- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 01 August 2017 11:45
- Hits: 3962
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง-เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดี
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย WTI ได้ปรับตัวขึ้น 6 วันติดต่อกันจนทะลุระดับ 50 เหรียญฯ/บาร์เรลแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน และทางสหรัฐฯก็เตรียมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา รวมถึงจะมีการหารือระหว่างกลุ่มประเทศผู่ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปก ในวันที่ 7-8 ส.ค. ส่วนเศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวได้ดี ดูได้จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของดัชนียังอาจจำกัด เนื่องจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลียังตึงเครียดอยู่ และนักลงทุนต่างชาติได้ปรับพอร์ตเมื่อวานนี้ด้วยการขายสุทธิมากขึ้นกว่า 7 พันล้านบาทในตลาดหุ้นไทย และยังได้ทำ Short ในตลาดฟิวเจอร์สอีกด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,582 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,891.12 จุด เพิ่มขึ้น 60.81 จุด (+0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,348.12 จุด ลดลง 26.55 จุด (-0.42%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,470.30 จุด ลดลง 1.80 จุด (-0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 18.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 2.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 18.80 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.02 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ก.ค.60) 1,576.08 จุด ลดลง 4.98 จุด (-0.31%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,156.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ก.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ก.ค.60) ปิดที่ 50.17 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ก.ค.60) ที่ 8.51 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.27/28 แนวโน้มยังแข็งค่า หลังดอลล์อ่อนจากความกังวลการเมืองในสหรัฐฯ
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพิจารณานำเงินกองทุนส่งเสริมเพื่อการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) บางส่วนตั้งกองทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพ โดยร่วมกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องการทำกิจกรรมเพื่อสังคมนำเงินมาร่วมสนับสนุนตั้งแต่กลุ่มเริ่มต้นในมหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยเศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องเงินฝืด แม้ว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบมา 2 เดือนติดกัน เพราะทางเทคนิคเงินเฟ้อจะต้องติดลบติดต่อกัน 6 เดือน ถึงจะถือว่าเศรษฐกิจมีปัญหาเรื่องเงินฝืด
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือน มิ.ย. 2560 ลดลงเล็กน้อย 0.16% อยู่ที่ระดับ 111.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 111.94 เนื่องจากกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วนลดลง 27.48% ตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งภูมิภาค ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 61.05% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 60.73%
- กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อแก้ไขหลักเกณฑ์การขยายสินเชื่ออุทกภัยภาคใต้ที่มีวงเงินเหลืออยู่ 2,000 ล้านบาท เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ส.ค. 2560 เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีในพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่อื่นทั่วประเทศ รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ผ่อนชำระ 7 ปี
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปีนี้จะใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่โต 3.3% ส่วนเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะขยายตัว 3.7% และทั้งปีขยายตัวได้ 3.5%
- ธปท.เตือนเอกชนทำประกันความเสี่ยง ไม่การันตี 'บาท' แข็งค่าหลุด 33 บาท/ดอลล์ เหตุครึ่งปีหลังเงินสหรัฐมีทิศทางอ่อนลงอีก แต่มั่นใจไม่กระทบส่งออกได้ตามเป้า ขยายตัว 5%
*หุ้นเด่นวันนี้
- BEAUTY (ธนชาต) "ซื้อ" คาดการณ์กำไร 2Q60 ทำจุดสูงสุดใหม่ +57% y-y ที่ 218 ล้านบาท จากทั้งยอดขายในประเทศ และต่างประเทศ คาดกำไรทั้งปี 2560-2561 ขยายตัว 39-36%
- MAJOR (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 34 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q60 ที่ 564 ล้านบาท +173% Q-Q เพราะเป็น High Season ที่มีหนังทำเงินเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น Fast&Furious 8 แต่เทียบ Y-Y จะลดลง 3% เพราะฐานสูง โดยได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2560-2561 ลง 6-9% ราคาหุ้นปรับตัวลงจน Upside เปิดกว้าง
- BANPU (โกลเบล็ก) Bloomberg Consensus 22.26 บาท คาดกำไร 2Q60 อยู่ที่ 2.19 พันล้านบาท +52%QoQ แม้ว่าราคาถ่านหินเฉลี่ย 2Q60 จะปรับตัว 4%QoQ สู่ระดับ 78.9 ดอลลาร์ต่อตัน แต่คาดว่าผลกระทบด้านลบจากค่าเงินบาทจะไม่มากเท่า 1Q60 โดยทั้งปี Consensus คาดกำไรราว 8.8 พันล้านบาท +429YoY ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบจากข่าวคดีความหงสาไปพอสมควรแล้ว อีกทั้งราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. กว่า 26% เป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ เพราะบริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหิน 50% และอีก 50% อ้างอิงตามราคาถ่านหิน
- BEM (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 8.50 บาท กำไรไตรมาส 2 มีโอกาสออกมาดีกว่าตลาดคาด จากการขยายสัมปทานส่งผลให้ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายรฟม.เฉลี่ยต่อปีลดลง (ทางบัญชี) และในวันที่ 11 ส.ค. BEM จะเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง-น้ำเงิน ที่สถานีบางซื่อ-เตาปูน คาดจะส่งผลให้ผู้โดยสารจากสายสีม่วงเดินทางเข้าสู่สายสีน้ำเงินเพิ่มมากขึ้น โดยรฟม.คงอัตราโดยสารไว้ที่ 57 บาท/เที่ยว (จากเดิม 70 บาท/เที่ยว) พร้อมคาดกำไรปี 2560 ที่ 3,179 ล้านบาท (+21%YoY) เติบโตจากธุรกิจรถไฟฟ้า 40% และทางด่วน 11%
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะจับตา PMI การผลิตจากไฉ
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจีนเดือนก.ค.จากไฉซิน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,907.08 จุด ลดลง 18.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,274.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,326.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,408.53 จุด ลดลง 18.80 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,397.12 จุด ลดลง 5.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,321.50 จุด ลดลง 8.02 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,765.03 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,015.68 จุด ลดลง 2.37 จุด
เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 51.4 จากระดับของเดือนมิ.ย.ที่ 51.7 อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นธนาคารเอชเอสบีซี หนุนฟุตซี่ปิดบวก 3.63 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นธนาคารเอชเอสบีซีที่ทะยานขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2560 อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ถูกสกัดแรงบวกในระหว่างวันจากปัจจัยสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ +0.05% ปิดที่ 7,372.00 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.8% หลังธนาคารเปิดเผยว่ามีกำไรพุ่งขึ้น 57% สู่ระดับ 3.87 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2560 นอกจากนี้ ธนาคารเอชเอสบีซียังประกาศแผนการที่จะซื้อหุ้นกลับคืนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
สำหรับ ผลกำไรงวดครึ่งปีแรกนั้น เอชเอสบีซีมีกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับ 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 9.7 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ กำไรก่อนหักภาษีของเอชเอสบีซีในช่วงครึ่งปีแรกนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์ โดยผลประกอบการของเอชเอสบีซีได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารปรับลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้ในตลาดหลักในอังกฤษและฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด หลังค่าเงินปอนด์พุ่งแตะระดับ 1.3200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559 ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วยแรงหนุนจากข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่สดใสของจีน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1% หุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.5% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1.7%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกยูโรแข็งกระทบผลกำไรบริษัทส่งออก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทส่งออกของยุโรป อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัวในเดือนก.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 377.85 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,093.77 จุด ลดลง 37.62 จุด หรือ -0.73% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ +0.05% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,118.25 จุด ลดลง 44.45 จุด หรือ -0.37%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร โดยปัจจัยที่หนุนค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นนั้น มาจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในยูโรโซนทรงตัวที่ระดับ 1.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากระดับ 1.2% ในเดือนมิ.ย. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 1.1%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค. ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 51.4 จากระดับของเดือนมิ.ย.ที่ 51.7 อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว
ทั้งนี้ หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1% หุ้นอันโตฟากัสตา ปรับขึ้น 0.8%
หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 9.7 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ กำไรก่อนหักภาษีของเอชเอสบีซีในช่วงครึ่งปีแรกนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์ โดยผลประกอบการของเอชเอสบีซีได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารปรับลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้ในตลาดหลักในอังกฤษและฮ่องกง
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 60.81 จุด รับหุ้นโบอิ้งพุ่ง,ข้อมูลอสังหาฯสหรัฐสดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังจากหุ้นบริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่อย่าง โบอิ้ง ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐฟื้นตัวในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,891.12 จุด เพิ่มขึ้น 60.81 จุด หรือ +0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,348.12 จุด ลดลง 26.55 จุด หรือ -0.42% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,470.30 จุด ลดลง 1.80 จุด หรือ -0.07%
หุ้นโบอิ้งปิดบวก 0.49% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 242.46 ดอลลาร์ หลังจากโบอิ้งคาดการณ์ว่า สายการบินในอินเดียจะสั่งซื้อเครื่องบินใหม่จากโบอิ้งราว 2,100 ลำ ในวงเงิน 2.90 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการประเมินคำสั่งซื้อเครื่องบินที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับสายการบินในอินเดีย
ขณะเดียวกันหุ้นโบอิ้งยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากเจพีมอร์แกน ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นโบอิ้งขึ้นสู่ระดับ 250 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ซึ่งระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังปรับตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน
หากเทียบรายปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาไปจนกระทั่งปิดการขาย
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.9% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 1.2% หุ้นอเมซอน ร่วงลง 3.2% หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ปรับตัวลง 1.3%
ส่วนหุ้นแอปเปิลปิดตลาดลดลง 0.51% ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของแอปเปิลในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกระหน่ำขายติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันมาทบทวนมูลค่าของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและได้ปรับโพสิชั่นการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมิ.ย. และยอดขายรถเดือนก.ค.
อินโฟเควส