- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 11 October 2017 10:48
- Hits: 4316
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น-แต่อาจสลับแรงขายทำกำไรรับข่าวดีเลือกตั้ง พ.ย.61-น้ำมันขึ้นหนุน
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจสลับแรงขายทำกำไรระหว่างทางได้ ภายหลังจากที่ดัชนีฯได้ยืนเหนือระดับ 1,700 จุดทำให้เป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดฯ และตลาดฯยังได้ข่าวดีจากนายกรัฐมนตรีออกมาประกาศจะเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ปีหน้า (2561) อีกด้วย ซึ่งทำให้การเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้น ประกอบกับน่าจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นด้วย
อีกทั้ง เมื่อวานนี้ มีแรงซื้อกลับเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติ และสถาบัน ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ซึ่งตอนนี้ปัจจัยนอกประเทศยังไม่ได้มีอะไรที่สำคัญนัก มีเพียงแต่วานนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ท่านหนึ่งได้ออกมาพูดว่าอาจจะมีการปรับลด QE ในปีหน้า ซึ่งทำให้เช้านี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าและเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมา อย่างไรก็ดี จะต้องติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ก่อนว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการหรือไม่
ส่วนบ้านเราให้ติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/60 เริ่มจากกลุ่มแบงก์ ซึ่งวันนี้ TISCO จะเป็นแบงก์แรกที่จะประกาศงบฯออกมา
พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,715 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,830.68 จุด เพิ่มขึ้น 69.61 จุด (+0.31%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,587.25 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด (+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,550.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 131.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 43.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.68 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.01 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 19.80 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.50 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ต.ค.60) 1,706.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.73 จุด (+0.87%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,330.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 50.92 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ต.ค.60) ที่ 7.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.22 แข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30
- 'ประยุทธ์' ประกาศเลือกตั้งพ.ย.61 ย้ำทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมพ วอนนักการเมืองอยู่ในความสงบ เตือนมีผลต่อการพิจารณาปลดล็อกดำเนินกิจกรรมการเมือง ขณะภาคธุรกิจขานรับประกาศเลือกตั้ง ชี้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนดีขึ้น ปลดล็อกการลงทุนเอกชน ปลุกเศรษฐกิจในประเทศคึกคัก "หอการค้า" ห่วงโครงการระยะยาวขาดการสานต่อ จี้รัฐเร่งออกกฎหมายคุม
- ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) จาก 3.5-4% เป็น 3.7-4% และคาดว่าสินเชื่อทั้งระบบธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวได้ถึง 4% จากที่คาดไว้ 3%
- อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เผยยอดการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) และยอดขยายกิจการในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2560) มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 133 โรงงาน มูลค่า 2.15 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันจากปีก่อนที่มีอยู่ 150 โรงงาน ลดลง 11.33% ขณะที่มูลค่าลดลงจาก 4.72 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 54.44% ส่วนการจ้างงานทั้งหมดอยู่ที่ 6,790 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการจ้างงาน 1.23 หมื่นคน หดตัว 44.79%
- นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2560 ว่า เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอะไรที่สามารถดำเนินการได้บ้าง แต่สิ่งที่สามารถขับเคลื่อนได้มากหน่อยในขณะนี้คือการใช้งบลงทุนของภาครัฐ โดยมีการเบิกจ่าย ไปแล้ว 90% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย
*หุ้นเด่นวันนี้
- KBANK (เคทีบี) เป้า 239 บาท จากคาดการณ์ Fund Flow จากต่างชาติยังคงเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดย KBANK เป็นหุ้นขนาดใหญ่และเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของต่างชาติ ด้านผลประกอบการ KBANK ยังไม่โดดเด่นนัก KBANK ยังเน้นการตัดหนี้สูญ ทำให้ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญอย่างต่อเนื่อง คาดผลประกอบการปี 2560 ลดลง -7.8% YoY
- SCC (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 560 บาท Roadshow ต่างประเทศผู้บริหาร มองแนวโน้มราคาปิโตรฯยังดีอยู่ แต่ธุรกิจปูนดูอ่อนแอกว่าที่คาด อย่างไรก็ดีนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อแนวโน้มราคาปิโตรฯ ในอนาคต และภาวะ oversupply ของซิเมนต์
- THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 8.20 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q60 จะออกมาดีมากที่ราว 280-300 ลบ. เพิ่มขึ้น 9-16% Q-Q และดีที่สุดในประวัติการณ เนื่องจากคใชจยสำรองฯ และตนทุนทางการเงินลดลง แนวโนมกำไร 4Q60 คาดวยังมีโมเมนตัมที่ดีและ new high ตอตามฤดูกาล จึงมีแนวโนมปรับประมาณการกำไรปนี้และปหนขึ้น 5% และ 12% ตามลำดับ
- IVL (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 47.50 บาท (ยังไม่รับรวม Upside จาก Tax reform) ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา M&A ไปแล้วทั้งสิ้น 3 บริษัท (รวมการซื้อกิจการ DuPont Teijin ในครั้งนี้) คือ (1) Glanzstoff เป็นผู้ผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป กำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี (2) DuraFiber Technologies M?xico ซึ่งเป็นกิจการผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ กำลังการผลิต 37,500 ตัน/ปี และ (3) DuPont Teijin Films เป็นผู้ลิตฟิล์มโพลีเอสเตอร์ กำลังการผลิต 277,000 ตัน/ปี จะเห็นได้ว่าการ M&A จะเน้นธุรกิจปลายน้ำมากขึ้นและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ที่มี Margin ที่สูงและมีความผันผวนของราคาต่ำกว่าธุรกิจที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายที่เป็นกลุ่ม HVA อยู่ราว 40% การซื้อกิจการ 3 กิจการในปีนี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 400,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นราว 5% จากปริมาณการผลิตในปี 2559
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ รับดาวโจนส์ทำนิวไฮ,ตลาดจับตารายงานประชุมเฟด
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อคืน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นวอลมาร์ทที่พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้นในวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,622.01 จุด เพิ่มขึ้น 131.18 จุด, +0.46% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,576.12 จุด เพิ่มขึ้น 43.31 จุด, +0.41% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,442.49 จุด เพิ่มขึ้น 8.68 จุด, +0.36% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,294.63 จุด เพิ่มขึ้น 5.68 จุด, +0.17% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,418.33 จุด เพิ่มขึ้น 20.29 จุด, +0.24%
ส่วนดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,761.12 จุด ลดลง 0.01 จุด, -0.00% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,803.71 จุด ลดลง 19.80 จุด, -0.10% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,381.49 จุด ลดลง 1.50 จุด, -0.04%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานการประชุมประจำวันที่ 19-20 ก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาผู้ที่มีแนวโน้มจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน โดยมีการคาดการณ์ว่า นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟดสายเหยี่ยว ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 30.38 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นแบงก์
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังเครดิต สวิส ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารหลายแห่งในสหราชอาณาจักร
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 30.38 จุด หรือ +0.40% ปิดที่ 7,538.27 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ พุ่งขึ้น 2% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.8% ภายหลังจากเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารทั้งสอง
นักวิเคราะห์จาก IG กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอนไม่ได้มีปฏิกิริยามากนักต่อการที่ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาจะประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนเมื่อคืนนี้ หลังชาวคาตาลันที่ออกไปใช้สิทธิออกเสียงกว่า 90% ได้โหวตแยกตัวเป็นอิสระในการลงประชามติเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลสเปนประกาศว่า การลงประชามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายเมาริส ออบส์เฟลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนว่า สถานการณ์ความไม่สงบในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน ประกอบกับความไม่แน่นอนในกระบวนการเจรจาแยกตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจยุโรป
สำหรับ หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตาเมื่อคืนนี้นั้น หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่ของอังกฤษ ลดลง 0.3% หลังบริษัทเปิดเผยแผนการที่จะปลดพนักงานราว 2,000 ตำแหน่งเพื่อลดต้นทุน โดยจำนวนนี้ มีประมาณ 1,400 ตำแหน่งที่มาจากแผนกผลิตเครื่องบินรบอย่าง "ยูโรไฟเตอร์ ไทฟูน"
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกการเมืองสเปน ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผู้นำแคว้นกาตาลุญญาที่เดินหน้าเจตนารมณ์ในการแยกตัวเป็นอิสรภาพจากสเปน ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้ฉุดดัชนีตลาดหุ้นสเปนร่วงลงด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าหรู หลังจากบริษัทหลุยส์ วิตตอง เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.01% ปิดที่ 390.16 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,949.25 จุด ลดลง 27.15 จุด หรือ -0.21% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,363.65 จุด ลดลง 2.18 จุด หรือ -0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,538.27 จุด เพิ่มขึ้น 30.38 จุด หรือ +0.40%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปน พร้อมกับจับตานายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาที่จะขึ้นกล่าวอภิปรายในรัฐสภาแคว้นกาตาลุญญา
ทั้งนี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการได้ไม่นาน นายปุกเดเมองต์ได้ขึ้นกล่าวอภิปรายในรัฐสภา พร้อมกับประกาศอิสรภาพแยกตัวจากสเปน เพื่อเคารพต่อมติของชาวคาตาลันที่ใช้สิทธิลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน
อย่างไรก็ดี นายปุกเดมองต์ได้เรียกร้องให้รัฐสภาระงับการบังคับใช้ผลที่จะตามมาจากการประกาศอิสรภาพ เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจากับรัฐบาลสเปนเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง โดยเขากล่าวว่า "ความสัมพันธ์ในขณะนี้ระหว่างกาตาลุญญาและสเปนอยู่ในภาวะที่ไม่ยั่งยืน เราจำเป็นต้องมีเวลาสำหรับการเจรจา"
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปนส่งผลให้ดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปน ปรับตัวลง 0.9% โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง เช่นหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ดิ่งลง 2.9% และหุ้นบีบีวีเอ ปรับตัวลง 0.6%
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าหรู นำโดยหุ้นหลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ทะยานขึ้น 14% เนื่องจากธุรกิจในทุกภาคส่วนของบริษัทมีการเติบโตที่แข็งกร่ง ขณะที่หุ้นคริสเตียน ดิออร์ พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นแอร์เมส อินเตอร์เนชันแนล ปรับตัวขึ้น 1% และหุ้น Cie. Financiere Richemont ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคาร์เทียร์ ปรับตัวขึ้น 1% เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (FSO) เปิดเผยว่า การส่งออกของเยอรมนีพุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าดีดตัวขึ้น 8.5%
ทั้งนี้ FSO ระบุว่า การส่งออกอยู่ที่ระดับ 1.031 แสนล้านยูโร (1.2146 แสนล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค. ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ระดับ 8.3 หมื่นล้านยูโร (9.778 หมื่นล้านดอลลาร์) ส่งผลให้เยอรมนีมีตัวเลขเกินดุลการค้า 2 หมื่นล้านยูโร (2.356 หมื่นล้านดอลลาร์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 69.61 จุด หลังหุ้นวอลมาร์ทพุ่งรับแผนซื้อคืนหุ้น
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นวอลมาร์ทที่พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้นในวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมกับรอดูผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,830.68 จุด เพิ่มขึ้น 69.61 จุด หรือ +0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,550.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,587.25 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ +0.11%
ดัชนี ดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นวอลมาร์ทที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.47% หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่สุดของโลกรายนี้ได้ประกาศแผนซื้อคืนหุ้นในวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่มีการประกาศในเดือนต.ค.2558 โดยโครงการซื้อคืนหุ้นดังกล่าวจะมีการดำเนินการในช่วงระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ วอลมาร์ทยังได้ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2561 ที่ระดับ 4.30-4.40 ดอลลาร์ พร้อมกับคาดการณ์ว่า ธรกิจอี-คอมเมิร์ซในสหรัฐของบริษัทจะมียอดขายพุ่งขึ้น 40% ในปีงบการเงิน 2562 ขณะที่การทำธุรกรรมออนไลน์ทะยานขึ้น 60% ในไตรมาส 2 ของปีนี้
การประกาศแผนซื้อคืนหุ้นของวอลมาร์ทและการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสของบริษัท ได้ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคดีดตัวขึ้น 0.99%
หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 0.75% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทกำลังพิจารณาแผนการตัดขายธุรกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายรายปีของบริษัทได้ถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ทะยานขึ้น 4.67% หลังจากสายการบินทั้งสองแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3 ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.85%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตกราฟฟิคชิพ ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัวฮาร์ดแวร์สำหรับใช้ในรถยนต์อัตโนมัติ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 0.59%
นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมประจำวันที่ 19-20 ก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผู้ที่มีแนวโน้มจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน โดยมีการคาดการณ์ว่า นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟดสายเหยี่ยว ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด หลังจากมีการคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเป็นวันประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารแบล็คร็อคจะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ส่วนสายการบินเดลต้า แอร์ไลน, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ จากนั้นในวันศุกร์จะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการของแบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาโก
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้และเป็นที่จับตาของนักลงทุนนั้น ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์