WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

38ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ยังมีโมเมนตัมเป็นบวก แต่อาจแกว่งมากขึ้นหลังหุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป

     นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโมเมนตัมเป็นบวก แต่อาจแกว่งตัวมากขึ้นหลังจากขึ้นทดสอบแนว 1,675 จุด และหุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป อีกทั้งหุ้นหลายตัวก็ได้ทดสอบแนวต้านด้วย

      ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้บวกมากกว่า 1% เนื่องจากยัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดอื่น ขณะที่ตลาดอื่นเช้านี้บวก 0.1-0.2% พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ โดยมีประเด็นน่าติดตามคือการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ

       ส่วนบ้านเราก็จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยก็คาดว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนบางส่วนอาจชิงขายทำกำไรก่อนจากความกังวลอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากผลประชุมออกมาจริงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อคืนได้

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,660-1,675 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,331.35 จุด เพิ่มขึ้น 63.01 จุด (+0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,454.64 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด (+0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,503.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด (+0.15%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 218.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 40.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.67 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.60) 1,670.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด (+0.58%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,010.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ย.60) ปิดทรงตัวที่ระดับ 49.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.3%   

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.60) ที่ 8.84 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.08 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง นลท.จับตาการประชุมเฟดวันแรก

                - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นหลัก ซึ่งการทำนโยบายการเงินก็เหมือนเหรียญสองด้านเสมอต้องดูให้รอบคอบ และต้องให้สมดุลทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง ตลอดจนภาคธุรกิจ

                - ศาลล้มละลายกลางได้รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ไว้พิจารณา หลังจากนัดไต่สวน และนำคดีเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหนี้ทั้ง 7 ราย ที่ยื่นคัดค้านในครั้งแรกยินยอมถอนคำคัดค้าน ส่งผลให้ศาลได้นัดฟัง คำสั่งในวันที่ 21 ก.ย.นี้

                - ตลาดหลักทรัพย์เร่งหาแนวทางเชื่อมโยงตลาดหุ้นต่างประเทศ เริ่มกลุ่มซีแอลเอ็มวี รับอุปสรรคสำคัญ ขนาดตลาดต่างกัน คาดสรุปแผนชัดเจนปีหน้า แจงอยู่ระหว่างการดึงอินฟราฟันด์ ของลาวเข้าระดมทุน ด้านสมาคมนักวิเคราะห์ ประเมินเชื่อมโยงทำได้ยาก มองการนำเข้าระดมทุนตลาดหุ้นไทยทำได้ดีกว่า

                - สมาคมนักวิเคราะห์ ฟันธงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ แต่เกิดจากต่างชาติกลับมาลุยซื้อ หลังมองทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนปีหน้าจะเติบโตได้ดี อานิสงส์การเมืองไทยเริ่มมีความสงบ ขณะที่ราคาหุ้นไทยยังปรับขึ้นไม่มาก ทั้งปีขึ้นแค่ 2-3% ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น 15%

                - ธ.ก.ส.เตรียมชง ครม.ไฟเขียว 2 มาตรการช่วยเหลือชาวนาวงเงิน 7 หมื่นล้านบาท เดือน ต.ค.นี้ ทั้งสินเชื่อรวบรวมและแปรรูปผลผลิตและเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยว พร้อมเดินหน้าขจัดหนี้นอกระบบเกษตรกรให้เป็นศูนย์เผยเตรียมวงเงิน 5 พันล้านบาท ให้กู้ฉุกเฉินป้องกันก่อหนี้นอกระบบซ้ำอีก

*หุ้นเด่นวันนี้

                - CENTEL (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 48 บาท คาดผลการดำเนินงานจะพลิกฟื้นตั้งแต่ 2H60 เร็วกว่าที่คาดไว้ โดยคาดว่าจะเติบโต 24.5% y-y จาก 6.3% y-y ใน 1H60 และการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงแรม จะหนุนกำไรหลัง 2H60 นอกจากนี้ แม้ว่าธุรกิจอาหารจะยังคงมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ติดลบ แต่คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้วยคาดว่า GDP จะขยายตัว 3.9-4.5% ในปี 2561-2562 จะทำให้ธุรกิจอาหารของ CENTEL ฟื้นตัว พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 2560-2562 ขึ้น 10-14% อีกทั้งชอบแบรนด์เซ็นทาราด้วยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และมีตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่มโรงแรม 4 ดาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่นของไทย

                - FTE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 4.30 บาท ราคาหุ้นอ่อนตัวสวนทางคาดการณ์กำไร 3Q60 ที่มีแนวโน้มทำ All Time High โดยคาด +17% Q-Q, +36% Y-Y อยู่ที่ 32 ล้านบาท จากทั้งยอดขายอปุกรณ์ดับเพลิงที่กลับมาโตเป็นไตรมาสแรกในรอบปี และการรับรู้งานโครงการที่มีงานในมือหลัง 2Q60 ราว 277 ล้านบาท รวมถึงอัตรากำไรที่ขยายตัวต่อเนื่องตามการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนกำไรทั้งปีนี้คาด +31% Y-Y และ +14% Y-Y ในปีหน้า ตามแรงหนุนของตลาดบ้านและคอนโดฯที่ฟื้น และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯที่เริ่มขยับ ราคาปัจจุบันยังถูก แถมฐานะทางการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash

                - PTTGC (ไอร่า) เป้า 82 บาท คาดผลการดำเนินงานของ PTTGC จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในช่วง 3Q/60 จากการกลับมาผลิตเต็มกำลังของหลายโรงงาน หลังหยุดซ่อมบำรุงจำนวนมากเมื่อช่วง 2Q/60 ขณะที่การเข้าซื้อหุ้นและรับโอนสิทธิบริษัทที่ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีจาก ปตท. เสร็จสิ้นแล้วเมื่อ 3 ก.ค.60 คาดสามารถรับรู้ผลกำไรได้ตั้งแต่ช่วง 3Q/60 เป็นต้นไป โดยการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้จะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจของ PTTGC มีความสมบูรณ์และครบวงจรมากขึ้น เบื้องต้นคาด PTTGC จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมคาดผลดำเนินงานในปี 60 จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการปิโตรเคมีที่เป็นเดิมของ PTT โดยคาดกำไรสุทธิ 30,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ทำนิวไฮต่อเนื่อง

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,128.18 จุด เพิ่มขึ้น 218.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,365.53 จุด เพิ่มขึ้น 2.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,200.54 จุด เพิ่มขึ้น 40.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,653.34 จุด เพิ่มขึ้น 21.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,419.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,249.28 จุด เพิ่มขึ้น 7.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,783.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,299.81 จุด เพิ่มขึ้น 5.67 จุด

                การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดไม่น่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่มีแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

                CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้น บีเออี ซิสเต็มส์ พุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 37.81 จุด

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มยุทโธปกรณ์รายใหญ่อย่างบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งขานรับข่าวที่ว่า บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดหาฝูงบินขับไล่ให้กับกาตาร์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีได้เริ่มคลี่คลายลง ภายหลังจากรัฐบาลสหรัฐออกมาแสดงจุดยืนว่า ต้องการแก้ปัญหาเกาหลีเหนืออย่างสันติวิธี

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 37.81 จุด หรือ +0.52% แตะที่ 7,253.28 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากถ้อยแถลงของนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งระบุว่า สหรัฐต้องการแก้ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีทางการทูต และการใช้กำลังทหารจะเป็นทางเลือกสุดท้าย

                นักวิเคราะห์ตลาดจากแฮนเทค มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "เมื่อสถานการณ์ความตึงเครียดคลี่คลายไปในทางที่ดี นักลงทุนก็เริ่มเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำและสกุลเงินเยน เพื่อหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นแทน"

                ดัชนี FTSE 100 ยังได้แรงหนุนจากหุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งพุ่งขึ้น 2.6% หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่ดังกล่าวสามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบ "ยูโรไฟเตอร์ ไทฟูน" ให้กับกาตาร์ จำนวน 24 ลำ รวมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงตามทิศทางของราคาทองคำที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟรสนิลโล ลดลง 1% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ขยับลง 0.9%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก นักลงทุนคลายกังวลสมุทรเกาหลี

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐต้องการแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีทางการทูต

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 381.95 จุด

                ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,559.39 จุด เพิ่มขึ้น 40.58 จุด หรือ +0.32% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,229.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.41 จุด หรือ +0.30% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,253.28 จุด เพิ่มขึ้น 37.81 จุด หรือ +0.52%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลาย ภายหลังจากนายทิลเลอร์สันได้กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "Face the Nation" ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า สหรัฐต้องการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี พร้อมกับย้ำว่า ยุทธศาสตร์ด้านนโยบายต่อเกาหลีเหนือของสหรัฐก็คือการสร้างกดดันทางการทูตบนพื้นฐานของหลักการ "4 ไม่" ซึ่งได้แก่ ไม่พยายามโค่นล้มหรือเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ ไม่เร่งกระบวนการรวมชาติบนคาบสมุทรเกาหลี และไม่ส่งกำลังทหารรุกคืบเหนือเขตปลอดทหาร

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนมีการขยายตัว 1.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขเบื้องต้นที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้

                หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอิตาลีจะยื่นมือตรวจสอบบริษัท Vivendi ที่ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการเทเลคอม อิตาเลีย

                อย่างไรก็ตาม หุ้นไรอันแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ร่วงลง 1.9% หลังจากไรอันแอร์ประกาศยกเลิกเที่ยวบินจำนวน 82 เที่ยวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทางบริษัทยอมรับว่าเกิดความสับสนในการจัดทำแผนวันหยุดของนักบิน

                นอกจากนี้ ไรอันแอร์จะยกเลิกเที่ยวบินจำนวน 40-50 เที่ยวต่อวันในช่วง 6 สัปดาห์ข้างหน้า

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 63.01 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ตลาดจับตาประชุมเฟด

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดตลาดในแดนบวก หลังจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ฉุดดัชนี Nasdaq อ่อนแรงลงในระหว่างวัน

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,331.35 จุด เพิ่มขึ้น 63.01 จุด หรือ +0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,503.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,454.64 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ +0.10%

                นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย. ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่คาดว่าเฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่มีแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

                นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐนับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น หลังจาก CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

                หุ้นกลุ่มผลิตอาวุธพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นออร์บิทัล เอทีเค ทะยานขึ้น 20% หลังจากบริษัทนอร์ทธอร์ป กรัมแมน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศเข้าซื้อกิจการออร์บิทัล เอทีเค

                ทั้งนี้ นอร์ทธอร์ปจะจ่ายเงินสดและชำระหนี้ให้แก่ออร์บิทัลรวม 9.2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้ถือหุ้นออร์บิทัลจะได้รับเงินสด 134.50 ดอลลาร์/หุ้น โดยมีราคาสูงกว่าราคาปิดตลาดในวันศุกร์ที่ระดับ 110.04 ดอลลาร์ ถึง 22%

                นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนระบุว่า การซื้อกิจการออร์บิทัลจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งแก่นอร์ทธอร์ป

                ส่วนหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูงในตลาด เช่นหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ต่างก็ปิดตลาดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีส่วนช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก

                ดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดช่วงลบ โดยหุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 0.2% ขณะที่หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวลง 0.6%

                นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด โดยข่าวคืบหน้าล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน เห็นพ้องที่จะใช้ความพยายามกดดันให้มากที่สุดเพื่อให้เกาหลีเหนือระงับโครงการนิวเคลียร์ ขณะที่สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานก่อนหน้านี้ว่า หากสหรัฐและพันธมิตรทำการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมากขึ้น ทางเกาหลีเหนือก็จะยิ่งเร่งดำเนินการเพื่อให้เสร็จสิ้นโครงการนิวเคลียร์

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่  ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!