WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

38ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์หลังราคาน้ำมันยังอ่อนตัว, จับตา Bond yield-เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่เริ่มฟื้นขึ้น

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ ดัชนีฯเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก เนื่องจากราคาน้ำมันยังอ่อนตัวลงเมื่อวานนี้ลงมาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน อีกทั้ง Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งผลการฟื้นตัวมาจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาระบุว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ และจะปรับลดขนาดงบดุล ซึ่งได้มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้มีผลต่อกระแสเงินทุน (Fund Flow)

         ทั้งนี้ หากเงินดอลลร์สหรัฐฯแข็งค่า และ Bond yield ขยับขึ้น ก็อาจจะทำให้ Fund Flow ไหลออกได้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

         ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบราว 0.1% พร้อมให้แนวรับ 1,570 ถัดไป 1,565-1,566 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,359.90 จุด ลดลง 14.66 จุด (-0.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,165.50 จุด ลดลง 29.39 จุด (-0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,432.46 จุด ลดลง 5.46 จุด (-0.22%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 99.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 36.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.55 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 มิ.ย.60) 1,573.53 จุด ลดลง 3.47 จุด (-0.22%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 212.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 มิ.ย.60) ปิดที่ 44.46 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 มิ.ย.60) ที่ 6.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.95 คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 33.90-34.05 รอปัจจัยใหม่กำหนดทิศทาง

                - ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยปีนี้ คาดจะมีอัตราการเติบโตทรงตัวจากปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มใหม่ตามปริมาณน้ำตาล เพราะหลังจากภาครัฐประกาศจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือภาษี น้ำหวานวันที่ 16 ก.ย.นี้ ผู้บริโภคจะเกิดอาการช็อก เนื่องจากเกรงว่าราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้น จึงทำให้ชะลอการซื้อไป 3-6 เดือน

                - ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำของโลกได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยที่ระดับ "BBB+" แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตตราสารหนี้สกุลเงินในประเทศที่ไม่มีหลักประกันของไทยยังคงเป็น "BBB+" อันดับเครดิตสากลระยะสั้นและสกุลเงินระยะสั้นคงไว้ที่ระดับ F2

                - กกพ.เผยผลโซลาร์ฟาร์ม ราชการ-สหกรณ์ เฟส 2 คุณสมบัติผ่าน 639 ราย 3,119.34 เมกะวัตต์ แย้มตกรอบแรก 81 ราย ประกาศเตรียมจับสลาก 26 มิ.ย.นี้

                - กระทรวงดีอีเร่ง "ปณท" ปั้นโลจิสติกส์ฮับ รับแผนอีอีซี เล็งขยายเป็นศูนย์กระจายสินค้า หวังเป็นเขตปลอดภาษีนำเข้า-ส่งออกประเทศที่ 3 หารือศุลกากรปลดล็อกกฎหมาย คาด 23 มิ.ย.นี้ เข้าบอร์ดพิจารณา พร้อมร่นยุทธศาสตร์องค์กรแผนเร่งด่วน 3 ปี หวังสู่ไปรษณีย์ 4.0 ปี 2563

*หุ้นเด่นวันนี้

                - FER-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เฟอร์รั่ม (FER)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 770,887,124 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 9 เดือน นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (ตั้งแต่วันออกใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 จนถึงวันครบกำหนดอายุใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 23 ก.พ. 2561

                - 2S-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.2 เอส เมทัล (2S) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 99,999,371 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 7.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 31 พฤษภาคม 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 พ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 พ.ค. 2562

                - STEC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มปรับลดลง ขณะที่การประมูลโครงการใหม่ ๆ กลับมาเดินหน้า ล่าสุดเข้ายื่นซองงานรถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน 1.58 หมื่นล้านบาท โดย STEC เป็นรับเหมาที่มีแนวโน้มกำไรค่อนข้างชัดเจนเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น

                - ASAP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท คาดกำไรสุทธิปีนี้โต 127%Y-Y จากการขยายกองรถเป็น 1.1 หมื่นคันจาก 7.5 พันคันในปีก่อน และโตต่ออีก 70%Y-Y ในปี 2561 จากการเปิด ASAP Auto Parking เพื่อเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจขายรถมือสอง ก่อนจะกลับมาโตตามปกติที่ 20% ต่อปีในปี 2562-2564

                - EA (ธนชาต) "ซื้อ"ปรับเป้าเป็น 43 บาท กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มหนุนกำไรเติบโต 39-12% ปี 2560-2561, ธุรกิจ Energy storage phase I ขนาด 1GWh จะเริ่ม COD สิ้นปี 2561 จะเป็นปัจจัยหนุนกำไรเติบโตในระยะยาว (ยังไม่รวม ES phase II) และโอกาสเพิ่มน้ำหนักใน SET50 และ FTSE SET หนุน fund flow ระยะสั้น

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนวิตกเศรษฐกิจสหรัฐหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย

            ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ จากความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,931.15 จุด เพิ่มขึ้น 99.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,126.37 จุด ลดลง 6.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,601.81 จุด เพิ่มขึ้น 36.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,078.69 จุด ลดลง 9.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,364.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,235.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,791.31 จุด เพิ่มขึ้น 1.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,961.94 จุด ลดลง 2.55 จุด

                นอจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดอ่อนตัวลง นลท.รอดูผลการประชุมแบงก์ชาติอังกฤษ

                ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง ภายหลังจากที่รับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษในวันนี้ด้วยเช่นกัน

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เปิดขยับลง 0.1% แตะ 387.30 ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 5,235.36 จุด ลดลง 7.93 จุด, -0.15%

                นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวานนนี้ โดยนางเยลเลนได้กล่าวถึงประเด็นที่เฟดจะเริ่มพิจารณาการปรับลดงบดุลในปีนี้ว่า "แผนการปรับลดงบดุลมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาด และเชื่อว่าตลาดจะสามารถปรับตัวกับแผนการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสามารถคาดการณ์ได้"

ดาวโจนส์,Nasdaq ร่วงหนัก กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย, ลดวงเงิน QE ขณะปรับลดงบดุลปีนี้

            ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงกังวลต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ และแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

            ณ เวลา 20.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,284.97 จุด ลดลง 89.59 จุด หรือ 0.42%

                หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

                หุ้นในกลุ่ม FAANG ซึ่งประกอบด้วย เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล ต่างอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 1% ในวันนี้

                นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE

                คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 เสียง เห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

                การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ของเฟดในปีนี้ และเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มต้นในเดือนธ.ค.2015 และต่อมาในเดือนธ.ค.2016 ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกในเดือนมี.ค.ปีนี้ และครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้

                นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ ซึ่งการปรับลดงบดุลของเฟด จะส่งผลให้เฟดลดการถือครองพันธบัตร และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ที่เฟดได้เข้าซื้อในตลาดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

                เฟดระบุว่า ในเบื้องต้นเฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่ระดับ 6 พันล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองพันธบัตรอีก 6 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนกระทั่งแตะระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

                สำหรับตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) นั้น ในเบื้องต้นเฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองที่ระดับ 4 พันล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนกระทั่งแตะระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

                เมื่อการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และ MBS เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จะส่งผลให้เฟดสามารถลดการถือครองสินทรัพย์ทั้ง 3 ประเภทในอัตรา 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายคาดหวังว่าการลดการถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวจะดำเนินไปจนกระทั่งงบดุลของเฟดลดลงสู่ระดับ 2.0-2.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

                ทั้งนี้ เฟดได้ถือครองสินทรัพย์จำนวนมากในช่วงที่ดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็นจำนวน 3 รอบเพื่อกระตุ้นการลงทุน และการจ้างงานในช่วงที่สหรัฐเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และภาวะถดถอยในปี 2007-2009

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!