- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 16 August 2017 10:52
- Hits: 2650
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งในกรอบ จับตาประชุมกนง.-FOMC เปิดเผยรายงานประชุมเดือนก.ค.
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบ เนื่องจากสถานการณ์ในเกาหลีเหนือคงจะยังไม่จบเพียงแค่ไม่พูดถึงชั่วคราว พร้อมให้ติดตามวันนี้ FOMC จะเปิดเผยรายงานการประชุมงวดที่ผ่านมา โดยให้จับตาว่าจะมีการพูดถึงการปรับลดขนาดของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป ซึ่งถ้าจะให้อ่อนค่าลงก็คงจะต้องลดอัตราดอกเบี้ย แต่วันนี้เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย อีกทั้งวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งคงจะมีการเลือกเล่นหุ้นตามงบฯที่ออกมาดี อย่าง STAR, TTA เป็นต้น และวันนี้จะมีหุ้น INTUCH ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผล ซึ่งมีผลต่อดัชนีฯราว 0.40 จุด
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,555-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,575 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,998.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.28 จุด (+0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,333.01 จุด ลดลง 7.22 จุด (-0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,464.61 จุด ลดลง 1.23 จุด (-0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 2.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 63.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 21.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.50 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ส.ค.60) 1,567.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.88 จุด (+0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,241.32 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ส.ค.60) ปิดที่ 47.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ส.ค.60) ที่ 8.43 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.29 มองกรอบวันนี้ 33.20-33.35 ตลาดรอติดตามผลประชุม กนง.บ่ายนี้
- ครม.ออกกฎหมายลูกปิโตรเลียม 4 ฉบับรองรับการเปิดประมูลสัมปทานรอบใหม่ ต.ค.นี้ พร้อมวางเงื่อนไขวิธีการเปิดประมูลตามศักยภาพโอกาสพบปิโตรเลียมเกิน 50% ให้รัฐ "จ้างผลิต" หากศักยภาพสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 39% ใช้วิธี "แบ่งปันผลผลิต" หากต่ำกว่า 39% ใช้ "ระบบสัมปทาน" กำหนดอายุสัญญาสูงสุด 39 ปี ค่าภาคหลวง 10% จากเดิมใช้เพียงระบบสัมปทาน
- ครม.ไฟเขียวขยายเวลาคงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ต่ออีก 1 ปี "บิ๊กตู่" ยืนยันไม่คิดขึ้นแวตเพิ่มภาระให้ประชาชน เหตุรายได้คนไทยยังย่ำแย่ วอนหยุดโจมตีทำให้คนรังเกียจข้าราชการ ขุนคลังหวังสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้รัฐบาลต้องสูญรายได้การจัดเก็บภาษีกว่า 2.3 แสนล้านบาท
- 'บิ๊กตู่' จี้จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 400 คันต้องได้ในปีนี้ ขสมก.ทดลองเดินรถ 8 เส้นทาง ยันใช้ภาษาอังกฤษเพื่อจำง่าย รฟท.ดีเดย์ 21 ส.ค.ขึ้นค่าตั๋ว 100-200 บาท รถปรับอากาศรุ่นใหม่
- ส.อ.ท.ส่งสัญญาณถึง ธปท.รับมือผลกระทบบาทแข็งไม่สอดคล้องภูมิภาค ทอนเป็นเงินบาทกระทบต่อรายได้ สูญเดือนละ 4-5 หมื่นล้าน แนะผู้ส่งออกเกาะติดสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ด้านเศรษฐกิจในประเทศรอมาตรการรัฐจุนเจือก่อนปลายปี
- คมนาคมจ่อชง ครม. 22 ส.ค. ไฟเขียวสัญญา 2.1 งานออกแบบโครงสร้าง งานโยธารถไฟไทย-จีน มั่นใจเดินหน้าตอกเสาเข็ม ต.ค.60 พร้อมเพิ่มค่าเวนคืนทางฉะเชิงเทราแก่งคอย เป็น 372 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- PSH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 25.40 บาท ยังคงประมาณการรายได้รวมปี 2560 ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าโครงการที่จะเปิดตัวใน 2H60 จะสามารถช่วยสนับสนุนการโอนใน 2H60 เนื่องจากโครงการแนวราบของ PSH เป็นโครงการที่พร้อมโอน ประกอบกับการโอนโครงการใหม่ที่เป็นคอนโดอีก 4 โครงการในช่วง 4Q60 การที่ PSH ได้เริ่มเจาะกลุ่ม Premium มองว่าเป็นการลดความเสี่ยงด้าน Rejection rate จากธนาคารลงได้ ด้านยอด Backlog ของกลุ่ม Premium จะสามารถรองรับรายได้ของ PSH ไปถึงปี 2562 โดยที่ยอด Backlog และยอด Presales ยังคงแข็งแกร่ง และประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.52 บาท/หุ้น
- KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 126 บาท ประชุม Opp day วานนี้ ช่วยลดความกังวลต่อการปรับลดดอกเบี้ยตามเกณฑ์ใหม่ของ ธปท. จากการปรับลดสำรองลงตามคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการเปิดบัตรใหม่ลง ส่วนแนวโน้ม 2H60 น่าจะชะลอตามฤดูกาลและการปรับลดดอกเบี้ย แต่ภาพรวมยังรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่องจากข้อได้เปรียบด้านคุณภาพหนี้ โดยปรับกำไรปี 2560-2561 ขึ้น 6% และ 8% เป็น 2.7 พันล้านบาท (+9% Y-Y) และ 2.8 พันล่านบาท (+4% Y-Y)
- ETE (โกลเบล็ก) "ซื้อสะสม"เป้า 5.06 บาท รายงานกำไร 1H60 26 ล้านบาท คิดเป็น 43% ของประมาณการซึ่งยังคงมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 2H60 เนื่องจากมี backlog ในมืออีกกว่า 1.1 พันล้านบาท และยังคงรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า Solar 16.45 MW คอยหนุนกำไรปี 60 ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ราว 61 ล้านบาทเติบโต 97%YoY
- PSL (ไอร่า) เป้า 13.50 บาท คาดในระยะสั้นได้รับปัจจัยบวกจาก BDI (Badi Dry Index) ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องจากกลาง ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งลงไประดับต่ำสุดที่ 811 จุด โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,169 จุด ขณะที่คาดภาพรวมอุตสาหกรรมเรือเทกอง ในระยะยาวมีแนวโน้มฟื้นตัว คาด BDI จะดีขึ้นได้ในช่วง 2H/60 ภายใต้การปลดระวางเรือมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานเข้าใกล้จุดคุ้มมากขึ้น 2Q60 ผลการดำเนินงานปกติดีกว่าคาด โดยขาดทุนลดลงราวครึ่งหนึ่ง QoQ เหลือ 33 ล้านบาท จากการควบคุมต้นทุนที่ยังทำได้ดี ขณะที่ Performance เรือ Supramax ของ PSL ทำได้ดีขึ้น พร้อมปรับประมาณการปี 60 คาดขาดทุน 183 ล้านบาท ดีขึ้นจากเดิมคาดขาดทุนเกือบ 600 ล้านบาท และคาดกลับมากำไรสุทธิในปี 61
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ โดยตลาดส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดขยับลงจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,750.55 จุด ลดลง 2.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,247.85 จุด ลดลง 3.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,238.81 จุด เพิ่มขึ้น 63.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,302.83 จุด ลดลง 8.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,355.74 จุด เพิ่มขึ้น 21.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,281.80 จุด ลดลง 13.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,772.89 จุด เพิ่มขึ้น 0.50 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายรถยนต์และสินค้าฟุ่มเฟือย
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค., รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค. โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 29.96 จุด เหตุปอนด์อ่อนค่าจากข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันสองวันทำการเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) ด้วยอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 29.96 จุด หรือ +0.41% ปิดที่ 7,383.85 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์การที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลง ภายหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ขยายตัว 2.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.7%
ตัวเลขเงินเฟ้อที่น่าผิดหวังดังกล่าวได้ฉุดค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.0389% สู่ระดับ 1.2861 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ จากระดับสูงสุด 1.2971 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งการอ่อนค่าของเงินปอนด์ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มบลูชิพ ซึ่งมีรายได้จำนวนมากจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
นักวิเคราะห์จากโอแอนด์เอ กล่าวว่า "ข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าวช่วยลดความจำเป็นที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวสูงกว่าระดับเป้าหมายของ BoE"
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นไชร์ เพิ่มขึ้น 1.3% หลังผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาตในการจำหน่ายยา'ลิฟิเทอกราสต์' ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคตาแห้งตัวใหม่ ในยุโรป
หุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 1.1% หลังอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นบริษัทเหมืองแร่ดังกล่าวสู่ระดับ 'outperform' จากระดับ'top pick'
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับสถานการณ์เกาหลีเหนือเริ่มผ่อนคลาย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) โดยตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 และการร่วลงของหุ้นสายการบิน แอร์ เบอร์ลิน ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 376.50 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,177.04 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.10% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,140.25 จุด เพิ่มขึ้น 18.58 จุด หรือ +0.36% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,383.85 จุด เพิ่มขึ้น 29.96 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เขาจะชะลอการตัดสินใจยิงขีปนาวุธไปตกลงในบริเวณเกาะกวม โดยจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของสหรัฐก่อน
ทางด้านสหรัฐนั้น นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่จะใช้ช่องทางการทูตและการเจรจาในการคลี่คลายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ นายทิลเลอร์สันกล่าวว่า สหรัฐไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ หรือเร่งกระบวนการรวมชาติเกาหลี
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 0.6% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.7%
หุ้นแอร์ เบอร์ลิน ซึ่งเป็นสายการบินใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี ร่วงลงอย่างหนักถึง 34% หลังจากทางสายการบินได้ยื่นขอการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลายต่อศาลในเยอรมนี หลังจากที่เอทิฮัด แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแอร์ เบอร์ลิน ประกาศยุติการสนับสนุนทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มสายการบินกลับดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดอยซ์ ลุฟฮันซา พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นอีซีเจ็ท ดีดตัวขึ้น 4.5% และหุ้นคอนโซลิเดท แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 2.9%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 5.28 จุด รับยอดค้าปลีกสหรัฐสดใส,ตลาดคลายวิตกเกาหลีเหนือ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก ซึ่งรวมถึงหุ้นโฮม ดีโปท์ ได้สกัดแรงบวกในตลาด และส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,998.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.28 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,464.61 จุด ลดลง 1.23 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,333.01 จุด ลดลง 7.22 จุด หรือ -0.11%
ดัชนี ดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% โดยยอดค้าปลีกเดือนก.ค ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายรถยนต์ และสินค้าฟุ่มเฟือย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เขาจะชะลอการตัดสินใจยิงขีปนาวุธไปตกลงในบริเวณเกาะกวม โดยจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของสหรัฐก่อน ส่วนทางฝั่งสหรัฐนั้น นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่จะใช้ช่องทางการทูตและการเจรจาในการคลี่คลายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดลง เนื่องจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงเกือบทั้งกระดาน โดยหุ้นโฮม ดีโปท์ ดิ่งลง 2.7% หุ้นอเมซอน ปรับตัวลง 0.1% หุ้นทาเก็ต ร่วงลง 2.6% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 1.5% หุ้นโคล์ท ดิ่งลง 1.5% หุ้นดอลลาร์ เจเนอรัล ดิ่งลง 3.8%
ทั้งนี้ หุ้นโฮม ดีโปท์ ปิดตลาดร่วงลง แม้บริษัทเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้น 9.5% ในไตรมาส 2 สู่ระดับ 2.67 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.25 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับระดับ 2.44 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.97 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายของสาขาที่เปิดดำเนินการนานกว่า 1 ปี เพิ่มขึ้น 6.3% สูงกว่าระดับ 4.9% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นโคช ผู้จำหน่ายกระเป๋าและสินค้าแฟชั่นชื่อดัง ร่วงลง 15% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 151.7 ล้านดอลลาร์ หรือ 53 เซนต์/หุ้น จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 81 ล้านดอลลาร์ หรือ 29 เซนต์/หุ้น
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปรับตัวลง 0.9% หลังจากรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ลดการถือครองหุ้นในจีอี
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค., รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค. โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์