WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

26ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลง วิตกสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะญี่ปุ่น

     นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในเช้าวันนี้ จะเห็นการปรับตัวลดลง หลังจากที่ดีดตัวขึ้นมาค่อนข้างมากเมื่อวานนี้ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ไม่ได้รองรับมากนัก รวมถึงนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่  ประกอบกับเช้านี้มีประเด็นเรื่องปัญหาคาบสมุทรเกาหลีเกิดขึ้น หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นภูมิภาคที่เปิดทำการในเช้านี้ปรับลดลงเกือบ 1%

       พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,570 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด

        อนึ่ง กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ "เพนตากอน" ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นก่อนไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด ในช่วงเช้าวันนี้เวลา 5:58 น.ตามเวลาญี่ปุ่น ขณะที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นของญี่ปุ่น พร้อมกับประท้วงพฤติการณ์ที่ "อุกอาจ" ของเปียงยางครั้งนี้

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,808.40 จุด ลดลง 5.27 จุด (-0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,283.02 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด (+0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,444.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.19 จุด (+0.05%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 130.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 118.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 7.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 14.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.62 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.90 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ส.ค.60) 1,585.79 จุด เพิ่มขึ้น 9.94 จุด (+0.63%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,903.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ส.ค.60) ปิดที่ 46.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2.7%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ส.ค.60) ที่ 9.00 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.21/22 แนวโน้มทรงตัวรอปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานฯ-GDP สหรัฐ

                - คลังร่อนหนังสือแจงส่วนราชการขยายเวลาเบิกจ่ายงบเหลื่อมปี 2555-2559 ถึง มี.ค.2561 หลังพบหลายหน่วยงานยังไม่สามารถก่อหนี้ กลัวกระทบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

        - 'สมคิด' ติดตามงาน 'พาณิชย์' สั่งเร่งปั๊มส่งออกปีนี้โต 7% แนะโฟกัสเป็นรายประเทศและใช้กลยุทธ์จับเข่าคุย เพื่อเปิดตลาดการค้า การลงทุนให้ไทย ย้ำต้องช่วย SME ค้าขายออนไลน์ให้ได้ พร้อมให้ทำตัวชี้วัดภาคบริการ หวังรัฐทำแผนสนับสนุนได้ตรงจุด ระบุต้องเตรียมสินค้าราคาถูกในร้านธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถหาซื้อได้ทันทีที่ได้รับบัตรสวัสดิการจากกระทรวงการคลัง

       - เงินบาทไทย พลิกแข็งค่าอีกรอบ หลัง "เฟด" ไร้สัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน กดดันนักลงทุนเทขายดอลลาร์ ด้าน สมาคมแบงก์ ย้ำธปท. ตามดูสถานการณ์ใกล้ชิด ยอมรับห่วงเอสเอ็มอี เผยภาครัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือ คาด ก.ย.นี้ได้ ข้อสรุปลดค่าธรรมเนียมเฮดจิ้งค่าเงิน ขณะผู้ส่งออกรอขายดอลลาร์อื้อ

       - ททท.ระบุว่าจากกรณีที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต และบริษัทในเครือ หลังถูกกล่าวหาเป็นบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญนั้น ททท.ได้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวว่าจะไม่กระทบต่อการทำตลาดอินบาวด์จากจีนมาไทย ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ราว 9.5 ล้านคนในปีนี้ สืบเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างราคาขายแพ็กเกจทัวร์ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา จากราคาขายทัวร์ที่เคยอยู่ที่ 999 หยวน หรือราว 5,000 บาท ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2,000-3,000 หยวน หรือ 10,000-15,000 บาทแล้ว ดังนั้น จึงประเมินว่าจะไม่ลดลงจากเดิมมากนัก เพราะขณะนี้มีความต้องการที่นั่งเที่ยวบินประจำ(Scheduled Flight) จากเมืองหลักแน่นมาก และทำให้สายการบินต่างๆ เริ่มขยายเส้นทางไปสู่เมืองรองต่างๆ ในจีนมากยิ่งขึ้น

      - โตโยต้าฯเผยยอดขายรถยนต์รวมทุกยี่ห้อในไทยประจำเดือน ก.ค.2560 ว่า ยอดขายรถยนต์รวมทุกประเภทและทุกยี่ห้อในไทยประจำเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 65,178 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วยยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 26,799 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 38,379 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% ในส่วนของตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขาย 30,741 คัน เพิ่มขึ้น 5.4%

       - บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังที่น่าจะเพิ่มจาก 3.2% เป็น 3.3% เป็นตัวสะท้อนว่าการใช้จ่ายน่าจะดีขึ้น เพราะราคาข้าว ยาง อ้อย และการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการเมืองที่นิ่งถือเป็นส่วนสำคัญจะช่วยให้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะดี ผลดังกล่าวทำให้ตลาดจักรยานยนต์ทั้งปีจะเพิ่มมากขึ้นกว่า 5.71% หรือ 1.85 ล้านคัน จาก 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) โตแค่กว่า 4% หรือ 1.084 ล้านคัน

      - สำนักงานประกันสังคมวุ่นอีกแล้ว 3 โรงพยาบาลเอกชนดัง "เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์-ยันฮี-ศรีระยอง" ถอนตัวออกจากระบบประกันสังคมปี 2561 ผู้ประกันตนกว่า 3 แสนคน โดนลอยแพต้องแจ้งเปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่ภายใน 31 ต.ค.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

      - EA (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 43 บาท โดยคงมองบวกต่อ EA ด้วยมีความมั่นใจมากขึ้นต่อโครงการอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน (ES) มูลค่า 1 แสนล้านบาท กำลังการผลิต 50Gwh ซึ่งจะสามารถสร้างกำไรแบบ S-curve ได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า นอกจากกลยุทธ์การขายอุปกรณ์กักเก็บพลังงานในรูปแบบของแพคเกจแล้ว EA ยังประกาศเปิดตัวโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "EA Anywhere" เพื่อปูทางสำหรับโครงสร้างพื้นฐานหลักรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดย EA มีเป้าหมายที่จะเปิด 1,000 สถานี ภายในปี 61-62 ทำให้เชื่อว่าโครงการนี้จะทำกำไรได้สูงในระยะยาวโดยเฉพาะการใช้แบตเตอรี่เก็บไฟฟ้าของบริษัทฯ เองรองรับการพัฒนาของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

      - PTTGC (เคทีบีฯ) ให้ราคาเหมาะสมที่ 77 บาท จากสเปรดปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี เนื่องจากมองการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีกรอบจำกัด อีกทั้งการโอนกิจการ 6 บริษัทจาก PTT ตามโครงการ Asset Junction ยังเร็วกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งจะสามารถบันทึกมาเป็นกำไรได้ประมาณ 400-500 ล้านบาท/ไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป

      - EGCO (เอเอสแอล) แนะ"เก็งกำไร"ให้มีมูลค่าเหมาะสม 245 บาท แม้กำไรสุทธิมีโอกาสอ่อนตัวในช่วงที่เหลือของปีซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล แต่แผนขยายการลงทุนที่ดียังทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งปีเติบโตโดดเด่น โดยในปี 60 ยังเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโต 19%YoY ขณะที่โครงการใหม่ที่จะทยอยเริ่มผลิตไฟฟ้า ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 10.8% ต่อปี ในช่วงปี 60-61 ทำให้ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรสุทธิในระยะยาว

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงถ้วนหน้า วิตกเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะญี่ปุ่นเช้านี้

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลหลังจากเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นก่อนไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงเช้านี้ตามเวลาท้องถิ่น

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,319.11 จุด ลดลง 130.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,362.06 จุด ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,744.58 จุด ลดลง 118.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,518.69 จุด ลดลง 7.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,356.20 จุด ลดลง 14.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,255.87 จุด ลดลง 11.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,766.87 จุด ลดลง 2.62 จุด

      กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ 'เพนตากอน' ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นก่อนไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด ในช่วงเช้าวันนี้เวลา 5:58 น.ตามเวลาญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม สหรัฐไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในครั้งนี้เป็นขีปนาวุธชนิดใด

      ด้านนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นของญี่ปุ่น พร้อมกับประท้วงพฤติการณ์ที่ "อุกอาจ" ของเปียงยางครั้งนี้

      ขณะที่นายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวถูกยิงออกจากบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาหลีเหนือ โดยขีปนาวุธได้พุ่งไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามแหลมเอริโมะทางเหนือของญี่ปุ่นเมื่อเวลาประมาณ 6:06 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นก็ลดระดับลงและไปตกในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากแหลมเอริโมะไปทางตะวันออกประมาณ 1,180 กม. เมื่อเวลาราว 6:12 น.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุหุ้นพลังงานร่วงจากผลกระทบพายุฮาร์วีย์

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า ความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ที่พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ได้ส่งผลให้บริษัทพลังงานหลายแห่งต้องปิดโรงกลั่นในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทส่งออกในยุโรป

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 372.29 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,079.75 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ -0.48% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,123.47 จุด ลดลง 44.47 จุด หรือ -0.37% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันจันทร์ที่ 28 ส.ค. เนื่องในวันหยุดธนาคารของอังกฤษ

       หุ้นบริษัทที่ต้องพึ่งพาการส่งออกร่วงลง หลังจากสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ ต่างก็ปรับตัวลง 0.2% หุ้นลอรีอัล ผู้ผลิตเครื่องสำอางชั้นนำของฝรั่งเศส ปรับตัวลง 0.4%

       ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินยูโรแข็งค่านั้น เนื่องจากการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB)  ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แต่อย่างใด หลังจากที่นักลงทุนคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เขาอาจระบุถึงการปรับลดวงเงิน QE

       หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส โดยหุ้นโททาล บริษัทพลังงานของฝรั่งเศส ปรับตัวลง 0.4%

      โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ต้องปิดการดำเนินงานเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ รวมถึงบริษัทเอ็กซอน โมบิล ที่ประกาศปิดโรงกลั่นเบย์ทาวน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ และมีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบในปริมาณสูงถึง 584,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่บริษัทรอยัล ดัชท์ เชลล์ ได้ประกาศปิดโรงกลั่นเดียร์พาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮุสตัน โดยโรงกลั่นแห่งนี้มีกำลังการกลั่น 285,000 บาร์เรล/วัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 5.27 จุด วิตกผลกระทบเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มประกันปรับตัวลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,808.40 จุด ลดลง 5.27 จุด หรือ -0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,444.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.19 จุด หรือ +0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,283.02 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ +0.28%

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก และสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ประสบภัยหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองฮุสตัน ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ

       หุ้นกลุ่มประกันร่วงลง นำโดยหุ้นทราเวลเลอร์ส คอส อิงค์ ซึ่งดิ่งลง 2.6% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุฮาร์วีย์ ขณะที่คอร์โลจิก (CoreLogic) ผู้ให้บริการข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ยอดเคลมประกันภัยจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ อาจอยู่ในช่วง 1-2 พันล้านดอลลาร์

       หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากบริษัทเอ็กซอน โมบิล ประกาศปิดโรงกลั่นเบย์ทาวน์ ในรัฐเท็กซัส ขณะที่บริษัทรอยัล ดัชท์ เชลล์ ได้ประกาศปิดโรงกลั่นเดียร์พาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮุสตัน ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.4% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 0.2% หุ้นเชฟรอน คอร์ป ลดลง 0.4% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี คอร์ป ร่วงลง 3.7%

        อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.2%

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนในระหว่างวัน จากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 6.012 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ การที่ภาคธุรกิจเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังจะถือเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ

     ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตขยับตัวลงสู่ระดับ 20.3 ในเดือนส.ค. จากระดับ 22.8 ในเดือนก.ค.

       นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%

      สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย.จาก S&P/Case-Shiller และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!