WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

49ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ เล็งทำ Window Dressing หนุนตลาดฯ-จับตากองทุนปรับพอร์ตตาม SET50

    นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามาสนับสนุน แม้ว่าราคาน้ำมันดิบเมื่อที่ผ่านมาจะรีบาวด์ขึ้นได้เล็กน้อย แต่เช้านี้ก็ปรับตัวลงไปอีก แต่ตลาดฯคาดว่าจะได้แรงหนุนบางส่วนจากการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 2/60 โดยเฉพาะกับหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด

     นอกจากนี้ บรรดากองทุนจะต้องมีการทำพอร์ตให้เป็นไปตาม SET50 ที่จะเริ่มใช้ 1 ก.ค.นี้ โดยจะมีหุ้นเข้ามา 6-7 ตัว และตัวถูกถอดออกไปก็อาจจะถูกขาย แต่มองว่ากองทุนก็ได้มีการปรับพอร์ตมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ดี ปัจจัยน่าจะอยู่ที่สัปดาห์หน้าที่จะมีการคาดการณ์ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารออกมา ซึ่งก็น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาช่วยหนุนได้

     ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ

พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,592 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,310.66 จุด ลดลง 98.89 จุด (-0.46%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,146.62 จุด ร่วงลง 100.53 จุด (-1.61%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,419.38 จุด ลดลง 19.69 จุด (-0.81%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 75.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 104.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 52.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.74 จุด

            - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 มิ.ย.60) 1,586.45 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด (+0.05%)

            - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,747.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.60

            - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 มิ.ย.60) ปิดที่ 44.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 2%

            - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 มิ.ย.60) ที่ 6.67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

            - เงินบาทเปิด 33.96 ทรงตัวจากวานนี้ หลังสุนทรพจน์ประธานเฟดไม่เซอร์ไพรส์ตลาด

            - รฟม.เตรียมเสนอ ครม.ออกประกาศเวนคืนที่ดินแนวรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง "ชมพู-เหลือง-ส้ม" พร้อมเร่งเคลียร์พื้นที่ "ทางหลวง-ทางหลวงชนบท" รองรับก่อสร้างตั้งเป้าเริ่มตอกเสาเข็มรถไฟฟ้าภายในไตรมาส 3

            - ครม.ไฟเขียวโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.8 พันล้านบาท จากงบกลางปี 2560 จัดงบฯ 68 ล้าน ให้ สศช.วิเคราะห์และจัดทำยุทธศาสตร์ และแผนพัฒนารายภาคพร้อมจัดงบ 100 ล้านบาท พัฒนาบุคลากรรับอีอีซี ขณะที่มหาวิทยาลัย 3 แห่งได้รับงบรวมกว่า 1.2 พันล้านบาท ทำวิจัยเชิงรุกรับไทยแลนด์ 4.0

            - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้แก้ไขร่างสัญญาเพิ่มเติมในส่วนของสัญญาสัมปทานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ตะวันตก) เพื่อดำเนินการก่อสร้างทางเชื่อมจากทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ ไปยังทางพิเศษศรีรัชด้านทิศเหนือ (มุ่งไปทางแจ้งวัฒนะ) ระยะทาง 360 เมตร วงเงินลงทุน 275 ล้านบาท คาดว่าทางเชื่อมดังกล่าวจะทำให้ปริมาณรถเพิ่มขึ้น 2,600 คัน/วัน

            - อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า กรมได้หารือร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อสรุปนโยบายการดูแลผู้มีรายได้น้อยให้ใช้สิทธิซื้อก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ราคาถูก ที่ขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจีได้จัดสรรเงินอุดหนุนอยู่ แต่เมื่อกระทรวงการคลังมีนโยบายเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนขอรับสวัสดิการแห่งรัฐหรือลงทะเบียนคนจนแล้ว การดูแลแอลพีจีของผู้มีรายได้น้อยดังกล่าวควรจะโยกไปอยู่ในส่วนนี้หรือไม่ คาดได้ข้อสรุปใน 1-2 เดือนนี้

            - ครม.อนุมัติงบกลาง 3.82 พันล้านบาท หนุน 18 หน่วยงาน 28 โครงการ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมยอมสูญรายได้ 800 ล้านบาท หนุนเอสเอ็มอีใช้ซอฟต์แวร์

*หุ้นเด่นวันนี้

             ACAP-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 76,172,282 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1  หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 6.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 29 พฤษภาคม 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 15 ธ.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 28 พ.ค. 2562

            - CI-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 98,855,299 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 1 มิถุนายน 2560 และวันครบกำหนดอายุตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 พ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 29 พ.ค. 2563

            - KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 77 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q60 +5%Q-Q, +24%Y-Y (กลุ่มชะลอตัวทั้ง Q-Q, Y-Y) โดยคาดสินเชื่อ +3%YTD (กลุ่มโต <1%) โดยปรับเพิ่มกำไรปี 2560 ขึ้น 4% เป็น 6.1 พันลบ. (+10%Y-Y) เพื่อสะท้อนสินเชื่อที่ดีกว่าคาดและต้นทุนทางการเงินที่น่าจะปรับขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ KKP น่าจะรักษา Spread ในระดับสูงใกล้กับปีก่อน หลังปรับประมาณการแล้ว ROE จะแตะจุดสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ 15% โดยยังมี Upside เพิ่มเติมจากงาน IB และกำไรจาก NPA  แม้ Upside น้อยกว่า 10% แต่ผลตอบแทนจากปันผลสูง 8.8% ต่อปี

            - ROBINS (ธนชาต) "ซื้อ" มีโอกาสถูกทำ Window dressing ขณะที่รายได้ภาคการเกษตรที่ดี+ราคาข้าวที่ปรับสูงขึ้น หนุน Same store sale ในช่วง 2H60

            - SCB (ยูโอบี เคย์เฮียน) คงมุมมองเชิงบวกต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจประกันภัย คาดกำไรไตรมาส 2/60 ไม่โดนผลกระทบจากการตั้งสำรองพิเศษ และไม่มีความเสี่ยงจากการตั้งสำรองกรณีตั๋วเงินผิดนัดชำระช่วงนี้

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการอื่นๆ รวมถึงมาตรการปฏิรูปภาษี

            ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,149.20 จุด ลดลง 75.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,183.63 จุด ลดลง 7.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,735.21 จุด ลดลง 104.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,459.17 จุด ลดลง 52.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,382.91 จุด ลดลง 9.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,217.50 จุด ลดลง 2.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,787.19 จุด เพิ่มขึ้น 7.74 จุด

            วุฒิสภาสหรัฐได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ออกไปเป็นช่วงหลังวันที่ 4 ก.ค.ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือ "โอบามาแคร์"

            นักวิเคราะห์จากเวลส์ ฟาร์โก อินเวสท์เมนท์ อินสติทิวท์ กล่าวว่า การเลื่อนโหวตร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า สถานการณ์การเมืองที่ไม่ราบรื่นในสหรัฐอาจทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผชิญกับความยากลำบากในการผลักดันร่างกฎหมายอื่นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี นอกจากนี้ ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับอุปสรรคภายในพรรค เนื่องจากวุฒิสมาชิกรีพับลิกันหลายคนได้แสดงความไม่เห็นด้วย ซึ่งจะทำให้พรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงสนับสนุนได้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภา

            ส่วนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นที่ British Academy กรุงลอนดอนเมื่อวานนั้น แทบไม่ได้ส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด เนื่องจากประธานเฟดได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาคธนาคารเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นค้าปลีกร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 12.44 จุด

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่สามารถลดช่วงลบของตลาดได้

            ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,434.36 จุด ลดลง 12.44 จุด หรือ -0.17%

            หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง หลังจากบริษัทเดเบนแฮมส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเดเบนแฮมส์ ร่วงลง 2.3% หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดิ่งลง 2% หุ้นเน็กซ์ พีแอลซี ร่วงลง 1.1% ส่วนหุ้นคิงฟิสเชอร์ปิดตลาดทรงตัว

            หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน ปรับตัวลง 0.1% หุ้นบาร์แรตต์ ดิเวลลอปเมนท์ ปรับตัวลง 0.2% และหุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ลดลง 0.6%

            อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นเหมืองแร่ช่วยให้ตลาดสามารถลดช่วงลบในระหว่างวัน โดยหุ้นเกล็นคอร์ พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นริโอทินโต และหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวขึ้น 3.27% และ 3.23% ตามลำดับ

            นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในสก็อตแลนด์ หลังจากนางนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีสก็อตแลนด์ ประกาศเลื่อนแผนการจัดทำประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร จนกว่าจะมีความชัดเจนต่อกำหนดเวลาที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

            ทั้งนี้ พรรคชาตินิยมสกอตแลนด์ (SNP) ของนางสเตอร์เจียน ได้สูญเสียที่นั่งในการเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งนางสเตอร์เจียนยอมรับว่าการที่ตนยืนกรานให้มีการจัดทำประชามติ แยกตัวจากสหราชอาณาจักร เป็นสาเหตุของการสูญเสียคะแนนเสียงของพรรค SNP

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังประธาน ECB ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยระบุว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มบริษัทรถยนต์

            ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 385.98 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.ปีนี้

            ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,671.02 จุด ลดลง 99.81 จุด หรือ -0.78% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,258.58 จุด ลดลง 37.17 จุด หรือ -0.70% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,434.36 จุด ลดลง 12.44 จุด หรือ -0.17%

            ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยระบุว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น

            นอกจากนี้ นายดรากียังส่งสัญญาณในความพร้อมที่จะเริ่มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

            อย่างไรก็ดี นายดรากีระบุว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆจะต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการเงิน พร้อมกล่าวว่า การดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อจะขึ้นอยู่กับสภาวะทางการเงินในระดับโลก

            ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ โดยหุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ ออโต้โมบิล ร่วงลง 1.2% หุ้นเฟอร์รารี ดิ่งลง 2.1%

            ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงหลังจากนายชัค สตีเวนส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐตลอดทั้งปีนี้อาจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวของอุปสงค์ในตลาดรถยนต์สหรัฐ

            ขณะที่นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์ส คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐอาจหดตัวลงสู่ระดับ 16.5 ล้านคันในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเป็นยอดขายที่ต่ำกว่า 17 ล้านคันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 98.89 จุด หลังวุฒิสภาสหรัฐเลื่อนโหวตร่างกม.ประกันสุขภาพ

            ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการอื่นๆ รวมถึงมาตรการปฏิรูปภาษี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข่าวคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) สั่งปรับบริษัทกูเกิลในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดจากการให้บริการช้อปปิ้งออนไลน์

            ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,310.66 จุด ลดลง 98.89 จุด หรือ -0.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,419.38 จุด ลดลง 19.69 จุด หรือ -0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6146.62 จุด ร่วงลง 100.53 จุด หรือ -1.61%

            ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ออกไปเป็นช่วงหลังวันที่ 4 ก.ค.ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือ "โอบามาแคร์"

            นักวิเคราะห์จากเวลส์ ฟาร์โก อินเวสท์เมนท์ อินสติทิวท์ กล่าวว่า การเลื่อนโหวตร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า สถานการณ์การเมืองที่ไม่ราบรื่นในสหรัฐอาจทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผชิญกับความยากลำบากในการผลักดันร่างกฎหมายอื่นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี นอกจากนี้ ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับอุปสรรคภายในพรรค เนื่องจากวุฒิสมาชิกรีพับลิกันหลายคนได้แสดงความไม่เห็นด้วย ซึ่งจะทำให้พรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงสนับสนุนได้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภา

            ทางด้านสำนักงบประมาณประจำรัฐสภาของสหรัฐระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ จะทำให้ประชาชนที่ไม่มีประกันสุขภาพมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 22 ล้านคนภายในปี 2569

            นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลกับข่าวที่ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งกำกับดูแลการแข่งขันในสหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับบริษัทกูเกิล เป็นเงินจำนวน 2.42 พันล้านยูโร (2.7 พันล้านดอลลาร์) ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดจากการให้บริการช้อปปิ้งในระบบออนไลน์ โดยวงเงินค่าปรับดังกล่าวถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในคดีต่อต้านการแข่งขัน

            หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดปิดในแดนลบ โดยหุ้นกูเกิล ดิ่งลง 2.5% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2% หุ้นเนทฟลิกซ์ ดิ่งลง 4.1% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ ร่วงลง 4.8% หุ้นซีเกท เทคโนโลยี ร่วงลง 6.8%

            หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (GM) ปรับตัวลง 0.9% หลังจากนายชัค สตีเวนส์ ซีอีโอของ GM  คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์สหรัฐตลอดทั้งปีนี้อาจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวของอุปสงค์ในตลาดรถยนต์สหรัฐ

            สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนเม.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 5.9%

            ส่วนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นที่ British Academy กรุงลอนดอนเมื่อวานนั้น แทบไม่ได้ส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด เนื่องจากประธานเฟดได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาคธนาคารเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

            นางเยลเลนกล่าวว่า การปฏิรูปด้านการธนาคาร ได้ช่วยทำให้ระบบการเงินมีความปลอดภัยมากขึ้น และประเทศต่างๆจะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 พร้อมกับกล่าวว่า ผู้กำกับภาคธนาคารทำหน้าที่ดีขึ้นในการค้นหาความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน และเธอคาดหวังว่า วิกฤตการณ์ครั้งใหม่จะไม่เกิดขึ้นอีกในช่วงอายุของคนในสมัยนี้

            นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเบื้องต้นเดือนพ.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.

            อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!