WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

24ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นได้ในกรอบแคบ เล็งแรงหนุนจากแนวโน้มศก.ดีกว่าคาด-หุ้นใหญ่ประกาศจ่ายปันผล

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบแคบ เนื่องจากได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าคาด จากที่ตัวเลข GDP งวดไตรมาส 2/60 ออกมาโต 3.7% ดีกว่าตลาดฯคาด และปีนี้-ปีหน้าเศรษฐกิจไทยก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น

        นอกจากนี้ ตลาดฯยังน่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ประกาศจ่ายปันผล ล่าสุดมีหุ้น RATCH, PTTGC และสัปดาห์นี้ก็น่าจะมีหุ้นในกลุ่มธนาคารอีกหลายตัวประกาศจ่ายปันผลด้วย ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อได้ แต่เชื่อว่าดัชนีฯคงจะไม่ไปไหนไกล เพราะต้องรอดูการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ และรอดูคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ด้วย

       ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อยราว 0.1% พร้อมให้แนวรับ 1,568-1,562 จุด ส่วนแนวต้าน 1,572-1,575 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,703.75 จุด เพิ่มขึ้น 29.24 จุด (+0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,213.13 จุด ลดลง 3.40 จุด (-0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,428.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด (+0.12%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 20.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 167.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.41 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ส.ค.60) 1,569.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.09 จุด (+0.20%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,032.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ส.ค.60

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ส.ค.60) ปิดที่ 47.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.4%

        - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ส.ค.60) ที่ 8.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิด 33.26 ทรงตัวจากวานนี้ ยังไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 33.20-33.30

       - เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.ปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ขยายตัว 3.5-4% จากเดิม 3.3-3.8% สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 3.7% สูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส ทำให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีดีพีขยายตัว 3.5%

        - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET 572 บริษัท หรือ 94.55% จากทั้งหมด 605 บริษัท ส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 มีกำไรสุทธิ 225,668 ล้านบาท ลดลง 9.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขาย 2,703,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.24%

       - คสช.ประเมินกองเชียร์ 'ปู' วันชี้ชะตาคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.คาดมาแน่ 3.5 พันคน ตร.ตรึงกำลังแน่น 4 พันนาย ตั้งกล้องวงจรปิดจับพวกฝ่าฝืน พร้อมเฮลิคอปเตอร์บินส่องจากฟ้าอีก 3 ลำ จับผิดรถตู้ขนคนวิ่งนอกเส้นทาง

       - ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2560 เพิ่มเป็น 3.6% จากเดิม 3.4% ตามมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ช่วยหนุนการส่งออกสินค้าให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจคู่ค้าหลักทั้งสหรัฐ ยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน มีแนวโน้มเติบโตดี บวกความกังวลทางการเมืองในยุโรปที่ลดลง สร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าและการลงทุน ส่งผลต่อเนื่องถึงความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมหลักจากไทยให้ ฟื้นตัวได้ต่อในช่วงที่เหลือของปี

       - รฟม.เดินหน้าประมูลรถไฟหลากสี ทั้งม่วง-น้ำเงิน-เขียว-ส้ม ใจชื้นหลังเชื่อม 1 สถานี ผู้โดยสารแน่นสายสีม่วงทะลุ 5 หมื่นคน ต่อวันแล้ว กระทบถึงรถไฟฟ้าใต้ดินล้นทะลัก ต้องติดป้ายเดินชิดใน สั่งซื้อขบวนใหม่ รับมอบปี'62 ลดความแออัด เพิ่มเที่ยวเร็วขึ้น รอแค่ 2 นาที

*หุ้นเด่นวันนี้

     - AMATA (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 23 บาท กฎหมาย EEC ที่จะออกภายในปีนี้ จะเป็น catalyst ระยะสั้น เริ่มเห็นสัญญาณ "บวก" ของ demand การลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น คาดยอดขายทั้ง AMATA และ WHA จะเร่งตัวขึ้นใน 2H60 ทั้งนี้ราคา AMATA ที่ PBV17 1.47x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 20 ปีที่ 1.9x

       - MBAX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.50 บาท ยอดส่งออกถุงและกระสอบพลาสติก มิ.ย. 60 ชะลอเล็กน้อย 4% Y-Y จากการปรับสต็อกของลูกค้าในสหรัฐฯและออสเตรเลีย แต่คาด ก.ค. 60 ฟื้นตัวราว 5% Y-Y แม้เงินบาทจะแข็งแต่ความต้องการถุงซิปล็อคในเอเชียและยุโรปยังสูง ขณะที่ ราคา LDPE ต่ำจากภาวะ Oversupply ส่วนปันผล 1H60 ยังไม่ประกาศ แต่คาดจ่าย 0.16-0.17 บาท/หุ้น เพราะกำไรโต 43% Y-Y คิดเป็นผลตอบแทน 3.3% ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE2560 เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 16 เท่า

       - MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 39 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงก่อนหน้านีกังวลกรณีตั๋ว B/E มากเกินไป เพราะ MTLS มี rating BBB ซึ่งอยู่ในระดับ Investment grade จึงยังสามารถออกขายได้ตามปกติ และในระยะสั้นยังไม่มีหนี้ครบกำหนดชำระก้อนใหญ่ สภาพคล่องจึงไม่ได้มีปัญหา พร้อมคาดกำไรสุทธิ 2H60 โตแข็งแกร่งทั้ง H-H และ Y-Y เพราะเป็นฤดูปล่อยสินเชื่อและค่าใช้จ่ายเปิดสาขาใหม่ลดลง โดยคาดกำไรทั้งปีที่ 2.3 พันลบ. +59% Y-Y

     - SQ (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 7.4 บาท วานนี้ราคาหุ้นปิดเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ 6.0 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 6.25 บาท และถัดไปที่ 6.7 บาท ตามลำดับ แนวรับ 6.0 บาท (Stop loss ขยับขึ้นเป็น 5.8 บาท) นอกจากนี้ กำไร 1H60 คิดเป็น 84% ของประมาณการกำไรทั้งปี (มีโอกาสปรับประมาณการขึ้น) โดยจะทำการปรับประมาณการพร้อมกับการรอผลประมูลโครงการแม่เมาะ 9 (สัญญามูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะทราบผลใน 4Q60 หลังจากที่บริษัทได้ยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและเสนอซองราคาไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค.

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นลท.วิตกการเมืองสหรัฐ-คาบสมุทรเกาหลี

      ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่มีวอลุ่มการซื้อขายบางเบา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ และความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,373.11 จุด ลดลง 20.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,287.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,322.20 จุด เพิ่มขึ้น 167.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,353.37 จุด เพิ่มขึ้น 26.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,360.29 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,254.39 จุด เพิ่มขึ้น 7.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,771.47 จุด ลดลง 0.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,018.14 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด

       ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "Fostering a Dynamic Global Economy"

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียด ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากสหรัฐและเกาหลีใต้ประกาศร่วมซ้อมรบเป็นเวลา 10 วัน โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขณะที่เกาหลีเหนือได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 372.72 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,087.59 จุด ลดลง 26.56 จุด หรือ -0.52% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,065.99 จุด ลดลง 99.20 จุด หรือ -0.82% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,318.88 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือ -0.07%

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐและเกาหลีใต้ได้เปิดฉากการซ้อมรบเมื่อวานนี้ โดยการซ้อมรบร่วมเป็นระยะเวลา 10 วันภายใต้ชื่อปฏิบัติการ "Ulchi-Freedom Guardian" มีขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปจำนวน 2 ลูกในเดือนที่แล้ว

      ด้านเกาหลีเหนือได้ออกมากล่าวโจมตีว่า ปฏิบัติการครั้งนี้คือการฝึกซ้อมรบเพื่อเข้ามารุกรานเกาหลีเหนือ พร้อมระบุว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้คือ "การราดน้ำมันลงกองไฟ" ซึ่งจะส่งผลให้ความตึงเครียดเหนือคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

      อย่างไก็ตาม หุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ ออโตโมบิล (FCAX) พุ่งขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ SUV และรถปิกอัพรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้แสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการ FCA

       หุ้น Maersk ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจาก Maersk ตัดขายธุรกิจน้ำมันและก๊าซให้กับบริษัทโททาล คิดเป็นมูลค่า 7.45 พันล้านดอลลาร์

     หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทแถลงว่า นายเจฟฟ์ พอลตัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทเตรียมก้าวลงจากตำแหน่งในสิ้นปีนี้ เพื่อไปเป็นผู้บริหารให้กับบริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งในสหรัฐ

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.8%

       นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ เพื่อดูว่านางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมครั้งนี้หรือไม่ โดยนางเยลเลนมีกำหนดขึ้นกล่าวในหัวข้อเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงิน ในวันศุกร์นี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 5.10 จุด วิตกสหรัฐ-เกาหลีใต้ซ้อมรบจุดชนวนความตึงเครียดระลอกใหม่

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) จากแรงกดดันทางปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังสหรัฐและเกาหลีใต้เปิดฉากซ้อมรบประจำปีร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือทวีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง

      ดัชนี FTSE 100 ลดลง 5.10 จุด หรือ -0.07% ปิดที่ 7,318.88 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ ภายหลังจากสหรัฐและเกาหลีใต้เปิดฉากซ้อมรบประจำปีร่วมกัน ซึ่งทำให้เกาหลีเหนือออกมาประกาศเตือนว่า การซ้อมรบดังกล่าวถือเป็น "พฤติการณ์ที่ปราศจากการยั้งคิด" ซึ่งอาจจุดชนวนสู่สงครามนิวเคลียร์ที่ไม่สามารถควบคุมได้

     นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี กล่าวว่า "สถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในระหว่างที่สหรัฐและเกาหลีใต้จัดการซ้อมรบไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ ขณะที่เกาหลีเหนือประณามการซ้อมรบครั้งนี้ว่า เป็นการฝึกซ้อมของศัตรูเพื่อเตรียมที่จะรุกราน"

       "เราคิดว่าสถานการณ์ความไม่แน่นอนจะดำเนินไปจนถึงต้นเดือนก.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นานาชาติดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือระลอกใหม่ตามมติของสหประชาชาติ ขณะที่เกาหลีเหนือเตรียมเฉลิมฉลองวันคล้ายวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในวันที่ 9 ก.ย.นี้"

      หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นไชร์ พุ่งขึ้น 4% หลังผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยว่า นายเจฟฟ์ พอลตัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทเตรียมก้าวลงจากตำแหน่งในสิ้นปีนี้ เพื่อไปเป็นผู้บริหารให้กับบริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งในสหรัฐ

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.8%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงซื้อเก็งกำไรหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 29.24 จุด ตลาดจับตาประชุมแจ็กสัน โฮล

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ และความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายบางเบา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดฉากขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 ส.ค.นี้ ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,703.75 จุด เพิ่มขึ้น 29.24 จุด หรือ +0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,428.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด หรือ +0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,213.13 จุด ลดลง 3.40 จุด หรือ -0.05%

        นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นที่ได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนได้แก่ หุ้นโฮมดีโปท์ พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นเฮอร์บัลไลฟ์ ผู้ผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ทะยานขึ้น 9.5% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 600 ล้านหุ้น

       หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เกี่ยวกับการคำนวณผลกำไรของบริษัท

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 4.1% และหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 2.2%

      หุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ ออโตโมบิล (FCA) พุ่งขึ้น 9.6% หลังจากบริษัทเกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ SUV และรถปิกอัพรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้แสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการบริษัท FCA ของสหรัฐ

       อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความกังวลที่ว่า การที่ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทะยอยลาออก จะส่งผลกระทบต่อแผนการผลักดันการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยล่าสุดนายสตีฟ แบนนอน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดทำนโยบายสำหรับฝ่ายบริหารของปธน.ทรัมป์ ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้านักวิเคราะห์ประจำทำเนียบขาว ซึ่งข่าวดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของคณะทำงานทรัมป์

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีใต้และสหรัฐได้เปิดฉากการซ้อมรบเมื่อวานนี้ โดยการซ้อมรบร่วมเป็นระยะเวลา 10 วันภายใต้ชื่อปฏิบัติการ "Ulchi-Freedom Guardian" มีขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปจำนวน 2 ลูกในเดือนที่แล้ว

     ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "Fostering a Dynamic Global Economy"

     การประชุมเศรษฐกิจประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้นั้น จะมีการหารือกันในประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งในสหรัฐและต่างประเทศ โดยจะมีผู้ว่าการธนาคาร รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป

       นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.โดยมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค.โดยมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.

        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!