WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

44ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักตัว ตามตลาดตปท.แกว่งไร้ทิศทาง หลังผลประชุมเฟดออกมาตามคาด,ต่างชาติขายหุ้นกดดัน

     นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะหยุดพักก่อนเมื่อดัชนีฯขึ้นมาแถว 1,670 จุด เนื่องจากตลาดต่างประเทศก็ทรงตัวเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่ได้มีแนวทางชัดเจน หลังจากที่ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตามคาดในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และจะปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนธ.ค.นี้ นอกจากนี้ก็จะมีการลดการถือครองพันธบัตรลง

        ส่วนบ้านเราขณะนี้นักลงทุนต่างชาติก็ได้ขายสุทธิ จึงคิดว่าตลาดจะปรับขึ้นก็คงจะลำบาก เพราะมี Upside ไม่มากแล้วด้วย โดยตลาดบ้านเราได้ปรับขึ้นมาในระดับที่ใกล้เคียงตลาดเพื่อนบ้านแล้ว ดังนั้น หากจะขึ้นไปอีกให้เหนือเพื่อนบ้านก็คงจะต้องมีปัจจัยบวกอะไรเข้ามาผลักดันเพิ่มเติม

         ทั้งนี้ แนะนำว่านักลงทุนที่สามารถทำกำไรได้ถึงเป้าหมายก็ให้ขายทำกำไรไปก่อน และหยุดพักก่อนเพื่อรอดูทิศทางตลาดฯ พร้อมให้แนวรับ 1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,412.59 จุด เพิ่มขึ้น 41.79 จุด (+0.19%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,456.04 จุด ลดลง 5.28 จุด (-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด (+0.06%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 146.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 36.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.32 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 19.90 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ย.60) 1,670.65 จุด ลดลง 1.94 จุด (-0.12%)

        - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,878.11 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ย.60

        - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ย.60) ปิดที่ระดับ 50.41 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.9%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ย.60) ที่ 8.61 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 33.13 อ่อนค่า หลังเฟดมีมติคงดบ. พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้-ลดงบดุลเดือนต.ค.

        - คลังสั่งสศค.หาข้อมูลเชิงลึกวิเคราะห์สาเหตุเศรษฐกิจโตกระจุกเผยส่งออกไทยขยายตัวดี มีเพียง 10 บริษัทยักษ์ได้ประโยชน์ ขณะภาคการค้าโตเฉพาะหัวเมืองใหญ่ เตรียมนำข้อมูลที่ได้มาใช้ทำนโยบายรายจังหวัด เล็งเปิดตัวดัชนีเศรษฐกิจใหม่ ชี้วัดรายภาค สะท้อนภาพอนาคต 6 เดือนข้างหน้า ส่วน "จีดีพี" ปีนี้มีลุ้นโต 4% หากภาคเอกชนลงทุนด้านดัชนีเชื่อมั่นอุตฯเพิ่มครั้งแรกรอบ 5 เดือน

        - ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 60 พลิกตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนส่งสัญญาณเศรษฐกิจสดใส ลุ้นประชุมกนง. วันที่ 27 ก.ย.ลดดอกเบี้ยนโยบาย ดูแลค่าเงินบาท หนุนส่งออก มั่นใจลงทุนสิ้นปีนี้จ่อคิวลงอีอีซีพรึ่บ หลังครม.ไฟเขียวร่างพ.ร.บ.อีอีซี ขณะที่ยอดขายรถในประเทศโตต่อเนื่อง

      - ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยจะขยายตัวที่ระดับ 3% เช่นเดียวกับภาพรวมการค้าการลงทุนของกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที่ขยายตัว 6-7% ตามการเติบโตของยอดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กระแสการค้าการลงทุนในภูมิภาคนี้เริ่มกระเตื้องขึ้น

      - นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกรถยนต์ในเดือน ส.ค. 2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน อยู่ที่ 1.02 แสนคัน คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ 9.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มมีการฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ยกเว้นตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา

      - คปภ.อยู่ระหว่างประสานงานกับกรมสรรพากร เพื่อให้มีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือเอ็มโอยูระหว่างกัน ซึ่งต่อไป คปภ.ในฐานะหน่วยงานกลางกำกับของภาคธุรกิจประกันภัยจะได้หารือหรือเจรจาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษีในธุรกิจประกันภัยได้สะดวกมากขึ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

       - บอร์ด กสทช.ไฟเขียวลงนามจ้างติดตั้งอินเตอร์เน็ตชายขอบ 1.2 หมื่นล้านบาท รวม 3.9 หมื่นหมู่บ้าน ย้ำค่าบริการไม่เกิน 200 บาทต่อเดือน ยันเริ่มเปิดบริการ ธ.ค.นี้ ครบทั้งหมดส.ค.ปีหน้า เตือนช่องอมรินทร์ทีวีห้ามโฆษณาเกินเวลา ฝ่าฝืนปรับ 1 ล้านบาท สั่งปรับช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ใช้คำพูด หยาบคาย ลามกอนาจาร

*หุ้นเด่นวันนี้

      - TISCO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 90 บาท มองราคาหุ้นของ TISCO ที่ underperform SET และกลุ่มธนาคารนั้นไม่เหมาะสม TISCO ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นของตลาดทุน ขณะที่ยังคงมีเรื่องราวการเติบโต และปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นหลังการเข้าซื้อ SCBT เหมือนเดิม

      - SPALI (ไอร่า) เป้า 25.20 บาท เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในเชิงพื้นฐานจากทิศทางผลประกอบการทั้งปี 60-61 ที่ยังมีความแข็งแกร่ง เติบโตได้ดีต่อเนื่อง จาก Backlog ที่รอรับรู้รายได้ แม้ในปี 60 ประกาศงดจ่ายปันผล แต่คาดคาดกลับมาจ่ายปกติในปี 61 และคาด Div.Yield ประมาณ 4.5% ทั้งนี้ ยอดขายและรายได้จากการโอนใน 2H/60 มีแนวโน้มโดดเด่นเมื่อเทียบ 1H/60 คาดรายได้หลักเติบโตในช่วง 3Q/60 เป็นต้นไป จากการทยอยส่งมอบโครงการขนาดใหญ่ “Supalai Veranda" รัชวิภา-ประชาชื่น มูลค่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายแล้ว 83% โดยคงเป้าประมาณการกำไรทั้งปี 60 ที่ 5,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%

      - ARROW (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 17.90 บาท แม้ปี 60 คาดกำไรหดตัว 2.5% YoY หลังได้รับแรงกดดันจาก Cost Plus ไม่ทันต้นทุนเหล็กที่เพิ่มขึ้นแต่คาดปี 61 จะกลับมาโตสดใสอีกครั้งราว 16.7% YoY ด้วยปัจจัยหนุนจากรับรู้งานคอนโดใน กทม. และงานภาครัฐเช่นรถไฟฟ้ารถไฟทางคู่รวมถึงงานสายไฟฟ้าลงดินที่ยังก่อสร้างอยู่

      - ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.20 บาท ในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม จุดเด่นของ ERW คือเป็นหุ้นโรงแรมที่ไม่ถูกถ่วงจากร้านอาหาร โดยคาดกำไร 2H60 +50% Y-Y ส่วนทั้งปีคาด +45% Y-Y เป็น 500 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตแข็งแกร่ง และการขยายโรงแรมเชิงรุกทั้งในและนอกประเทศ ตามเป้าที่ต้องการเพิ่มห้องพักอีก 50% ใน 4 ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งปีนี้

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ พร้อมกับประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีในเดือนต.ค.

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,456.50 จุด เพิ่มขึ้น 146.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,364.70 จุด ลดลง 1.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,091.24 จุด ลดลง 36.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,506.85 จุด ลดลง 12.32 จุด

       ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,412.01 จุด ลดลง 0.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,207.61 จุด ลดลง 10.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,775.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,239.22 จุด เพิ่มขึ้น 19.90 จุด

      ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้

      นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ปอนด์แข็งค่าฉุดฟุตซี่ปิดลบ 3.30 จุด ขณะนลท.จับตาผลประชุมเฟด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกทะยานขึ้นขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่สูงเกินคาดของอังกฤษนั้น ได้ลดช่วงลบของดัชนี FTSE 100 ในระหว่างวัน

       ดัชนี FTSE 100 ลดลง 3.30 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 7,271.95 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดได้ปัจจัยบวกบางส่วนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นสถิติการขยายตัวที่ดีที่สุดในรอบ 4 เดือน และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคอังกฤษมีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้น

      หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าปรับตัวขึ้นขานรับรายงานดังกล่าว โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นเน็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.9%

      ขณะที่หุ้นคิงฟิชเชอร์ พุ่งขึ้น 5.6% หลังบริษัทค้าปลีกชั้นนำดังกล่าวเปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องตามเป้าหมายปีที่สองของแผนปรับโครงสร้างระยะ 5 ปี พร้อมกับประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล ถึงแม้ว่าผลกำไรงวดครึ่งปีแรกของคิงฟิชเชอร์จะหดตัวลง 6% ก็ตาม

      อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากการที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่อังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาด โดยค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.3608 ดอลลาร์ ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินปอนด์เมื่อคืนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ยกเว้นหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของ ONS

        นักลงทุนในตลาดจับตาผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการประกาศภายหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการลงแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดขยับลง ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดหุ้นยุโรปได้ปิดทำการซื้อขายไปก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุม อย่างไรก็ตาม ดัชนี DAX ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก ขานรับข่าวบริษัท ธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี และบริษัททาทา สตีล ผู้ผลิตเหล็กของอินเดีย ประกาศควบรวมกิจการผลิตเหล็กในยุโรป

        ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.04% ปิดที่ 381.98 จุด

        ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,569.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด หรือ+0.06% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,241.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ +0.08% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,271.95 จุด ลดลง 3.30 จุด หรือ -0.05%

      นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปรอดูผลการประชุมของเฟด ซึ่งโดยปกติแล้วคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะแถลงมติการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่ระบุว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่อาจจะประกาศแผนการปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

      หุ้นธิสเซ่นครุปป์ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากธิสเซ่นครุปป์ และทาทา สตีล ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการควบรวมกิจการผลิตเหล็กกล้าในยุโรป เพื่อกลายเป็นบริษัทผลิตเหล็กกล้าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากอาร์เซลอร์ มิตตัล

       ทั้งนี้ บริษัทใหม่ที่มีการจัดตั้งขึ้นจะใช้ชื่อว่า "ธิสเซ่นครุปป์ ทาทา สตีล" และมีสำนักงานใหญ่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยธิสเซ่นครุปป์ และทาทา สตีล จะลงทุนในสัดส่วน 50-50 และคาดว่าจะมีการปลดพนักงานราว 4,000 คน หรือ 8% ของจำนวนพนักงานของทั้ง 2 บริษัท

       หุ้นคิงฟิสเชอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกสินค้าดูแลบ้าน พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากบริษัทบรรลุเป้าหมายการปรับโครงสร้างองค์กรในระยะเวลา 5 ปี

       หุ้นดอยซ์ เทเลคอม ขยับขึ้น 0.8% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทสปรินท์ คอร์ป กำลังเจรจาควบรวมกิจการกับ ที-โมบาย ยูเอส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดอยซ์ เทเลคอม

       สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่มีการเปิดเผยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 เดือน นับเป็นการส่งสัญญาณว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคอังกฤษมีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้น

       ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.2

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 41.79 จุด หลังเฟดคงดอกเบี้ย-ประกาศลดงบดุลตามคาด

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยดาวโจนส์เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 7 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดงบดุล ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ว่า นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,412.59 จุด เพิ่มขึ้น 41.79 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,456.04 จุด ลดลง 5.28 จุด หรือ -0.08%

      คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้

      นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยภายใต้นโยบายปรับลดงบดุลของเฟดนั้น เฟดจะกำหนดวงเงินพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และ MBS ที่เฟดจะปล่อยให้ครบกำหนดอายุโดยไม่มีการนำเม็ดเงินไปลงทุนใหม่ และจะเพิ่มเพดานตามเป้าหมายที่เฟดกำหนด โดยในเบื้องต้น เฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองตราสารเหล่านี้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองตราสารอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาส จนกระทั่งแตะระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนในเดือนต.ค.2018

        ขณะเดียวกัน กรรมการเฟดจำนวน 12 จาก 16 รายยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.

       ทั้งนี้ หลังจากที่เฟดแถลงมติการประชุม CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 67% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

      นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ทีดี อเมริเทรด ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า การตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนมองว่า การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หรือการประกาศแผนปรับลดงบดุลในเดือนต.ค. ถือเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เฟดก็ได้ออกมาส่งสัญญาณให้ตลาดได้รับรู้เป็นระยะๆ

       การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.27% จากระดับ 2.23% และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.6% ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 8 วัน ในระยะเวลา 9 วันทำการที่ผ่านมา

      หุ้นเฟดเอ็กซ์ พุ่งขึ้น 2.1% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดการณ์ อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์

     หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.7% หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้ออกมายอมว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอชมีปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.7% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเป็น 42 เซนต์ต่อหุ้น

        หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ดิ่งลงเกือบ 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด

        สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายในระหว่างวันนั้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 1.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.35 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากผลกระทบจากการที่พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดกระหน่ำเมืองฮุสตัน รวมทั้งการเกิดภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด

      นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต

        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!