WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

40ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นหลังต่างชาติยังมองบวก แต่อาจผันผวนเมื่อใกล้ระดับ 1,700 จุด

    นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อยู่ เนื่องจาก Thai Fund ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ในสหรัฐฯได้ปรับตัวขึ้นแรงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติได้มองบวกตลาดบ้านเรามาก อย่างไรก็ตามเมื่อดัชนีฯเข้าใกล้ระดับ 1,700 จุด ก็อาจจะเกิดความผันผวนบ้าง

        ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย แต่มีตลาดในแถบเอเชียเหนือจะบวกได้ดี พร้อมให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้

        ทั้งนี้ ช่วงนี้เป็นช่วงของการ Preview ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มแบงก์เท่าที่ดูคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 จะออกมาโตกว่าไตรมาสที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมได้ส่งสัญญาณที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการบริโภค, การลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการก่อสร้าง ต่างก็มีสัญญาณที่ดี

พร้อมให้แนวรับ 1,684 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,641.67 จุด เพิ่มขึ้น 84.07 จุด (+0.37%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,531.71 จุด เพิ่มขึ้น 15.00 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,534.58 จุด เพิ่มขึ้น 5.46 จุด (+0.22%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 138.06 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 15.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.14 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 46.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.73 จุด

                ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ต.ค.60) 1,689.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.33 จุด (+0.08%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 461.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ต.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 50.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.3%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ต.ค.60) ที่ 6.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.34 ยังแข็งค่าต่อเนื่องจากแรงขายดอลล์ นลท.จับตาถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้

                - กกร.ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ คาดทั้งปีขยายตัว 3.7-4% ขณะเป้าส่งออก คาดโตถึง 6.5-7.5% หลังส่งออก 8 เดือนโตต่อเนื่อง รายได้จากท่องเที่ยวขยายตัว ดันการใช้กำลังการผลิตหลายอุตสาหกรรม ดันเศรษฐกิจฐานรากฟื้น สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ ปรับเป้าส่งออกโตไม่ต่ำกว่า 6% ห่วงค่าเงินบาทผันผวน ฉุดรายได้ส่งออก

                - สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีบริษัทเอกชนออกและเสนอขายหุ้นกู้มีวงเงิน 5.8 แสนล้านบาท และคาดว่าทั้งปีนี้เอกชนน่าจะออกหุ้นกู้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6 แสนล้านบาท

         - "แบงก์ชาติ"ออกประกาศคุมโบรกเกอร์แลกเปลี่ยนเงิน ที่ทำธุรกรรมกับแบงก์ ย้ำต้องมีไลเซ่นส์ จากกระทรวงคลัง ล่าสุดมี 7 บริษัทที่ได้รับอนุญาต ชี้เป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ด้านนักค้าเงิน เชื่อช่วยให้การควบคุมดูแลของ ธปท. ทำได้ง่ายขึ้น ย้ำไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

       - สคร.ศึกษาลดถือครองหลักทรัพย์ของรัฐที่ไม่ได้อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ เล็งขายหุ้น 24 บริษัทได้มาจากการยึดทรัพย์นักการเมือง-มาเฟีย มีทั้งอาบอบนวด บริษัทเหมืองแร่ น้ำตาล ชิ้นส่วนยานยนต์ คาดสรุปภายในเดือน ธ.ค.นี้ พร้อมเร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์บริหารทรัพย์และยกระดับกองทุนวายุภักษ์ 1

      - สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผยปีงบ 2561 ปรับแผนต่างๆ ให้สอดคล้องแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี มีเป้าหมายนำส่งรายได้ 1.37 แสนล้านบาท และเบิกจ่ายงบลงทุนให้ขยายตัวไม่น้อยกว่า 10% โดยในปีงบ 2560 ต้องดูแลงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 5.06 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 3.45 แสนล้านบาท ซึ่งในปีงบ 2561 รัฐบาลจะยังกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ 95% ขณะที่ปีงบประมาณที่ผ่านมา เบิกจ่ายได้เพียง 85% ดังนั้น หากมองการขยายตัวของเม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จะพบว่า ในปีงบประมาณที่แล้ว ขยายตัวถึง 20% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10% ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจปีที่แล้วขยายตัว 3.2%

*หุ้นเด่นวันนี้

- TCAP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 58.50 บาท คาดกำไร Q3/60 ที่ 1,752 ล้านบาท ดีขึ้น 5%QoQ และ 17%YoY โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิได้แรงหนุนจากสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโต ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุนช่วยหนุน ด้านคุณภาพหนี้และสำรองหนี้ยังไม่น่ากังวล สำหรับในไตรมาสหน้าอาจเห็นสินเชื่อได้แรงหนุนจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่และงาน Motor Show แต่ยังไม่เห็นปัจจัยลบที่มีนัยสำคัญ โดยราคาหุ้นที่ซื้อขายปัจจุบันยังมี Upside ที่น่าสนใจ

- PTTGC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ" เป้า 88 บาท ผลประกอบการ Q3/60 คาดจะฟื้นตัวเด่น QoQ ขณะที่แรงส่งเชิงบวกคาดต่อเนื่องไปใน Q4/60 นำไปสู่การปรับประมาณการปี 60-61 ขึ้น 20.5% และ 16.7%

- LIT (ไอร่า) เป้า 15.30 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H/60 ดีกว่า 1H/60 ซึ่งมีรายได้และกำไรสุทธิ จำนวน 197 ล้านบาท และ 71 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนึ่งจากรับรู้รายได้เต็มที่การปล่อยเงินกู้ต่อเนื่องในช่วง 2 ไตรมาสแรก รวมเกือบ 800 ล้านบาท คาดกำไรปี 60 ที่ 144 ล้านบาท เติบโต 43% จากโครงการลงทุนภาครัฐกระตุ้นสินเชื่อ, การเข้มงวดสินเชื่อของธนาคารโดยเฉพาะ SME ซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมาย LIT รวมถึงการประมูล E-Bidding ช่วยให้ SME มีโอกาสได้งานมากขึ้น, การปรับ Product MIX เพิ่มสินเชื่อกลางน้ำที่ให้ Yield สูงกว่า ต้นทุนการเงิน (CoF) ปรับตัวลดลงหลังออก LIT-W1 นอกจากนี้ยังช่วยลดแรงกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้น

- HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 13 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/60 +4.3% Q-Q, +24.5% Y-Y จากกำลังซื้อในกทม.และหัวเมืองใหญ่ที่ฟื้นตัว ทำให้คาด SSSG พลิกเป็นบวก 2% Y-Y จาก -4% Y-Y ในปี 60 ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายยังทำได้ดี แม้มีเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง ส่วนแนวโน้มกำไร Q4/60 จะเป็นจุดสูงสุดของปี สะท้อนกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60-61 โต 13.3% Y-Y และ 15.2% Y-Y

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น จับตาประชุมธนาคารกลางอินเดีย-ถ้อยแถลงเยลเลน

         ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่นักลงทุนต่างรอดูการตัดสินใจเรื่องผู้ที่จะมาทำหน้าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ รวมทั้งแนวโน้มเรื่องการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมหัวข้อ  "Community Banking in the 21st Century Research and Policy Conference" ในวันนี้

        ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,386.32 จุด เพิ่มขึ้น 213.11 จุด, +0.76% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 31,522.17 จุด เพิ่มขึ้น 24.79 จุด, +0.08% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,760.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, +0.03%

        ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก สู่ระดับ 6.4% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2% จากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. นำโดยเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัว 6.7% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2% จากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย.

       ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้เปิดเผยการคาดการณ์ดังกล่าว ในรายงาน "East Asia and Pacific Economic Update" ฉบับล่าสุด ซึ่งไม่นับรวมประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

       คณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ยื่นรายชื่อบุคคลที่ได้รับพิจารณาจากทางคณะที่ปรึกษาให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ  ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ. 2561 โดยการเสนอรายชื่อบุคคลในครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย และนับเป็นการสิ้นสุดการเฟ้นหาตัวผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

      รายงานระบุว่า นางเยลเลน ยังคงอยู่ในรายชื่อบุคคลที่ได้รับการพิจารณา แม้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้แสดงท่าทีว่าอาจจะไม่แต่งตั้งเธอให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2

      นักลงทุนจับตาธนาคารกลางอินเดียจะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ พร้อมกับจับตานางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมหัวข้อ  "Community Banking in the 21st Century Research and Policy Conference" ในวันนี้ โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นโดยคณะกรรมการเฟด และคณะกรรมการกำกับการธนาคารของรัฐบาลกลางสหรัฐ ณ เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 29.27 จุด จากอานิสงส์เงินปอนด์อ่อนค่า

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) จากอานิสงส์ของสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากไอเอชเอส/มาร์กิต เปิดเผยข้อมูลภาคการก่อสร้างที่น่าผิดหวังของอังกฤษ ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร

       ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 29.27 จุด หรือ +0.39% ปิดที่ 7,468.11 จุด

        ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากไอเอชเอส/มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของอังกฤษหดตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนก.ย. จากระดับ 51.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 50.9

        นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรกำลังชะลอตัวลง ซึ่งอาจสกัดแผนการของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่เตรียมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

        "หากเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเริ่มส่งสัญญาณที่ชะลอตัวลงอย่างร้ายแรง ย่อมสร้างแรงกดดันให้กับ BOE ในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ธนาคารกลางกำลังรับมือกับเงินเฟ้อที่ขยายตัวเกินเป้า ตลอดจนความไม่แน่นอนในกระบวนการเจรจา Brexit ระหว่างรัฐบาลอังกฤษกับสหภาพยุโรป

        ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังดังกล่าว ได้ฉุดค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3247 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3277 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ได้ช่วยกระตุ้นรายได้ในต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของสกุลเงินอื่นๆ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังนักลงทุนคลายกังวลการเมืองสเปน

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน โดยหุ้นธนาคารของสเปนดีดตัวขึ้น หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ชาวคาตาลันในแคว้นกาตาลุญญาได้ลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน

      ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 390.72 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,367.41 จุด เพิ่มขึ้น 16.97 จุด หรือ +0.32% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,468.11 จุด เพิ่มขึ้น 29.27 จุด หรือ +0.39% *ส่วนตลาดหุ้นเยอรมันปิดทำการในวันอังคารที่ 3 ต.ค. เนื่องในวันรวมชาติเยอรมัน*

       ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าชาวคาตาลันในแคว้นกาตาลุญญาได้จัดการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอย ได้ออกมาคัดค้านและประกาศให้การลงประชามติเป็นโมฆะ

       มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เตือนว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่แคว้นกาตาลุญญาต้องการแยกตัวเป็นเอกราช อาจกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสเปน อย่างไรก็ดี มูดี้ส์มองว่าความเป็นไปได้ที่แคว้นกาตาลุญญาจะสามารถแยกตัวเป็นเอกราช ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าชาวคาตาลันส่วนใหญ่ต้องการแยกตัวออกไปหรือไม่ โดยจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิในวันอาทิตย์มีเพียง 42%

        หุ้นธนาคารของสเปนฟื้นตัวขึ้น โดยหุ้นไคซาแบงก์ พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ขยับขึ้น 0.2% และหุ้นบังเกีย ปรับตัวขึ้น 1.4%

        ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์ หลังจากไอเอชเอส/มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของอังกฤษหดตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนก.ย. จากระดับ 51.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 50.9

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 84.07 จุด รับหุ้นรถยนต์,หุ้นสายการบินพุ่ง

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังจากบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) และฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบินยังเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,641.67 จุด เพิ่มขึ้น 84.07 จุด หรือ +0.37% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,531.71 จุด เพิ่มขึ้น 15.00 จุด หรือ +0.23% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,534.58 จุด เพิ่มขึ้น 5.46 จุด หรือ +0.22%

       หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากยอดขายรถยนต์ของบริษัทต่างๆปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยพายุเฮอร์ริเคนได้ซื้อรถยนต์คันใหม่เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย

        ทั้งนี้ หุ้น GM ปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 12% ในเดือนก.ย. ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้น 8.7% ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ขยับลง 0.3% หลังจากบริษัทยอดขายรถยนต์ลดลง 10% ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ราคาหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ยังได้รับแรงกดดันจากข่าวการเรียนคืนรถยนต์ SUV จำนวน 646,394 คันในสหรัฐ เพื่อตรวจสอบระบบเบรก

        หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้น 5.5% ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ทะยานขึ้น 6.6% ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 หลังจากทางสายการบินเปิดเผยปริมาณการบรรทุกสินค้า (Cargo Ton Miles - CTM) เพิ่มขึ้น 9.4% ในเดือนก.ย. ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล พุ่งขึ้น 6.1%

       ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทรถยนต์และสายการบินถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีในตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อวันจันทร์

       หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่หุ้นทราเวลเซนเตอร์ส ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 8.4% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์

      ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าซื้อหุ้น 38.6% ในบริษัทไพลอต ฟลายอิง เจ. ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของทราเวลเซนเตอร์ส ออฟ อเมริกา

      หุ้น MGM Resorts International ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ในลาสเวกัส ปิดตลาดฟื้นตัวขึ้น 0.3% หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากเหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest ใกล้กับโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ที่เมืองลาสเวกัสของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

      ส่วนหุ้นบริษัทผลิตและจำหน่ายปืนยังคงได้รับแรงหนุนจากเหตุกราดยิงในลาสเวกัส โดยหุ้นอเมริกัน เอาท์ดอร์ แบรนด์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสมิธ แอนด์ เวสสัน พุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นสเทิร์ม รูเจอร์ แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.2%

    นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมหัวข้อ  "Community Banking in the 21st Century Research and Policy Conference" ในวันนี้ โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นโดยคณะกรรมการเฟด และคณะกรรมการกำกับการธนาคารของรัฐบาลกลางสหรัฐ ณ เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี

         นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.

         อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!