- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 04 August 2017 10:56
- Hits: 1576
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ แม้ต่างชาติปรับพอร์ตกดดัน แต่ลุ้นแรงเก็งกำไรงบฯ-ปันผลหนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยมาขับเคลื่อนราคาหุ้น ประกอบกับยังได้รับแรงกดดันจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็ได้แรงเก็งกำไรจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/60 และการจ่ายปันผล ซึ่งทำให้ตลาดฯไม่ปรับตัวลงมาก แต่ทั้งนี้นักลงทุนคงจะเวียนกลุ่มเล่นไปเรื่อย ๆ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ซึ่งขณะนี้ปัจจัยต่าง ๆ ค่อนข้างนิ่งทั้ง Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ทรงตัวในลักษณะอ่อนค่า ขณะที่เงินบาทแข็งค่าแต่ก็ยังไม่เห็นเงินทุนไหลเข้า พร้อมให้ติดตามคืนนี้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,576 ถัดไป 1,570-1,572 จุด ส่วนแนวต้าน 1,584-1,585 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,026.10 จุด เพิ่มขึ้น 9.86 จุด (+0.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,340.34 จุด ลดลง 22.30 จุด (-0.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,472.16 จุด ลดลง 5.41 จุด (-0.22%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 79.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 33.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.89 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.56 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ส.ค.60) 1,578.25 จุด ลดลง 2.29 จุด (-0.14%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,517.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ส.ค.60) ปิดที่ 49.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ส.ค.60) ที่ 7.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.25 ทรงตัวจากวานนี้ คาดทิศทางแกว่งแคบ รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนนี้
- กรมสรรพากรได้ออกหนังสือชี้แจงมาตรการภาษีช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศในปี 2560 ว่า หากบ้านเรือนและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งอาคารชุดได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในพื้นที่ถูกรัฐประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยระหว่างวันที่ 5 ก.ค.-31 ธ.ค. 2560 สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท และสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายเพื่อซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถยนต์ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 3 หมื่นบาท
- รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เข้าหารือถึงกำหนดระยะเวลาการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดที่มีระยะเวลาจำกัดถึงสิ้นปี 2560 ทำให้หลายบริษัทเตรียมตัวไม่ทัน กระทรวงอาจมีการพิจารณาขยายระยะเวลาในการศึกษาการเข้าร่วมโครงการตามความเหมาะสม โดยจะมีการพิจารณาตามการยื่นขอขยายระยะเวลาของแต่ละบริษัท
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เตรียมนำข้อมูลความเสียหายของสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่กระทบภาคเกษตรกรรมและภาคปศุสัตว์เข้าประเมินผลกระทบเศรษฐกิจเบื้องต้นในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 16 ส.ค.นี้
- นายกฯขีดเส้นตายไอแบงก์ต้องหาพันธมิตรใหม่ให้ได้ภายในปีนี้ ด้านกระทรวงการคลังตุน 1.8 หมื่นล้านรอเพิ่มทุน แต่ต้องแก้กฎหมายเปิดทางถือหุ้นเกิน 49%
*หุ้นเด่นวันนี้
- RCL (ธนชาต)"เก็งกำไร" RCL ปริมาณการค้าโลกที่เร่งตัวขึ้น และการรวมตัวกันระหว่างสายเดินเรือขนาดใหญ่เป็นปัจจัยหนุนค่าระวางเรือ คาดผลการดำเนินงานค่อย ๆ ฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี
- BIG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5 บาท ประกาศผลประกอบการ 2Q60 เย็นนี้ คาด 171 ลบ. -29% Q-Q, -8% Y-Y จาก Low Season และการตั้งด้อยค่าสินค้าคงเหลือ แต่คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และน่าจะเห็นการกลับรายการด้อยค่าใน 3Q60 จากผลของการจัดงาน Big Pro Days ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE2560 เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 20 เท่า และต่ำกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า
- BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัวตามโรงไฟฟ้าหงสา ราคาปัจจุบัน underperform ลูกอย่าง ITMG จนอยู่ในจุดที่การซื้อหุ้นบ้านปู น่าสนใจ
- SIMAT (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดธุรกิจ turnaround อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจเลเบลของบ.ลูกมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากความนิยมของไอโฟน 8 ที่จะเปิดตัวก.ย.ปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ทำนิวไฮ
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,949.79 จุด ลดลง 79.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,269.32 จุด ลดลง 3.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,564.71 จุด เพิ่มขึ้น 33.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,470.96 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,389.74 จุด เพิ่มขึ้น 2.89 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,346.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,772.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.56 จุด
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 63.34 จุด จากอานิสงส์ปอนด์อ่อนค่าหลัง BoE หั่นคาดการณ์ GDP
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) จากอานิสงส์การที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ภายหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและค่าแรงของอังกฤษในปีนี้และปีหน้า
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 63.34 จุด หรือ +0.85% ปิดที่ 7,474.77 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ หุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์การที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร หลัง BOE ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2560 เหลือ 1.7% จากระดับ 1.9% ในรายงานคาดการณ์ฉบับก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังลดคาดการณ์ GDP ในปีหน้าลงสู่ระดับ 1.6% จากระดับ 1.7% ส่วนอัตราค่าแรงในประเทศนั้น BOE ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของค่าแรงใน 2561 ลงสู่ระดับ 3% จากระดับ 3.5%
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (MPC) ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
ณ เวลา 22.36 น.เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย สกุลเงินปอนด์ร่วงลง 0.59% สู่ระดับ 1.3143 ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.83% สู่ระดับ 0.9037 เมื่อเทียบกับยูโร
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นคอนวา เทค ร่วงลง 6.4% หลังบริษัทรายงานว่า กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกร่วงลงสู่ระดับ 193.5 ล้านดอลลาร์ จากระดับ 209 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบปีก่อน นอกจากนี้บริษัทยังเปิดเผยด้วยว่า นายไนเจล เคลียร์กิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่าง เน็กซ์ พีแอลซี และธนาคารยูนิเครดิต
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.1% ปิดที่ 378.93 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,474.77 จุด เพิ่มขึ้น 63.34 จุด หรือ +0.85% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,130.49 จุด เพิ่มขึ้น 23.24 จุด หรือ +0.46% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,154.72 จุด ลดลง 26.76 จุด หรือ -0.22%
หุ้นเน็กซ์ พุ่งขึ้น 9.7% หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่แห่งนี้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในปีงบการเงิน 2560
หุ้น Cobham ผู้จำหน่ายยุทธปัจจัยทางทหารของอังกฤษ พุ่งขึ้น 8.4% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรในไตรมาส 2 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560
หุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี ทะยานขึ้น 7.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิพุ่งขึ้นแตะระดับ 945 ล้านยูโร (1.1 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 2
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้องกับคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดรับตัวลง หลังจากผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับ 54.0 ในเดือนมิ.ย.
หุ้นซีเมนส์ ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดสั่งซื้อล็อตใหม่ปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท
ส่วนหุ้นเนสท์เล่ ดิ่งลง 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานลดลงในช่วงครึ่งปีแรก
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 9.86 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลเศรษฐกิจสดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 7 อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากมีแรงขายเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,026.10 จุด เพิ่มขึ้น 9.86 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,472.16 จุด ลดลง 5.41 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,340.34 จุด ลดลง 22.30 จุด หรือ -0.35%
ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายของรถยนต์ Model S และ Model X SUV
ทั้งนี้ เทสลาระบุว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุนต่อหุ้นที่ระดับ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.82 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 2.79 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 2.51 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นเคลล็อก ผู้ผลิตและจำหน่ายซีเรียลชื่อดังของสหรัฐ ทะยานขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ระดับ 282 ล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 280 ล้านดอลลาร์ หรือ 79 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นฟิทบิท ผู้ผลิตสายรัดข้อมือที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดชีพจรและการเผาผลาญแคลอรี พุ่งขึ้น 15.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และเตรียมเปิดตัวสมาร์ทวอชในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2016 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 240,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 242,000 ราย
ขณะที่ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. จากระดับ 54.2 ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 8.7% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นเอปเปิล ร่วงลง 1% และหุ้นอเมซอน ปรับตัวลง 0.9%
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.
อินโฟเควสท์