WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

38ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค เหตุหลักจากสถานการณ์เกาหลี-สหรัฐฯตึงเครียด

         นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ปรับตัวลงกันทั่วหน้า เหตุจากสถานการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือ-สหรัฐฯกดดัน ซึ่งล่าสุดทางเกาหลีเหนือมีแผนจะยิงขีปนาวุธไปที่เกาะกวม ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ภายใต้ปกครองของสหรัฐฯ

       ส่วนปัจจัยในประเทศ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/60 ออกมาคละเคล้ากัน แต่เชื่อว่านักลงทุนคงจะชะลอการลงทุน เพราะจะมีวันหยุดระยะยาว 3 วันติดต่อกัน

         พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในคืนนี้ เพื่อชี้ทิศทางโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ส่วนผลของ MSCI quarterly review ออกมาแล้วไม่มีหุ้นไทย

        พร้อมให้แนวรับ 1,5965-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,574-1,575 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,844.01 จุด ร่วงลง 204.69 จุด (-0.93%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,216.87 จุด ลดลง 135.46 จุด (-2.13%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,438.21 จุด ลดลง 35.81 จุด (-1.45%)

         - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 23.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 268.93 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 62.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 36.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 29.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.89 จุด

        ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันภูเขา

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ส.ค.60) 1,571.64 จุด เพิ่มขึ้น  0.13 จุด (+0.01%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 677.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ส.ค.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ส.ค.60) ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 97 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ส.ค.60) ที่ 7.77 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.23 แข็งค่าจากดอลล์อ่อน หลังตัวเลข PPI สหรัฐฯต่ำกว่าคาด-นลท.จับตา CPI คืนนี้

                - เคาะราคารถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน "เอ.เอสฯ" คว้าสัญญาแรก "ซิโน-ไทย" ประกบคว้าสัญญา 2 เสนอต่ำกว่าราคากลางเพียง 2% วงในแจงเหตุเนื้องานยากเตรียมเสนอบอร์ด ร.ฟ.ท.เห็นชอบช้าสุดต้นเดือน ก.ย.นี้ ก่อนลงนามสัญญาในเดือนเดียวกัน

                - การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ที่ ฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ กระทรวงพลังงานจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Agreement) หรือเอ็มโอเอ กับรัฐบาลเมียนมา เพื่ออนุญาตให้บริษัท ปตท.เข้าไปศึกษาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการจัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในรูปแบบคลังลอยน้ำที่เมืองกันบ๊อคเมียนมา ขนาด 3 ล้านตัน เงินลงทุนรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท กำหนดส่งก๊าซภายในปี 2570

                -  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เตรียมเสนอให้คณะกรรมการของธนาคารอนุมัติมาตรการกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วงเงินสินเชื่อ 7,500 ล้านบาท โดยจะปล่อยให้กับผู้ประกอบการรายละไม่เกิน 15 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (บสย.) จะเข้ามาค้ำประกันให้ 5 ล้านบาท/วงเงินกู้

                - ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน เปิดเผยว่า แนะนำให้รัฐบาลไทยเชื่อมนโยบาย วัน เบลท์ วัน โรด ของจีน มาเชื่อมกับนโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย รวมทั้งให้จีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ตามเส้นทางดังกล่าว ทั้งทางบก ทางน้ำ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ทางรถไฟ ที่มีจุดเชื่อมต่อจากคุนหมิงของจีน มายังสปป.ลาวเข้าทางจ.หนองคาย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นจากปกติได้อีก 0.5% จากอัตราเติบโตตามปกติของไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

                - STEC (ธนชาต) "ซื้อ" รถไฟทางคู่ STEC เสนอราคาต่ำสุดงานรถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน สัญญา 2 ขณะที่บริษัท เอเอสแอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่งเสนอราคาตำสุดสัญญา 1

                - BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.70 บาท กำไรสุทธิ 2Q60 ดีกว่าคาด +3% Q-Q, +43% Y-Y อยู่ที่ 723 ลบ. จากรายได้ทางด่วนที่โตและได้ค่าบริหารรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมถึงการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ที่ทำให้ค่าตัดจำหน่ายลดลง แนวโน้ม 2H60 ยังโตดีจากการเปิดสถานีเชื่อมบางซื่อ-เตาปูน ยังคงประมาณการกำไรทั้งปี +21% Y-Y อยู่ที่ 3,150 ลบ.

                - ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.50 บาท กำไรปกติ 2Q60 อยู่ที่ 57 ลบ. -72.3% Q-Q แต่โตก้าวกระโดดจาก 1 ลบ.ใน 2Q59 จาก Rev Par ที่แข็งแกร่งและอัตรากำไรที่ขยายตัว แนวโน้ม 2H60 ยังสดใสตามการเติบโตของนักท่องเที่ยว โดยปรับกำไรปีนี้ขึ้น 20% เป็น 550 ลบ. +45% Y-Y

                - PPS (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 2.07 บาท รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 19.5 ล้านบาทเติบโต 38%QoQ และ เติบโต 951%YoY โดยรายได้เติบโตขึ้น 47%YoY เนื่องจากรับรู้งานโครงการในขนาดใหญ่ทั้งไอคอนสยาม สุวรรณภูมิเฟส 2 และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก Q1/60 ที่ 21% สู่ 27% เพราะการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น นอกจากนี้ไม่มีการตั้งสำรองหนี้สูญจำนวน 6 ล้านบาทเห

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังสถานการณ์สหรัฐ-เกาหลีเหนือตึงเครียด

        ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันหลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืน และปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ

      ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,237.92 จุด ลดลง 23.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,175.07 จุด ลดลง 268.93 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,267.05 จุด ลดลง 62.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,323.06 จุด ลดลง 36.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,293.75 จุด ลดลง 29.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,774.88 จุด ลดลง 2.89 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันภูเขา

        ทั้งนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยล่าสุดสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า กองทัพประชาชนเกาหลี (KPA) กำลังพิจารณาแผนการยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง Hwasong-12 จำนวน 4 ลูกพร้อมกัน โดยให้ตกลงห่างจากเกาะกวม 30-40 กม. ซึ่งการยิงขีปนาวุธดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในกลางเดือนนี้

        ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟและความเดือดดาล" จากสหรัฐ หากยังคงดึงดันทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐมากกว่านี้ พร้อมกับกล่าวว่า การใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

        ขณะที่นายลี ชุน กึน นักวิจัยจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีความเสี่ยงที่ขีปนาวุธดังกล่าวจะตกลงใกล้กับเกาะกวมมากกว่าที่เกาหลีเหนือคำนวณไว้ และสหรัฐจะมองว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการโจมตีของเกาหลีเหนือ หากขีปนาวุธตกลงภายในน่านน้ำของเกาะกวม และสหรัฐคงเลือกที่จะหาทางยิงสกัดขีปนาวุธก่อนที่จะเข้าใกล้น่านน้ำของกวม ระหว่างที่ขีปนาวุธกำลังเดินทางเป็นระยะทางมากกว่า 3,000 กม.จากเกาหลีเหนือไปยังเกาะกวม

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 108.12 จุด ตลาดผิดหวังข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์และข้อมูลการค้าของอังกฤษ

        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) จากแรงกดดันของข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอของอังกฤษ และยอดขาดดุลการค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ

      ดัชนี FTSE 100 ลดลง 108.12 จุด หรือ -1.44% ปิดที่ 7,389.94 จุด

        ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ได้รับแรงฉุดจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากสถาบัน RICS (Royal Institution of Chartered Surveyors) ซึ่งเป็นองค์กรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกอบธุรกิจการจัดการทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ รายงานว่า ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรขยายตัวเพียง 1% ในเดือนก.ค. จากระดับ 7% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นการขยายตัวช้าที่สุดในรอบกว่า 4 ปี

      หุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ร่วงลง 2.9% หุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วง 2.9% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ร่วงลง 3%

       นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.27 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึง 1.7 พันล้านปอนด์ และสูงกว่ายอดขาดดุลการค้าในเดือนพ.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.13 หมื่นล้านปอนด์

        สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ONS รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษ ขยายตัว 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ที่ว่าจะปรับตัวลง

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 2.5% แม้บริษัทเปิดเผยรายงานว่า บริษัทกลับมามีผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรก และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปีนี้แล้วก็ตาม

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิกฤตคาบสมุทรเกาหลี ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า เกาหลีเหนือวางแผนโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึง เฮงเค็ล

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 376.05 จุด

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,014.30 จุด ลดลง 139.70 จุด หรือ -1.15%  ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,115.23 จุด ลดลง 30.47 จุด หรือ -0.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,389.94 จุด ลดลง 108.12 จุด หรือ -1.44%

      ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยล่าสุดสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า กองทัพประชาชนเกาหลี (KPA) กำลังพิจารณาแผนการยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง Hwasong-12 จำนวน 4 ลูกพร้อมกัน โดยให้ตกลงห่างจากเกาะกวม 30-40 กม. ซึ่งการยิงขีปนาวุธดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในกลางเดือนนี้

                ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟและความเดือดดาล" จากสหรัฐ หากยังคงดึงดันทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐมากกว่านี้ พร้อมกับกล่าวว่า การใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

        หุ้นเฮงเค็ล (Henkel) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภครายใหญ่ของเยอรมนี ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม "Schwarzkopf" ร่วงลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้น 2.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2%

      ส่วนหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 0.4% หุ้นดิอาจิโอ ปรับตัวลง 0.9% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 1.6%

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสร่วงลง 1.1% ในเดือนมิ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสจะลดลงเพียง 0.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 204.69 จุด วิตกความขัดแย้งสหรัฐ-เกาหลีเหนือบานปลาย

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยล่าสุดเกาหลีเหนือได้ออกมาเน้นย้ำถึงแผนการโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเมซีส์ อิงค์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,844.01 จุด ร่วงลง 204.69 จุด หรือ -0.93% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,438.21 จุด ลดลง 35.81 จุด หรือ -1.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,216.87 จุด ลดลง 135.46 จุด หรือ -2.13%

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยล่าสุดสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า กองทัพประชาชนเกาหลี (KPA) กำลังพิจารณาแผนการยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง Hwasong-12 จำนวน 4 ลูกพร้อมกัน โดยให้ตกลงห่างจากเกาะกวม 30-40 กม. ซึ่งการยิงขีปนาวุธดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในกลางเดือนนี้

       ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟและความเดือดดาล" จากสหรัฐ หากยังคงดึงดันทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐมากกว่านี้ พร้อมกับกล่าวว่า การใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

     ขณะที่นายลี ชุน กึน นักวิจัยจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีความเสี่ยงที่ขีปนาวุธดังกล่าวจะตกลงใกล้กับเกาะกวมมากกว่าที่เกาหลีเหนือคำนวณไว้ และสหรัฐจะมองว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการโจมตีของเกาหลีเหนือ หากขีปนาวุธตกลงภายในน่านน้ำของเกาะกวม และสหรัฐคงเลือกที่จะหาทางยิงสกัดขีปนาวุธก่อนที่จะเข้าใกล้น่านน้ำของกวม ระหว่างที่ขีปนาวุธกำลังเดินทางเป็นระยะทางมากกว่า 3,000 กม.จากเกาหลีเหนือไปยังเกาะกวม

       รายงานระบุว่า ขณะนี้กองเรือที่ 7 ของสหรัฐมีเรือ Aegis ที่ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธจำนวน 6 ลำในภูมิภาคที่สามารถยิงสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือได้ ขณะที่ญี่ปุ่นมีอยู่ 4 ลำ นอกจากนี้ เกาะกวมยังมีการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD เช่นเดียวกับที่ติดตั้งในเกาหลีใต้

         นอกเหนือจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีแล้ว นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยหุ้นเมซีส์ ร่วงลง 10.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ยอดขายในห้างเมซีส์ที่เปิดดำเนินงานมานานกว่า 1 ปี ร่วงลง 2.5% ในไตรมาส 2  แม้ตัวเลขดังกล่าวออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายจะลดลง 3.0%

        หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 5.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ยอดขายในห้างที่เปิดดำเนินงานมานานกว่า 1 ปี ร่วงลง 0.4% ในไตรมาส 2 แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายจะลดลง 1.5%

       หุ้นบลู แอพรอน ร่วงลงเกือบ 18% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

        หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 2.6% หลังจากอเมซอนประกาศแผนการเข้าซื้อบริษัทไลฟ์ เนชั่น เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นธุรกิจจัดงานอีเวนท์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นไลฟ์ เนชั่น เอนเตอร์เทนเมนท์ พุ่งขึ้น 5.6%

          นักลงทุนได้ซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 244,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 240,000 ราย

       ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 0.1% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2016 หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. โดยการร่วงลงของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ ขณะที่ราคาพลังงานอ่อนตัวลง

       นักลงทุนรอดูข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

            อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!