- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 31 August 2017 11:33
- Hits: 3698
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up เล็งขานรับทรัมป์ย้ำนโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15%
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up เนื่องจากในช่วงเช้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวย้ำถึงการผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีนิติบุคคล คือการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 15% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 ของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ระบุเศรษฐกิจขยายตัว 3.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ส่วนตลาดบ้านเราก็ได้มีการปรับฐานไปเมื่อวานนี้แล้ว และนักลงทุนต่างชาติก็ยังซื้อสุทธิอยู่ เพียงแต่ในระหว่างทางอาจเผชิญแรงขายทำกำไรอยู่บ้าง นอกจากนี้ FTSE ได้นำ EA และ WORK เข้าคำนวณในดัชนีฯฟุตซี่ ดังนั้นอาจทำให้มีแรงซื้อเข้ามา
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,892.43 จุด เพิ่มขึ้น 27.06 จุด (+0.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,368.31 จุด เพิ่มขึ้น 66.42 จุด (+1.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,457.59 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด (+0.46%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 84.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 160.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 23.30 จุด
ด้านตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ส.ค.60) 1,613.34 จุด ลดลง 0.80 จุด (-0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 675.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ส.ค.60) ปิดที่ 45.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 48 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ส.ค.60) ที่ 10.06 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.19 แนวโน้มอ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนดอลล์แข็ง
- สินค้าอุปโภคบริโภค "ไม่ฟื้น" ครึ่งปีแรกโต 1% ทำสถิติต่ำสุดรอบ 11 ปี จากปัจจัยเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พบพฤติกรรมลดมูลค่า-ความถี่ซื้อสินค้า ตัดค่าใช้จ่ายทุกผลิตภัณฑ์
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยในงานไทยแลนด์ โฟกัส ว่า ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) จัดทำข้อมูลว่า 15 ปีนี้เอเชียต้องใช้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 862 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เดือน ต.ค.นี้ คลังจะปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2560 เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้เดิม 3.6% เนื่องจากมีหลายปัจจัยดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยเฉพาะการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ถึง 6% สูงกว่าที่กระทรวงการคลังประมาณการไว้ที่ 4.6% และภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณการลงทุนดีขึ้น เห็นได้จากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวต่อเนื่องที่ 7.8% รวมถึงงบประมาณกลางปี 1.9 แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้แล้ว 46% เร็วกว่าที่คิด
- ก.ล.ต.มีการปฏิรูปกฎเกณฑ์ที่ใช้ในตลาดทุนให้มีความสอดคล้องกับสภาวะตลาด เพื่อให้กฎเกณฑ์หรือเครื่องมือกำกับดูแลที่มีอยู่มีประสิทธิภาพ ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนนำไปปฏิบัติได้จริง และตอบโจทย์ได้ตรงจุดรวมทั้งไม่เป็นภาระมากจนเกินไป โดยในการปฏิรูปนั้นจะคำนึงถึงส่วนประกอบสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ สภาพการแข่งขันของธุรกิจและผู้ลงทุนต้องมีทางเลือก ความเชื่อมั่นในกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย และให้ความสำคัญเกี่ยวข้องในตลาดทุนโดยวัดผลการกำกับดูแลจากลูกค้าหรือผู้ลงทุน
- 'สมคิด'เห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์พีพีพี 5 ปี รวม 55 โครงการ มูลค่าลงทุน 1.62 ล้านล้านบาท เปิดทางเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ อนุมัติหลักเกณฑ์เปรียบเทียบต้นทุน ความเสี่ยง และความคุ้มค่าในการประเมินทางเลือกการลงทุน
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 9.70 บาท จาก 1) การร่วมลงทุนกับ partner หนุน presale เติบโตแข็งแกร่ง 2) ส่วนแบ่งรายได้จาก JV เพิ่ม backlog การรับรู้รายได้ในอนาคต 3) อัตรากำไรสูงขึ้น รวมถึง ROE และ 4) ด้วยกำไรเติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปีช่วง 2560-2563 และ valuation ไม่แพงที่ PE18 7.2x และผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.9-4.9%
- AIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 31 บาท คาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะทะลุเป้าหมายที่ 5 พันล้านบาท โดย Backlog ล่าสุดอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ราว 70% ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้น 3Q60 คาดใกล้เคียงกับ 2Q60 ที่ 20.2% เนื่องจากยังต้องรับรู้รายได้โครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน ประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ที่คาด +23% Y-Y มี Downside เล็กน้อยจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำคาด แต่จะถูกชดเชยจากการกลับรายการหนี้สูญหากสามารถเจรจาเรียกเก็บเงินจากลูกค้าภาครัฐสำเร็จ อีกทั้ง Valuation ที่ถูก PE2560 เพียง 10.5 เท่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงราว 7.7%
- TOP (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งจากค่าการกลั่น (GRM )ไตรมาส 3 ที่ยืนเหนือ 8 เหรียญ/บาร์เรล นอกจากนี้ GRM ยังได้แรงหนุนจากการปิดซ่อมโรงกลั่นจำนวนมากในช่วง ส.ค.-ก.ย. และพายุเฮอร์ริเคนกระทบกับโรงกลั่นและกำลังการผลิตในสหรัฐฯ
- AMATA (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผลการดำเนินงานเข้าสู่ช่วงแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง ขณะที่กฎหมาย EEC เข้าพิจารณา ก.ย. และน่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี เป็นปัจจัยบวกด้านจิตวิทยา
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับ PMI ภาคการผลิตจีน, GDP สหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.7 จากระดับของเดือนก.ค.ที่ 51.4
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,591.32 จุด เพิ่มขึ้น 84.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,361.46 จุด ลดลง 2.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,934.45 จุด ลดลง 160.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,586.65 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,373.96 จุด เพิ่มขึ้น 1.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,288.56 จุด เพิ่มขึ้น 23.30 จุด ด้านตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 เมื่อวานนี้ ระบุเศรษฐกิจขยายตัว 3.0% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 2.6% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ด้าน ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 237,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 185,000 ตำแหน่ง
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 27.83 จุด นลท.เริ่มคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกและกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลางข้ามเกาะญี่ปุ่นเพื่อตอบโต้การซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 27.83 จุด หรือ +0.38% ปิดที่ 7,365.26 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวกครั้งแรกหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันสองวันทำการ โดยนักวิเคราะห์จากเอดีเอส ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า "นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวล สืบเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ มีท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ โดยทรัมป์เลือกที่จะยังไม่ใช้มาตรการรุนแรงในการตอบโต้เกาหลีเหนือทันที ซึ่งท่าทีดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงในการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ และทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นเงินเยนและทองคำ"
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นแอชเทด กรุ๊ป บริษัทให้เช่าอุปกรณ์อุตสาหกรรมรายใหญ่ พุ่งขึ้น 4.8% หุ้น G4S เพิ่มขึ้น 2.7%
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รายงานว่า ตัวเลขการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักร พุ่งขึ้นแตะระดับ 68,689 รายในเดือนก.ค. จากระดับ 65,318 รายในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 65,000 ราย
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังนักลงทุนคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีปฏิกริยาอย่างระมัดระวังในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 371.01 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,002.47 จุด เพิ่มขึ้น 56.59 จุด หรือ +0.47% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,056.34 จุด เพิ่มขึ้น 24.42 จุด หรือ +0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,365.26 จุด เพิ่มขึ้น 27.83 จุด หรือ +0.38%
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มลดน้อยลง หลังจากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ออกมาใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในการตอบโต้เกาหลีเหนือเหมือนครั้งก่อน โดยทรัมป์กล่าวเพียงว่า สหรัฐ "พร้อมใช้มาตรการทุกทาง" เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นในช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนี ซึ่งคิดคำนวณตามมาตรฐานที่สอดคล้องกับประเทศอื่นๆในยุโรป (HICP) ปรับตัวขึ้น 1.8% เมื่อเทียบรายปีในเดือนส.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.7%
ทางด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
รายงานระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นแตะระดับ 111.9 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 จากระดับ 111.3 ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าดัชนีเดือนล่าสุดจะแตะที่ 111.3
หุ้นเทเลนอร์ พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้น
หุ้นบาลอยส์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรครึ่งปีแรกพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 34%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 27.06 จุด ขานรับ GDP,ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ขานรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์เช่นกัน ขณะที่นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปภาษี
ดัชนี เฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,892.43 จุด เพิ่มขึ้น 27.06 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,457.59 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด หรือ +0.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,368.31 จุด เพิ่มขึ้น 66.42 จุด หรือ +1.05%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 เมื่อวานนี้ ระบุเศรษฐกิจขยายตัว 3.0% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 2.6% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ด้าน ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 237,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 185,000 ตำแหน่ง
รายงานของ ADP ระบุว่า การจ้างงานเกือบทั้งหมดมาจากภาคบริการ ซึ่งมีการจ้างงานเพิ่ม 204,000 ตำแหน่ง ขณะที่การจ้างงานในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 16,000 ตำแหน่ง ภาคก่อสร้างเพิ่มการจ้างงาน 18,000 ตำแหน่ง ส่วนภาคเหมืองแร่จ้างงานลดลง 1,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า "สหรัฐพูดคุยกับเกาหลีเหนือมาเป็นเวลานานถึง 25 ปี ดังนั้นการพูดคุยจึงไม่ใช่คำตอบ"
ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอดูการแถลงนโยบายภาษีของปธน.ทรัมป์ที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี โดยก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ได้เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาอยู่ที่ระดับ 15% จากระดับ 35% เพื่อกระตุ้นศักยภาพด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ และหุ้นไมโครซอฟท์ ต่างก็พุ่งขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นจีเลียด ซายส์ อิงค์ ทะยานขึ้น 7.3% และหุ้นไบโอมาริน ฟาร์มาซูติคัล พุ่งขึ้น 5.6%
หุ้นร็อคเวลล์ คอลลินส์ ปรับตัวลง 0.2% ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ขยับขึ้น 0.8% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ใกล้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการร็อคเวลล์ คอลลินส์ ในวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์