- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 01 September 2017 11:09
- Hits: 4152
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น ขานรับเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง-การเมืองคลี่คลาย,จับตาประมูลรถไฟทางคู่วันนี้
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศออกมาเมื่อวานนี้นั้นเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมาเป็นบวกได้ อีกทั้งกระแสทางการเมืองก็คลี่คลายลงแล้ว นอกจากนี้เงินทุนจากต่างประเทศก็เป็นบวกมากขึ้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน พร้อมให้ติดตามการประมูลรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ โดยในวันนี้จะมีการเสนอราคาสำหรับสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ซึ่งอาจจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯได้บ้าง ขณะที่ยังให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทั่วโลก
พร้อมให้แนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,948.10 จุด เพิ่มขึ้น 55.67 จุด (+0.25%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,428.66 จุด เพิ่มขึ้น 60.35 จุด (+0.95%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,471.65 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด (+0.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 87.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 44.92 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.26 จุด
ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ส.ค.60) 1,616.16 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด (+0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,870.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ส.ค.60) ปิดที่ 47.23 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ส.ค.60) ที่ 10.56 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.18 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.15 -33.25 จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยการบริโภคภาคเอกชนในเดือนก.ค.ยังขยายตัวแม้จะชะลอลงบ้าง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ภาคเกษตรกรรมที่หดตัว 2.6% ในขณะที่ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่ราคาตกต่ำ 15.6% เช่นเดียวกับการใช้จ่ายหมวดบริการเติบโตลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยว
- นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีหนังสือมาถึงกรรมาธิการให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติม ทั้งต้องการให้เก็บและไม่ให้เก็บภาษี คลังจึงต้องการพิจารณากฎหมายนี้ให้จบ และจะให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 แม้ว่าจะมีเอกชนขอให้เริ่มบังคับใช้ช้ากว่านั้น
- กระทรวงคมนาคมได้สั่งปรับแผนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร วงเงิน 1.21 แสนล้านบาท โดยเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนแบบพีพีพี จากเดิมรัฐลงทุน 100%
- นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มั่นใจเม็ดเงินต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสำคัญคือเศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวดี ประกอบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ประมาณ 3.5% รวมทั้งปีประมาณการว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรประมาณ 7% ซึ่งได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 มาแล้ว ดังนั้น แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนจะดีขึ้น รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศที่นิ่ง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวล หลังจากเกิดเหตุการณ์การยิงขีปนาวุธที่คาบสมุทรเกาหลี ทำให้หุ้นวิ่งเข้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน
- คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาปรับโครงสร้างค่าไฟใหม่ (ปี 2561-2565) โดยคาดว่าจะประกาศใช้ภายในปี 2561 ซึ่งโครงสร้างใหม่นั้นแผนการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าจะมีความรัดกุมมากขึ้น รวมถึงจะมีการปรับปรุงค่าบริการรายเดือนในบิลค่าไฟที่ปัจจุบันเก็บบิลละ 38.22 บาท ให้ลดลง ซึ่งจะสะท้อนต้นทุนการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
- วันนี้รฟท.จะเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญา 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ราคากลาง 7,721.13 ล้านบาท ส่วนสัญญา 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางจิระ เลื่อนประกาศชื่อผู้มีสิทธิเสนอราคา และเลื่อนวันประมูลออกไปก่อน เนื่องจากต้องรอความชัดเจนเส้นทางที่ต้องตัดผ่านชุมชนเมืองนครราชสีมา
*หุ้นเด่นวันนี้
- III (บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มบริการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเสนอราคาขาย IPO ที่ 4.80 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2561 เท่ากับ 5.40 บาท พร้อมคาดกำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้าจะโตสูงเฉลี่ย 46% ต่อปี
บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งทางอากาศ ทะเล บก และรับบริหารจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและในประเทศ รวมถึงให้บริการโลจิสติกส์สินค้าอันตรายที่ต้องมีความชำนาญสูง ด้วยธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นขาขึ้นต่อเนื่อง จากการเปิด AEC การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ EEC และ E-Commerce ที่โตเร็ว
- STEC (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ยังคงชอบกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหลังประเด็นบวกต่อเนื่องหลังยังมีงานภาครัฐรอประมูลในช่วง 1-2 เดือน ประกอบกับการเสนอราคารถไฟทางคู่แบบ E-Auction ในต้นเดือนก.ย. ทั้งนี้ STEC อิง P/E17F 35.1 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ประมาณ 40.6 เท่า ประกอบกับคาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวขึ้นจากงานภาครัฐเป็นหลักหนุนด้วย STEC เองมี Backlog ในมือกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถหนุนกำไรในปี 2560-2561 ได้อย่างน้อยปีละกว่า 32-39%
- WORK (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 84 บาท มองราคาขายโฆษณาเติบโตต่อเนื่องใน 2H60 จากการออกอากาศรายการยอดนิยม "The Mask Singer" Season ใหม่และรายการใหม่ "X-Factor" ที่มีเรทค่าโฆษณาอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง รวมถึงรายได้ช่องทาง Online ที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรในปี 60 เพิ่มขึ้น 50%
- ARROW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 19 บาท สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งราคาเหล็กที่เริ่มชะลอการปรับขึ้น และภาษีที่มีแนวโน้มลดลงจากการเพิ่มสายการผลิตที่เพิ่งได้ BOI ขณะที่ยอดสั่งซื้อท่อร้อยสายไฟเร่งตัวขึ้นจน Backlog แตะ 770 ล้านบาท เพราะผู้รับเหมากลัว ARROW ปรับขึ้นราคาเหมือนต้นปี ส่วนการขยายธุรกิจไปผลิตอุปกรณ์ท่อ Post-tension โดยมองบวกเพราะคืนทุนเร็วไม่เกิน 2 ปี ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2560-2561 เพียง 12-13 เท่า
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณว่า รัฐบาลกำลังผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ซบเซาของสหรัฐยังช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,733.57 จุด เพิ่มขึ้น 87.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,365.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,015.22 จุด เพิ่มขึ้น 44.92 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,576.27 จุด ลดลง 9.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,367.45 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 65.36 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นเหมืองแร่
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) ด้วยปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 65.36 จุด หรือ +0.89% ปิดที่ 7,430.62 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ภายหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.7 จากระดับ 51.4 ในเดือนก.ค. ซึ่งการเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว โดยจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าแร่อุตสาหกรรมหนักและแร่โลหะมีค่ารายใหญ่ของอังกฤษ
หุ้นผู้ผลิตแร่ทองแดงรายใหญ่ปรับตัวขึ้นกันทั้งกระดาน โดยหุ้นแอนโตฟากาสตา พุ่งขึ้น 2% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเกลนคอร์ ขยับขึ้น 0.8%
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.5% แม้ธนาคารอาร์บีซี ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของบริษัทผู้ผลิตแร่เหล็กดังกล่าวลงสู่ระดับ "underperform" จากระดับ "sector perform"
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สถาบันวิจัย GfK เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหราชอาณาจักรขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนส.ค. จากระดับ -12 สู่ระดับ -10
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลัง PMI การผลิตจีนหนุนหุ้นเหมืองแร่พุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากทางการจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากบริษัทคาร์ฟูร์ ปรับลดคาดการณ์ยอดขายตลอดปี 2560
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 373.88 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,055.84 จุด เพิ่มขึ้น 53.37 จุด หรือ +0.44% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,085.59 จุด เพิ่มขึ้น 29.25 จุด หรือ +0.58% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,430.62 จุด เพิ่มขึ้น 65.36 จุด หรือ +0.89%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่างคึกคัก ภายหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.7 จากระดับ 51.4 ในเดือนก.ค. ซึ่งการเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว โดยจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าแร่อุตสาหกรรมหนักและแร่โลหะมีค่ารายใหญ่ของยุโรป
ทั้งนี้ บีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นแอนโตฟากาสตา พุ่งขึ้น 2% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเกลนคอร์ ขยับขึ้น 0.8%
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.เป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.4%
อย่างไรก็ตาม หุ้นคาร์ฟูร์ ร่วงลง 13% และส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในระหว่างวัน หลังจากคาร์ฟูร์ ห้างค้าปลีกชั้นนำของฝรั่งเศสเปิดเผยกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรก ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 78 ล้านยูโร จากระดับ 129 ล้านยูโรในปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ
นอกจากนี้ คาร์ฟูร์ยังได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายตลอดทั้งปี 2560 เหลือเติบโตเพียง 2-4% จากเดิม 3-5%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 55.67 จุด รับความหวังแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐคืบหน้า,เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณว่า รัฐบาลกำลังผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้มีผลบังคับใช้ภายในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ซบเซาของสหรัฐยังช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,948.10 จุด เพิ่มขึ้น 55.67 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,471.65 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,428.66 จุด เพิ่มขึ้น 60.35 จุด หรือ +0.95%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขานรับความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐ โดยนายมนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีแผนปฏิรูปภาษีที่ลงลึกในรายละเอียดแล้ว และกำลังผลักดันให้มีผลบังคับใช้ภายในปีนี้
การส่งสัญญาณในด้านบวกของรัฐมนตรีคลังสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงนโยบายภาษีที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซิสซูรี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยทรัมป์ได้กล่าวเน้นย้ำว่า เป้าหมายการปฏิรูประบบภาษีของเขาคือการเดินหน้าปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 15% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐซบเซาลง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.ค. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมการใช้จ่ายด้านอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญนั้น ขยับขึ้นเพียง 0.1% โดยดัชนีขยายตัวในอัตราดังกล่าวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพพุ่งขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มชีวภาพ ทะยานขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นเชลจีน และหุ้นไบโอเจน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3% ส่วนหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ดีดตัวขึ้น 1.5% และหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 1.4%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ร่วงลง 1.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับลดพนักงานในเครือดิสนีย์/เอบีซี เทเลวิชัน กรุ๊ป เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร โดยรายงานระบุว่า ดิสนีย์อาจปลดพนักงานในภาคส่วนดังกล่าวประมาณ 300 คน
หุ้นแคมเบลล์ ซุป ร่วงลง 8% ขณะที่หุ้นดอลลาร์ เจเนอรัล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ดิ่งลง 5.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์