WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

37ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซิกแซกขึ้น รับปัจจัยบวกส่งออกไทยเดือนพ.ค.ดีกว่าคาด-เก็งทำ Window Dressing

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซิกแซกขึ้นได้ โดยรับปัจจัยบวกจากในประเทศ จากที่ตัวเลขส่งออกของไทยงวดเดือนพ.ค.ออกมาดีกว่าตลาดคาดมาก โดยปรับขึ้นราว 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 52 เดือน สูงกว่าตลาดฯที่คาดไว้ว่าจะปรับขึ้น 8%

      นอกจากนี้ การจัดงาน Thailand's Big Strategic Move ได้รับการตอบรรับดี และรัฐบาลยังให้ความมั่นใจโครงการต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งทำให้ไปกระตุ้นมุมมองเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นได้ในปีนี้

       อีกทั้ง ยังจะมีการเก็งกำไรการทำ Window Dressing ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,578-1,574 จุด ส่วนแนวต้าน 1,584-1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,397.29 จุด ลดลง 12.74 จุด (-0.06%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,236.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,434.50 จุด ลดลง 1.11 จุด (-0.05%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 42.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 49.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 14.25 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 มิ.ย.60) 1,580.91 จุด เพิ่มขึ้น 3.90 จุด (+0.25%)

       - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 781.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.60

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 มิ.ย.60) ปิดที่ 42.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.5%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 มิ.ย.60) ที่ 6.73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.99 ทรงตัวจากวานนี้ มองกรอบวันนี้ 33.95-34.05 รอปัจจัยใหม่

                - "สมคิด" เผย 19 กองทุนยักษ์ใหญ่โลกพอใจ นโยบายรัฐห่วงความต่อเนื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ก่อนการเลือกตั้ง สร้างความมั่นใจนักลงทุน เตรียมเรียก "ซีอีโอ" รัฐวิสาหกิจหารือจันทร์นี้ เพิ่มบทบาทพัฒนาประเทศ

                - กรมเชื้อเพลิงฯเตรียมส่งหนังสือ 7 บริษัทผลิตปิโตรเลียมทับที่ส.ป.ก.กลับมาผลิต และสำรวจฯทันที หากม.44 ประกาศใช้ คาดความเสียหายหยุดผลิต 50 วัน เอกชนสูญรายได้กว่าพันล้าน รัฐชวดค่าภาคหลวง กว่า 100 ล้าน  เดินหน้าทยอยคลอดกฎหมายรองรับเปิดประมูลสำรวจปิโตรเลียม แหล่งเอราวัณ-บงกช หลังพ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2 ฉบับประกาศใช้แล้ว

                - ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน พ.ค. 2560 มีมูลค่า 1.99 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.21% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน เทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้าเดือนเดียวกันมีมูลค่า 1.90 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.16% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 944 ล้านเหรียญสหรัฐ

                - รมว.คลัง กล่าวในหัวข้อโครงสร้างการเงินและการคลังประเทศไทย ในงาน Thailand's Big Strategic Move ว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ฟื้นตัวแล้ว ล่าสุดในไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 3.3% การบริโภคในประเทศสัญญาณดี ส่งออกฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มดีขึ้น และจะนำไปสู่การผลิตในประเทศการลงทุนเอกชน

*หุ้นเด่นวันนี้

       - MAJOR (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 38.2 บาท คาด 2Q60 กำไรโต YoY หนุนด้วยโปรแกรมหนังที่โดดเด่น โดยล่าสุด Thailand Box Office เผยยอดขายตั๋วหนัง ในช่วง QTD โต 2.8%YoY อีกทั้งมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมี 116 สาขา 689 โรงภาพยนตร์ จากสิ้นปี 59 ที่ 113 สาขา 678 โรงภาพยนตร์  คาดหนุนปี 60 กำไรปกติโต 47.0%YoY และ ปัจจุบันมี Upside 15.8% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 3.6%

        - PLANB (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 7.5 บาท ราคาหุ้น laggard กลุ่มสื่ออย่าง WORK ,RS และ MONO มาก ขณะที่มองเป็น High growth ด้วยกำไรเติบโต 62-40% ปี 2560-2561 ขณะที่การลงทุน JV ในประเทศลาวเป็น strategic move เพื่อขยายธุรกิจสื่อโฆษณาไปยังภูมิภาคมากขึ้น

      - IT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 4.70 บาท 2Q60 มีอีเว้นท์เกี่ยวกับ IT 2 งานใหญ่คือ Thailand Mobile Expo 2017 (18-21 พ.ค.60) และ Commart JOY 2017 ที่กำลังจัด 22-25 มิ.ย.60 (กระแสขุดบิทคอยน์ทำให้บูธของ IT เน้นกว่าทุกปี ผู้จัดคาดยอดขายการ์ดจอทั้งงานโต 70%Y-Y) เมื่อผนวกกับ IT City Mobile ที่กลับมาขยายตัว และการควบคุมต้นทุนรวมถึงปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร โดยคาดกำไรสุทธิ 2Q60 จะโตต่ออีก 15%Y-Y และ 100% Q-Q อยู่ที่ 12 ล้านบาท และราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาซื้อหุ้นคืนที่ 4.00 บาท/หุ้น และใกล้เคียงมูลค่าตามบัญชีที่ 3.70 บาท/หุ้น Downside ในเชิงปัจจัยพื้นฐานจึงต่ำมาก พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 191%Y-Y อยู่ที่ 45 ล้านบาท ส่วนกำไรต่อหุ้นจะโตแรงถึง 256% Y-Y อยู่ที่ 0.16 บาท/หุ้น

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังหุ้นกลุ่มการเงินร่วงฉุดดาวโจนส์อ่อนแรง

            ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืน โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค แต่หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ เพื่อนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,152.58 จุด เพิ่มขึ้น 42.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,138.44 จุด ลดลง 9.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,724.28 จุด เพิ่มขึ้น 49.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,403.56 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,371.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,223.60 จุด เพิ่มขึ้น 8.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,778.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,872.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.25 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ราคาน้ำมันดีดตัวหนุนฟุตซี่ลดช่วงลบ

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) โดยดัชนี FTSE 100 ได้แรงหนุนให้ลดช่วงลบในระหว่างวัน ภายหลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานรายใหญ่ปรับตัวขึ้นกันทั้งกระดาน

      ดัชนี FTSE 100 ลดลง 8.50 จุด หรือ -0.11% ปิดที่ 7,439.29 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน จากปัจจัยที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สหรัฐและน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น สืบเนื่องจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 2 โดยหุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์และบีพีต่างปิดขยับขึ้น หลังจากที่ร่วงลงก่อนหน้านี้

     หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นไชร์ ผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 3.7% หลังองค์การอาหารและยาของสหรัฐได้อนุมัติให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ยา Mydayis ของบริษัทเพื่อรักษาโรคสมาธิสั้นได้

     นักลงทุนจับตาดูนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการในอนาคตสำหรับพลเมืองชาวสหภาพยุโรปที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร ในคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาอังกฤษ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังราคาน้ำมันฟื้นตัว

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดสั่งซื้อภาคการผลิตของอังกฤษที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึน 0.01% ปิดที่ 388.53 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,281.93 จุด เพิ่มขึ้น 7.67 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,794.00 จุด เพิ่มขึ้น 19.74 จุด หรือ +0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,439.29 จุด ลดลง 8.50 จุด หรือ -0.11%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 2

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยว่า ผลสำรวจพบว่าคำสั่งซื้อภาคการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ +16 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1988 จากระดับ +9 ในเดือนพ.ค.

     รายงานของ CBI ยังเปิดเผยว่า คำสั่งส่งออกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี โดยได้แรงหนุนจากปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังอังกฤษทำประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในปีที่แล้ว

      อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจากนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ความไม่แน่นอนของผลการเจรจา Brexit ส่งผลให้การลงทุนมูลค่ามหาศาลในภาคธุรกิจต้องถูกเลื่อนออกไป

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 12.74 จุด หลังหุ้นการเงิน,หุ้นสินค้าผู้บริโภคร่วง

     ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องแม้ราคาน้ำมันดิบ WTI เริ่มฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม อย่างไรก็ดี  ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างคึกคัก หลังจากวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ เพื่อนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์

        ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,397.29 จุด ลดลง 12.74 จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,434.50 จุด ลดลง 1.11 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,236.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด หรือ +0.04%

                ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องแม้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม

                อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์

                รายงานข่าวกล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนของกฎหมายฉบับโอบามาแคร์ (Affordable Care Act) เช่น การตัดลดงบประมาณในโครงการ Medicaid

                ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากข่าวดังกล่าว โดยหุ้นเอ็กซ์ไบโอเทค ทะยานขึ้น 20% หุ้นแซนกาโม เธราพูติกส์ พุ่งขึ้น 13% หุ้นเทเนท เฮลแคร์ พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นคอมมูนิตี้ เฮลธ์ ซิสเต็มส์ ปรับตัวขึ้น 5.1% หุ้นเอชซีอี เฮลธ์แคร์ ดีดตัวขึ้น 2.9% และหุ้นยูนิเวอร์แซล เฮลธ์ เซอร์วิส ปรับขึ้น 1.8%

                ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป หุ้นเอทนา อิงค์ และหุ้นฮิวมานา อิงค์ ต่างก็ปิดตลาดในแดนบวก

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่ออกมาค่อนข้างดี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 241,000 ราย

                ทั้งนี้ แม้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 240,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 120 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970 และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมิ.ย.โดยมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!