WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

38ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักตัวหลังขึ้นแรง ตลาด ตปท.เป็นบวกคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี

     นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะพักตัวหลังจากวานนี้ดีดตัวขึ้นมาแรง ขณะที่เหตุการณ์คาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลง ทำให้ตลาดฯทางเอเชียเหนือขึ้นมาตอบรับ รวมทั้งตลาดภูมิภาคทิศทางเป็นบวก ส่วนปัจจัยในประเทศเศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแรงเห็นได้จากตัวเลขอัตราการขยายตัว (GDP) ล่าสุดเติบโตขึ้นมาก และกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

        "เมื่อวานนี้ตลาดขึ้นมาแรง วันนี้อาจได้เห็นการพักตัวก่อน ซึ่งเราไม่ได้เห็นวอลุ่มตลาดเกือบแสนล้านมานานแล้ว"นายประกิต กล่าว

พร้อมให้กรอบการแกว่งตัววันนี้ที่ 1,600-1,617 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,865.37 จุด เพิ่มขึ้น 56.97 จุด (+0.26%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,301.89 จุด เพิ่มขึ้น 18.87 จุด (+0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,446.30 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด (+0.08%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 118.43 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 192.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.02 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.79 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.55 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 30.41 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ส.ค.60) 1,614.14 จุด เพิ่มขึ้น 28.35 จุด (+1.79%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,803.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ส.ค.60

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ส.ค.60) ปิดที่ 46.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.3%    

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ส.ค.60) ที่ 8.92 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.19 อ่อนค่าเล็กน้อยหลังมีแรงซื้อดอลล์จากตลาดคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี

                - คลังยันปี 62 บังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แจงหลักการเก็บภาษีไม่กระทบกลุ่มรายได้น้อยและปานกลาง ด้านกรมธนารักษ์เตรียมประกาศราคาประเมินที่ดินรายแปลงทั่วประเทศ 1 ม.ค.61 ธุรกิจอสังหาฯ แนะลดอัตราและจัดเก็บภาษีแบบคงที่ หวังลดใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

                - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังมีแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยด้านต่างประเทศเป็นหลักทั้งเรื่องการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนตอนนี้เริ่มฟื้นตัวได้ดีจากราคาสินค้าเกษตร ส่งผลให้อำนาจการซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การส่งออกที่ขยายตัวดียังเป็นแรงส่งต่อผู้ประกอบการในระยะต่อไปในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วย

                - ตลาดหลักทรัพย์ประเมินปัญหา บจ.ด้อยคุณภาพไม่มีผลกระทบกับความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างชาติเพราะส่วนใหญ่เป็นบจ.กลางและเล็ก ยันตั๋วบีอีไม่ได้ทำให้ต้นทุนการเงินพุ่งพร้อมจี้ไอเฟคเร่งส่งงบการเงินที่ค้างอยู่อีก 2 ไตรมาส ย้ำยังไม่ปลดเอสพี

                - สศช.คาดจีดีพีไทยปีนี้โต 3.7% แม้เผชิญปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจถดถอย แต่ฟื้นได้เร็วและน่าพอใจ ด้าน ธปท.ยันไม่จำเป็นต้องออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทที่ผันผวน ชี้เป็นแค่ความไม่แน่นอนจากหลายประเทศ หนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้ง

                - ครม.เคาะร่างสัญญา 2.2 ที่ปรึกษาควบคุมงาน รถไฟไทย-จีน เผย 4 ก.ย.นี้ นายกฯ เดินทางเซ็นสัญญา มั่นใจตอกเสาเข็ม ต.ค.นี้ พร้อมจี้เดินหน้าตั๋วร่วม คาดตั้งบริษัทกลางปี 61 ด้านซีเมนส์ เสนอตัวทำระบบรางในประเทศไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

                - PTTGC (เคทีบี) แนะนำ 'ซื้อ' ให้ราคาเป้าหมาย 77 บาท แม้ราคายังสูงกว่าราคาเหมาะสมของปัจจัยพื้นฐาน แต่ในเชิงกลยุทธ์มองโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ จากการเก็งกำไรของนักลงทุนที่มองว่า Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี เนื่องจากมองการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีกรอบจำกัด อีกทั้งการโอนกิจการ 6 บริษัทจาก PTT ตามโครงการ Asset Junction เร็วกว่าคาดการณ์เดิม สามารถบันทึกเป็นกำไร 400-500 ล้านบาท/ไตรมาส เริ่มตั้งแต่ Q3/60 เป็นต้นไป

                - AH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) แนะนำ'ซื้อ'ราคาเป้าหมาย 30 บาท แนวโน้มครึ่งหลังปี 60 และปี 61 จะยังโดดเด่นต่อเนื่องจากการเข้าซื้อหุ้น 25% ใน SGAH ผู้ผลิตชิ้นส่วนในอินเดีย-โปรตุเกส-สหรัฐ-จีน รวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐช่วยเพิ่มกำไรคือได้ดอกเบี้ยรับ 10 ล้านดอลลาร์/ปีเป็นเวลา 3 ปี และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 125-175 ล้านบาท/ปี  อนาคตจะมี Synergy มากขึ้นกับ SGAH  โดยปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นซื้อขายบน P/E ปีนี้ต่ำ 8.6 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 4.7%

                - CK (ไอร่า) เป้า 39 บาท แม้ยังไม่ได้งานรถไฟทางคู่แต่ไม่กระทบเนื่องจาก YTD ได้งานเพิ่มถึง 48,412 ล้านบาท หลักๆ จากงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) 3 สัญญารวม 26,339 ล้านบาท และงาน M&E โครงการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน 19,643 ล้านบาท ส่งผล Backlog ยังสูงกว่า 86,000 ล้านบาทเพียงพอต่อการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ นักลงทุนคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีท่าทีระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,480.98 จุด เพิ่มขึ้น 118.43 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,361.82 จุด ลดลง 3.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,957.74 จุด เพิ่มขึ้น 192.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,511.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.02 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,368.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,259.13 จุด เพิ่มขึ้น 9.79 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,758.59 จุด ลดลง 2.55 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,978.80 จุด เพิ่มขึ้น 30.41 จุด

       กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มลดน้อยลง หลังจากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ออกมาใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในการตอบโต้เกาหลีเหนือเหมือนครั้งก่อน โดยทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐ "พร้อมใช้มาตรการทุกทาง" เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นในช่วงเช้าวานนี้

     มาร์ค เคปเนอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เทมิส เทรดดิ้ง กล่าวว่า การที่ปธน.ทรัมป์และผู้นำประเทศอื่นๆทั่วโลกมีปฏิกริยาอย่างระมัดระวังต่อการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้น ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 64.03 จุด วิตกคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียด

       ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) จากปัจจัยความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวานนี้

       ดัชนี FTSE 100 ลดลง 64.03 จุด หรือ -0.87% ปิดที่ 7,337.43 จุด

        ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มผู้ผลิตแร่ทองคำ เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำกันมากขึ้น หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 4.6% และหุ้นเฟรสนิลโล เพิ่มขึ้น 2.6% ตามทิศทางราคาทองคำที่พุ่งทะลุแนวต้าน 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ สู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน

       อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ถูกกดดันจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพุ่งข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ก่อนไปตกในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงเช้าวานนี้ ซึ่งนับเป็นการยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ขณะที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น พร้อมกับประท้วงพฤติการณ์ที่ "อุกอาจ" ของเกาหลีเหนือ

       นักวิเคราะห์ตลาดจากแอคเซนโด มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง และหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่น ทองคำ สกุลเงินฟรังก์สวิสและเยน รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลกันมากขึ้น ซึ่งฉุดสกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับปอนด์ โดยเงินปอนด์พุ่งขึ้น +0.0155% สู่ระดับ 1.2940 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2933 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันจันทร์ ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน

        หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง หลังอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรปรับตัวลง 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน ลดลง 0.3% หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ลดลง 0.7% และหุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ ขยับลง 0.5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกโสมแดงยิงขีปนาวุธจุดชนวนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียด

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน หลังจากเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 368.42 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ.

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,031.92 จุด ลดลง 47.83 จุด หรือ -0.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,337.43 จุด ลดลง 64.03 จุด หรือ -0.87% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,945.88 จุด ลดลง 177.59 จุด หรือ -1.46%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพุ่งข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ก่อนไปตกในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงเช้าวานนี้ ขณะที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น พร้อมกับประท้วงพฤติการณ์ที่ "อุกอาจ" ของเกาหลีเหนือ ทั้งยังเห็นพ้องกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าจะใช้มาตรการกดดันเกาหลีเหนือมากขึ้น

       นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐพร้อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นในช่วงเช้าวานนี้ พร้อมระบุว่า การกระทำของเกาหลีเหนือถือเป็นการสบประมาทประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศ

      นอกจากสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว นักลงทุนยังคงติดตามประเมินผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก และสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ประสบภัยหลายแห่ง

       หุ้นกลุ่มประกันร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินสินไหมชดเชยที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของพายุฮาร์วีย์  โดยหุ้นสวิส รี ดิ่งลง 1.7% หุ้นฮิสค็อกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันในเครือลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 2.3% และหุ้นเบียซลีย์ ร่วงลง 2.8%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 56.97 จุด รับตลาดคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีท่าทีระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,865.37 จุด เพิ่มขึ้น 56.97 จุด หรือ +0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,301.89 จุด เพิ่มขึ้น 18.87 จุด หรือ +0.30% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,446.30 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.08%

       ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้น เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มลดน้อยลง หลังจากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ออกมาใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในการตอบโต้เกาหลีเหนือเหมือนครั้งก่อน โดยทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐ "พร้อมใช้มาตรการทุกทาง" เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นในช่วงเช้าวานนี้

      มาร์ค เคปเนอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เทมิส เทรดดิ้ง กล่าวว่า การที่ปธน.ทรัมป์และผู้นำประเทศอื่นๆทั่วโลกมีปฏิกริยาอย่างระมัดระวังต่อการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้น ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล

        ขณะที่คริสตินา ฮูเปอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวสโก กล่าวว่า ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ผลกระทบรุนแรงที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ซึ่งพัดถล่มเมืองฮุสตันในรัฐเท็กซัสนั้น จะช่วยให้คณะทำงานของปธน.ทรัมป์และผู้นำสภาคองเกรส หันหน้าเจรจากันในเรื่องงบประมาณและการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนผู้ประสบภัยจากพายุฮาร์วีย์

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 122.9 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 120.3 โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคประเมินสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันในทิศทางที่ดี และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดแรงงาน

       ทางด้านเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศสหรัฐในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.8% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนพ.ค. โดยราคาบ้านที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ประกอบกับอุปทานบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ

      หุ้นบลูชิพดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.4% ส่วนหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทมีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการร็อคเวลล์ คอลลินส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน ขณะที่หุ้นร็อคเวลล์ คอลลินส์ พุ่งขึ้น 2.1%

    อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มบริษัทประกันยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสินไหมชดเชยที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของพายุฮาร์วีย์ โดยหุ้น SPDR S&P Insurance ETF ปรับตัวลง 0.5% หุ้น iShares U.S. Insurance ETF ลดลง 0.4% และหุ้น PowerShares KBW Property & Casualty Insurance Portfolio ปรับตัวลง 0.2%

      ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน ลดลง 0.1% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.1% และหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.4%

     นักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2560 ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาส 2 จะขยายตัว 2.7% มากกว่าการประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งระบุว่า GDP มีการขยายตัว 2.6%

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%

         อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!