683.43 จุด ลดลง 24.10 จุด, -1.41%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,744.96 ลบ.เมื่อวันที่ 19 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 51.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 75 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ต.ค.60) ที่ 7.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.11 แข็งค่าจากวานนี้ หลังดอลล์อ่อนจากกระแสข่าวว่าที่ปธ.เฟดคนใหม่ มองกรอบวันนี้ 33.05-33.20
- "แบงก์ชาติ" เตือนภาคเอกชนมุ่งบริหารความเสี่ยง ชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นชัด แต่ความเสี่ยงภาคการเงินยังสูง มั่นใจเสถียรภาพไทยแกร่งพอรับมือได้เหตุทุนสำรองสูง-หนี้ต่างประเทศต่ำ ย้ำยังไม่ปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ด้าน "ส่งออก" ก.ย.พุ่ง 12.2% มูลค่า 2.18 หมื่นล้าน ดอลลาร์ สูงเป็นประวัติการณ์ พาณิชย์ เตรียมปรับเป้าปีนี้โตกว่า 8%
- ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี เป็นช่วงการลงทุนด้านธุรกิจหลักของเอสเอ็มอี คาดว่าการลงทุนของเอสเอ็มอีในไตรมาส 2 ของปี 2561 จะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้นในปลายปี 2561 คาดช่วยลดอัตราว่างงานเหลือ 0.9% จาก 1.2% ในปัจจุบัน สำหรับปัจจัยบวกต่อภาวะเศรษฐกิจของเอสเอ็มอีในปลายปี 2560 ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า การส่งออกฟื้นตัว และการขยายการลงทุนจากภาครัฐ เป็นต้น
- สุโขทัยอ่วมน้ำป่าซัดคันดินบนอ่างเก็บน้ำแตกมวลน้ำทะลักท่วม 2 ตำบล 20 หมู่บ้าน ชาวบ้านระทมน้ำท่วมครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี ลำปาง ทหารเร่งซ่อมแซมบ้านเหตุแผ่นดินทรุดตัว นครสวรรค์ แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงล้นแนวกระสอบทรายขยายวงท่วม 5 หมู่บ้านจมบาดาล สุรินทร์ น้ำป่าซัดอ่างเก็บน้ำบ้านสว่างนิยมแตก กรมชลฯยันมวลน้ำไม่ส่งผลกระทบชาวบ้าน กนอ.ยกระดับเฝ้าระวังนิคมฯพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม อุตุฯเตือน 21-26 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีสภาพอากาศแปรปรวน
*หุ้นเด่นวันนี้
-HMPRO (ทรีนิตี้) แนะนำ“ซื้อเก็งกำไร"ราคาเป้าหมาย 12.80 บาท จากผลประกอบการไตรมาส 3/60 ปลาย ต.ค.คาดว่าจะออกมาดี และต่อเนื่องในไตรมาส 4/60 จากเป็นช่วงฤดูกาล และผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/60 ไปแล้ว ประมาณการกำไรปี 60 ที่ 4,600 ล้านบาท (+11.50%YoY) และปี 61 อยู่ที่ 5,240 ล้านบาท (+13.9%YoY) ณ ระดับราคาปัจจุบัน ซื้อขายอยู่ที่ Forward PER ปี 61 ที่ 29.9 เท่า ใกล้เคียงระดับ PER ของกลุ่มพาณิชย์ย้อนหลัง 3 ปีที่อยู่ที่ 30.2 เท่า และเหลือ Upside จากราคาปัจจุบันเพียง 7.6% คาดอัตราเงินปันผลราว 2.0% โดยมีโอกาสปรับประมาณการขึ้นหากมีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา
- BAY (แอพเพิล เวลธ์) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 45 บาท จากกำไรสุทธิไตรมาส Q3/60 ที่ออกมาใกล้เคียงคาดซึ่งคิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี จึงคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 2.37 หมื่นลบ. +11%YoY และคาดกำไรสุทธิปี 61 ที่ 2.75 หมื่นลบ. +17%YoY และปรับมาใช้มูลค่าพื้นฐานปี 61 ที่ 45.00 บาท อิง P/BV 1.35 เท่า มี Upside 18% คาดปันผลปี 60 ที่ 0.90 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.3%
- AP (ธนชาต) ปรับเป้า presales ขึ้นอีกครั้งเป็น 3.49 หมื่นลบ. จากเดิม 3.1 หมื่นลบ. หลังยอดจองคอนโด Life ลาดพร้าว และ One Wireless สูง หนุนให้ Presales 9 เดือนทะลุเป้าบริษัท 2.6 หมื่นล้านบาทไปแล้ว คาดกำไรปกติ Q3/60 จะโต 27% y-y, 5% q-q
ตลาดหุ้นเอเชียแกว่งตัวไร้ทิศทางเช้านี้ หลังวอลล์สตรีทผันผวน-หุ้นยุโรปร่วงเมื่อคืนนี้
ตลาดหุ้นเอเชียแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบช่วงเช้าวันนี้ โดยภาวะซื้อขายเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กแม้จะปิดทำนิวไฮได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ แต่ก็เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ขณะที่หุ้นยุโรปร่วงลงจากสถานการณ์การเมืองในสเปน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,390.95 จุด ลดลง 57.57 จุด, -0.27% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,363.51 จุด ลดลง 6.66 จุด, -0.20% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,737.87 จุด ลดลง 22.42 จุด, -0.21% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,465.64 จุด ลดลง 21.73 จุด, -0.26%
ขณะที่ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,360.02 จุด เพิ่มขึ้น 200.93 จุด, +0.71% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,477.30 จุด เพิ่มขึ้น 4.24 จุด, +0.17% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,745.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด, +0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,343.14 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด, +0.25%
นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวเตือนวานนี้ว่า ราคาสินทรัพย์อาจทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มีการขยายตัวเป็นเวลานาน โดยได้รับแรงกดดันจากการก่อหนี้ในระดับสูงของภาคเอกชน และภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ดี นายโจวกล่าวว่า ระดับหนี้โดยรวมจะลดลง ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ทำการควบคุมการปล่อยสินเชื่ออย่างเข้มงวด
ขณะที่นักลงทุนญี่ปุ่นจับตาเลือกตั้งในประเทศวันอาทิตย์นี้ ซึ่งผลการสำรวจความคิดเห็นระบุว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะมีชัยชนะเหนือพรรคคู่แข่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงจับตาการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีรายงานว่า เจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะได้รับเลือกจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้นั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่ ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 19.83 จุด จากแรงฉุดของหุ้นยูนิลีเวอร์, ข้อมูลค้าปลีกอังกฤษ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) จากแรงกดดันของข้อมูลยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวังของอังกฤษ ขณะที่หุ้นยูนิลีเวอร์ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 9 เดือน หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ประจำไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 19.83 จุด หรือ -0.26% ปิดที่ 7,523.04 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ ซึ่งร่วงลงถึง 5.5% เมื่อคืนนี้ หลังบริษัทเปิดเผยว่า มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 2.6% ในไตรมาส 3 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.9%
ยูนิลีเวอร์ชี้แจงว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าของบริษัทมาจากปัญหาสภาพอากาศที่ย่ำแย่ในยุโรป และอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนหลายลูกในสหรัฐ
นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวังของสหราชอาณาจักร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรหดตัวลง 0.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค. และขยายตัวเพียง 1.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.3%
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลการเงินและตลาดหุ้น ร่วงลง 1.1% หลังบริษัทเปิดเผยว่า นายเซเวียร์ โรเลต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเตรียมจะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนธ.ค. 2561
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกการเมืองสเปน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปน หลังจากนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ไม่สามารถประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนได้ ขณะที่นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน เตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพื่อหารือถึงเรื่องการยึดอำนาจบริหารจากแคว้นกาตาลุญญา นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป เพื่อดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองเรื่องการที่อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี European Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.63% ปิดที่ระดับ 389.11 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,368.29 จุด ลดลง 15.52 จุด, -0.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,523.04 จุด ลดลง 19.83 จุด, -0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,990.10 จุด ลดลง 52.93 จุด, -0.41%
ส่วนดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปน ร่วง 0.74% ปิดที่ 10,197.50 จุด
นายมาริโอ ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน เตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเข้ายึดอำนาจบริหารของแคว้นกาตาลุญญา
ด้านนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ได้เสนอขอเจรจากับรัฐบาลสเปนอีกครั้ง โดยเขายังคงไม่ได้ประกาศความชัดเจนภายในเส้นตายวันนี้ เกี่ยวกับการนำแคว้นกาตาลุญญาแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน
อย่างไรก็ดี นายปุกเดมองต์ระบุว่า จะนำแคว้นกาตาลุญญาประกาศเอกราช หากรัฐบาลสเปนใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญ ในการเพิกถอนสิทธิในการปกครองตนเองของแคว้นกาตาลุญญา และรัฐบาลกลางเข้าปกครองโดยตรง
หุ้นบังโก เดอ ซาบาเดล ร่วงลง 1.68% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการปรับตัวลงมากที่สุด
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 5.44 จุด จากกระแสข่าวว่าที่ปธ.เฟดคนใหม่
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) หลังจากร่วงกว่า 100 จุดในช่วงเปิดตลาดและแกว่งตัวแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 สามารถดีดตัวกลับขึ้นสู่แดนบวกได้ในช่วงนาทีสุดท้ายของการซื้อขาย หลังมีรายงานข่าวว่า เจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะได้รับเลือกจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้นั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่ ด้านดัชนี Nasdaq ปิดแดนลบ หลังหุ้นแอปเปิ้ลร่วง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับยอดขาย iPhone 8
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,163.04 จุด เพิ่มขึ้น 5.44 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,562.10 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด หรือ +0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,605.07 จุด ลดลง 19.15 จุด หรือ -0.29%
ทั้งนี้ หลังจากที่เดินหน้าต่อเนื่องมา 4 วัน และพุ่งขึ้นปิดเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 23,000.00 จุดได้เป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ได้เปิดตลาดร่วงลงในวันพฤหัสบดี ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 30 ปีของการเกิดเหตุการณ์ "แบล็กมันเดย์" ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ซึ่งทำให้ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงถึง 22.6% ในวันนี้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หรือวันที่ 19 ต.ค.2530
โดยภาวะการซื้อขายวานนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดในสเปน และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนักจากจีน แม้รายงานผลประกอบการที่เป็นบวกของบริษัทจดทะเบียนก็ไม่สามารถหนุนภาวะการซื้อขายให้คึกคักได้ จนกระทั่งมีรายงานข่าวว่านายเจอโรม พาวเวล จ่อนั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งข่าวนี้ดันตลาดพลิกกลับมาสู่แดนบวกได้สำเร็จในช่วงท้ายตลาด และในที่สุดดัชนีดาวโจนส์ รวมถึง S&P500 ก็สามารถปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
นักลงทุนยังคงจับตาการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้มี 5 คนที่อาจได้รับการพิจารณา ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า, นายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด, นายเจอโรม พาวเวล หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดสมัยปัจจุบัน และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยทางทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันก่อนว่า ปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาความขัดแย้งทางการเมืองในสเปน กรณีการแยกตัวเป็นเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา โดยนายมาริโอ ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน เตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเข้ายึดอำนาจบริหารของแคว้นกาตาลุญญา
ด้านนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ได้เสนอขอเจรจากับรัฐบาลสเปนอีกครั้ง โดยเขายังคงไม่ได้ประกาศความชัดเจนภายในเส้นตายวันนี้ เกี่ยวกับการนำแคว้นกาตาลุญญาแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน อย่างไรก็ดี นายปุกเดมองต์ระบุว่า รัฐสภาของแคว้นกาตาลุญญาจะประกาศเอกราช หากรัฐบาลสเปนใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญ ในการเพิกถอนสิทธิในการปกครองตนเองของแคว้นกาตาลุญญา และรัฐบาลกลางเข้าปกครองโดยตรง
ขณะที่ดัชนี Nasdaq สวนกระแสอีกสองดัชนี โดยปรับตัวลงปิดในแดนลบ เนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิ้ลที่ร่วงลง เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ยอดขาย iPhone 8 อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ลูกค้ารอการเปิดตัว iPhone X ในเดือนหน้า
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 222,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2516 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 240,000 ราย
ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 137 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ด้านคอนเฟอเรนซ์บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนก.ย.ร่วงลง 0.2% หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฉุดดัชนี Nasdaq ปิดแดนลบ นำโดยแอปเปิ้ลที่ร่วงลง 2.4% เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ยอดขาย iPhone 8 อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ลูกค้ารอการเปิดตัว iPhone X ในเดือนหน้า
ขณะนี้ แอปเปิ้ลยังไม่ได้เปิดเผยยอดขาย iPhone 8 แต่ผู้ประกอบการในธุรกิจโทรศัพท์ และนักวิเคราะห์ต่างบ่งชี้ถึงยอดขายที่ย่ำแย่ของ iPhone รุ่นดังกล่าว
นายจอห์น วิน นักวิเคราะห์ของคีย์แบงก์ แคปิตัล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ผลการสำรวจพบว่า ยอดขายของ iPhone 7 นำหน้า iPhone 8 หลังการเปิดตัว iPhone 8 เป็นเวลา 1 เดือน
ทั้งนี้ แอปเปิ้ลจะเริ่มวางจำหน่าย iPhone X ในวันที่ 3 พ.ย.
หุ้นอีเบย์ลดลง 1.8% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรประจำปีเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ลบ 0.2% แม้บริษัทเผยกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทได้เผยด้วยว่ารองประธานคนปัจจุบันจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอและประธานกรรมในช่วงต้นปีหน้า
หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทบุหรี่รายใหญ่ ร่วง 3.9% หลังกำไรและยอดขายไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังบริษัทรายงานตัวเลขรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ พร้อมยืนยันแนวโน้มผลประกอบการปี 2560
ทั้งนี้ เวอไรซอนเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 98 เซนต์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 3.172 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 3.145 หมื่นล้านดอลลาร์
อินโฟเควสท์