WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Bay Sell2ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ เล็งเจอแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง

   นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยอาจได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดไนเม็กซ์ได้ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญฯ/บาร์เรล ภายหลังจากที่ยอดส่งออกน้ำมันของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น

   ทั้งนี้ วันนี้หุ้นหลัก ๆ คงจะพักฐานก่อน แต่หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะแกว่งตัวได้ดีกว่า โดยแนะนำให้เล่นหุ้นขนาดกลางที่คาดว่าจะมีผลประกอบการออกมาดี ซึ่งวันนี้แนะนำหุ้น MBK และ TMB โดยแบงก์แรกที่จะประกาศงบฯไตรมาส 3/60 เป็น TISCO

   ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบมาก ทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่วนทางยุโรปให้ติดตามรัฐกาตาลุญญา ที่จะแยกตัวเป็นรัฐอิสระ

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,680-1,695 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่  22,661.64 จุด เพิ่มขึ้น 19.97 จุด (+0.09%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,534.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.91 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,537.74 จุด เพิ่มขึ้น 3.16 จุด (+0.12%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.28 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ต.ค.60)  1,687.77 จุด ลดลง 2.20 จุด (-0.13%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,032.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ต.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 49.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.9%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ต.ค.60) ที่ 6.76 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.36 ทรงตัวจากวานนี้ นลท.รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

- ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้ประกาศปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 0.1% จากคาดการณ์เดิมเป็น 5.1% ในปี 2560 และ 5.2% ในปี 2561 โดยระบุว่าประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ยังขยายตัวแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับผลดีจากการค้าโลกที่ฟื้นตัว ทำให้การส่งออกเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการส่งออกและการท่องเที่ยวมีการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น

- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้พิจารณาโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี สำหรับเดือน ต.ค. 2560 โดยตรึงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีคงที่ อยู่ที่ 21.15 บาท/กก. ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลก และให้แนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจีสามารถดำเนินต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีในประเทศ ประกอบกับเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีเวลาปรับตัว

- อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากกรณีประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงการขยายการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 1 ปี และจัดเก็บอัตรา 9% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 ว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และกรณีดังกล่าวก็เกิดขึ้นในทุกปี มีความไม่เข้าใจในทุกปี โดยอยากชี้แจงว่า รัฐบาลมีมติให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ 7% อีก 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.60-30 ก.ย.61 ส่วนตั้งแต่ 1 ต.ค.61 เป็นต้นไป จะคงอัตราหรือจะขึ้นอัตราเป็นเท่าไร ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น

- กสทช.บอร์ดหมดวาระ 6 ปี ไม่กระทบประมูลคลื่น 1800 และ 850 เมกะเฮิรตซ์ มั่นใจจัดประมูลไม่เกิน ส.ค.61 แน่นอน ขณะที่ พ.ย.นี้เล็งประมูลเน็ตชายขอบรอบ 2 หวังลงนามทัน ม.ค.61

*หุ้นเด่นวันนี้

- CRD (บมจ.เชียงใหม่ริมดอย) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO 1.44 บาท ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2561 โดย อิง PER ที่ 14 เท่า ได้เท่ากับ 1.90 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โตเฉลี่ย 27% ต่อปี

บริษัทฯเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งงานก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างทั่วไป และระบบงานสาธารณูปโภคครอบคลุมทุกภูมิภาค แต่เน้นภาคเหนือตอนบน จุดเด่น คือ เน้นคุณภาพงานก่อสร้างและการส่งมอบทันตามกำหนด โดยมีประสบการณ์กว่า 27 ปี ด้วยธุรกิจก่อสร้างที่กลับมาเป็นขาขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ประกอบกับมี Backlog ปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท

- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26.6 บาท วันนี้มาพร้อมการเติบโตของรายได้ 3Q60 ที่ +60% Q-Q และ 16% Y-Y ทั้งจากการโอนที่ดินของอมตะนครซึ่งมี Gross margin สูงถึง 75% และ Backlog ที่ทยอยโอนถึงปีหน้า 2,070 ล้านบาท แม้ยอดขายยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้ แต่ส่วนหนึ่งเป็นการชะลอเพื่อรอความชัดเจนของสิทธิประโยชน์จาก EEC ประกอบกับ โรงไฟฟ้า 3 แห่งซึ่ง AMATA ร่วมลงทุนเตรียมทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบและ AMATAV เตรียมรับ Investment certificate เพิ่ม

- MCS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 22.1 บาท แม้ปี 60 คาดกำไรจะหดตัว 57.6%YoY เพราะงานที่ผลิตไว้บางส่วนยังไม่ถึงเวลากำหนดส่งมอบแต่คาดจะพลิกกลับมาโต 103.1%YoY ในปี 61 หนุนด้วยอานิสงส์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 63 ที่ประเทศญี่ปุ่นส่งผลให้ต้องเร่งส่งมอบสินค้าเหล็กโครงสร้าง ผนวกกับราคาหุ้นยังมี Upside 29.2%

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับภาคบริการสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่ง

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ของสหรัฐที่ทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 12 ปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้

            ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,650.71 จุด เพิ่มขึ้น 24.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,473.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,235.29 จุด ลดลง 1.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,760.56 จุด ลดลง 1.28 จุด

            ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

            ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2548 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.5 หลังจากอยู่ที่ระดับ 55.3 ในเดือนส.ค.

            นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 0.53 จุด เหตุปอนด์แข็งค่ารับข้อมูล PMI ภาคบริการอังกฤษ

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากที่ปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังมาร์กิตเปิดเผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหราชอาณาจักรที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ย.

            ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลง 0.53 จุด หรือ -0.01% ปิดที่ 7,467.58 จุด

            ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3268 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3239 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันอังคาร หลังมาร์กิตเปิดเผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการซึ่งพุ่งขึ้นสู่ระดับ 53.6 ในเดือนก.ย. จากระดับ 53.2 ในเดือนส.ค.

            ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทข้ามชาติในอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเงินสกุลอื่นๆ

            หุ้นเทสโก ห้างค้าปลีกชั้นนำ ร่วงลง 3.2% หลังจากที่ทะยานขึ้นในระหว่างวัน หลังเทสโกเปิดเผยว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลอีกครั้ง ขณะที่บริษัทมีผลกำไรก่อนหักภาษีพุ่งขึ้น 8 เท่า ในรอบ 26 สัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ส.ค.

            หุ้นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อื่นๆ ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเจ เซนส์บิวรี ลดลง 2.4% และหุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ลดลง 2%

            หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามทิศทางของราคาแร่โลหะที่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ขยับขึ้น 0.8% และหุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.6%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หวั่นกาตาลุญญาแยกตัวจากสเปนส่งผลการเมืองระส่ำ

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในสเปน หลังจากผู้นำแคว้นกาตาลุญญายืนยันว่าจะประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่หุ้นบริษัทจดทะเบียนของสเปนร่วงลงอย่างหนัก

            ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 390.40 จุด

            ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,363.23 จุด ลดลง 4.18 จุด หรือ -0.08% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,970.52 จุด เพิ่มขึ้น 67.87 จุด หรือ +0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,467.58 จุด ลดลง 0.53 จุด หรือ -0.01%

            นักวิเคราะห์จากลอนดอน แคปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า ความวุ่นวายทางการเมืองในสเปนส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้นำของแคว้นกาตาลุญญาได้ออกมาย้ำว่า กาตาลุญญาจะแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนในเร็วๆนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกที่ควรได้รับจากการที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง

            ดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปนดิ่งลง 2.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นบังโค เด ซาบาเดลล์ ร่วงลง 5.7% หุ้นไคซาแบงก์ ร่วงลง 5% หุ้นบังเกีย ดิ่งลง 3.7% และหุ้นบีบีวีเอ ร่วงลง 3.6%

            หุ้นเทสโก ห้างค้าปลีกชั้นนำ ร่วงลง 3.2% หลังจากที่ทะยานขึ้นในระหว่างวัน หลังเทสโกเปิดเผยว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลอีกครั้ง ขณะที่บริษัทมีผลกำไรก่อนหักภาษีพุ่งขึ้น 8 เท่า ในรอบ 26 สัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ส.ค.

            ขณะที่หุ้นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อื่นๆ ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเจ เซนส์บิวรี ลดลง 2.4% และหุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ลดลง 2%

            อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นเดมเลอร์ ปรับขึ้น 1.2%

            ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามทิศทางของราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ขยับขึ้น 0.8% และหุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.6%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 19.97 จุด รับภาคบริการสหรัฐขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 12 ปี

            ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ของสหรัฐทำสถิติพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 12 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

            ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,661.64 จุด เพิ่มขึ้น 19.97 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,537.74 จุด เพิ่มขึ้น 3.16 จุด หรือ +0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,534.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.91 จุด หรือ +0.04%

            ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากผลสำรวจของ ISM ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2005 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.5 หลังจากอยู่ที่ระดับ 55.3 ในเดือนส.ค.

            ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐยังคงขยายตัว

            ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งแม้ว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 125,000 ตำแหน่ง

            หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาของหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ ขณะที่หุ้นอเมซอน ปรับตัวขึ้น 0.9%

     หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นไมแลน เอ็นวี ผู้ผลิตยา EpiPenซึ่งใช้รักษาอาการแพ้ขั้นรุนแรง ทะยานขึ้น 16.2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ ปรับตัวขึ้น 0.5%

     หุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น ขยับขึ้น 0.1% แม้ยาฮูได้ออกมายอมรับว่า บัญชีผู้ใช้งานของยาฮูรวม 3 พันล้านบัญชี ได้ถูกล้วงข้อมูลในปี 2556 โดยการเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเวอไรซอนได้เข้าซื้อสินทรัพย์ด้านอินเทอร์เน็ตของยาฮูเป็นเงินกว่า 4.48 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.ปีนี้

     อย่างไรก็ตาม หุ้นออฟฟิศ ดีโปท์ ร่วงลง 18% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปี 2560 และวางแผนซื้อกิจการบริษัท CompuCom Systems ซึ่งเป็นบริษัทไอที ในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์

     นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่า อัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4% ในเดือนก.ย.

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงจะปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.

    ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!