WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

12ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเก็งกลุ่มพลังงานทดแทนลุ้นผลผ่านคุณสมบัติโซลาร์ฟาร์มวันนี้

       นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น โดยมองว่าน่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ยังไม่แน่ใจในทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) และยังต้องรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะการใช้นโยบายทางด้านการเงินที่เข้มงวดขึ้นหรือไม่

           แม้ว่าวานนี้หุ้นกลุ่ม PTT ปรับตัวขึ้นมา แต่เป็นการเล่นเก็งกำไรปัจจัยเฉพาะตัวจากกรณีที่รัฐบาลอาจใช้ ม.44 เข้ามาแก้ไขปัญหาแหล่งผลิตปิโตรเลียม S1 แต่ส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวชึ้นมาของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การบริโภคภายในประเทศ และกลุ่มค้าปลีก ก็ยังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน ส่วนที่เด่นอีกกลุ่มเมื่อวานนี้ คือ กลุ่มเดินเรือที่ขึ้นมาขานรับช่วง High Season เดือน มิ.ย.-ก.ค. และกลุ่มยางพารามีปัจจัยหนุนจากรัฐบาลขยายมาตราการช่วยเหลือชาวสวนยาง

      สำหรับ วันนี้มีปัจจัยหนุนกลุ่มพลังงานทดแทนให้เก็งกำไร คือ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประกาศจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์ฟาร์มหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตรในเฟสที่ 2 ในวันนี้หลังจากที่เปิดให้ยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้า โดยกำหนดการจับสลากและประกาศผู้ชนะการประมูลในวันที่ 28 มิ.ย.

     ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ค่อนข้างจะอยู่ในแดนบวก ซึ่งบรรยากาศโดยรวมยังหนุนตลาดฯได้ พร้อมให้แนวรับ -1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,328.47 จุด เพิ่มขึ้น 92.80 จุด (+0.44%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,220.37 จุด เพิ่มขึ้น 44.90 จุด (+0.73%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,440.35 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด (+0.45%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 63.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.89 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มิ.ย.60) 1,572.36 จุด เพิ่มขึ้น 8.55 จุด (+0.55%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,539.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 มิ.ย.60) ปิดที่ 46.46 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มิ.ย.60) ที่ 6.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.90 แนวโน้มแข็งค่า มีลุ้นหลุด 33.85 ตลาดรอความชัดเจนสัญญาณดอกเบี้ยจากเฟด

                - "นายกฯ" จ่อ ออกคำสั่งมาตรา 44 สัปดาห์หน้ายกเว้นระเบียบจัดซื้อเร่งโครงการรถไฟไทย-จีน "อาคม"เผย รายงานปัญหาข้อขัดข้องต่อ"วิษณุ"แล้ว อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ขณะนี้ส่อหลุดเป้าเสนอ ครม.อนุมัติโครงการไม่ทัน มิ.ย.เหตุยังไม่ผ่านบอร์ด สศช. ด้าน รฟท.ใช้ร่างทีโออาร์รถไฟทางคู่เป็นมาตรฐาน พร้อมประกาศประมูล 3.5 กม.คาดราคากลาง 220 ล้านบาท

                - ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งระบบราง อากาศยาน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

                - ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในสิ้นปี 2560 นี้ คาดจะมีการขยายตัวติดลบอยู่ที่ประมาณลบ 10-15% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้เจ้าของสินค้าหันมาลดงบในการซื้อสื่อโฆษณา และแบ่งงบส่วนหนึ่งไปซื้อสื่อออนไลน์และทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้

                - นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เผยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรรมการสมาคมได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศหลังจากที่ใช้มานานกว่า 30 ปี โดยเสนอให้ลดภาษีอากรนำเข้าจากปัจจุบัน 80% ลงเหลือ 30% และเสนอให้สำแดงราคาสินค้าตามความเป็นจริงในอัตรา 100% ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาขายปลีกที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของประเทศผู้ผลิต

*หุ้นเด่นวันนี้

                - EA (ธนชาต) "ซื้อ" จะถูกเพิ่มในดัชนี FTSET วันที่ 19 มิ.ย.นี้ คาดถูกเพิ่มเข้าไปคำนวนในดัชนี SET50 สิ้น มิ.ย.นี้ ขณะที่กำไรการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการหาดกังหัน #1-#2 รวม 81MW หนุนกำไร 2Q60

                - RS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.80 บาท ผู้บริหารปรับเป้ายอดขายกลุ่ม Health&Beauty ขึ้นเป็น 1.1 พันลบ. โตกว่า 4 เท่าตัว Y-Y สูงกว่าคาดการณ์เดิมของตลาดที่ 700-800 ลบ. ถ้าเป็นไปตามนั้นจะเพิ่ม Upside ต่อประมาณการของเรา 15-20% ขณะที่ กำไร 2Q60 คาดโตทั้ง Y-Y และ Q-Q

                - PTTEP (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 100.65 บาท คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ราว 2.53 หมื่นล้านบาท +97%YoY จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นราว 15%YoY มาสู่ 45-55 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่บริษัทพยายามลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องราว 10%YoY สู่ 29 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีประเด็นบวก คสช.เตรียมใช้ ม.44 แก้ไขการใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ผลิตปิโตรเลียมคาดะออกสัปดาห์หน้าหลังหารือกันแล้ว เชื่อแหล่งผลิต S1 จะกลับมาผลิตได้เร็วขึ้นจากก่อนหน้านี้คาดหยุดผลิต 7 เดือนไปจนถึง ธ.ค.60) โดยหากกลับมาผลิตได้เร็วทุก ๆ 1 เดือนจะส่งผลบวกต่อ PTTEP ราว 0.4-0.5 บาทต่อหุ้น

ตลาดหุ้นเอเชียดีดขึ้นเช้านี้ รับดาวโจนส์ทำนิวไฮ ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ที่ปิดตลาดทำนิวไฮเมื่อคืน เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,974.56 จุด เพิ่มขึ้น 75.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,146.75 จุด ลดลง 6.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,915.46 จุด เพิ่มขึ้น 63.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,142.80 จุด เพิ่มขึ้น 14.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,384.54 จุด เพิ่มขึ้น 9.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,262.82 จุด เพิ่มขึ้น 5.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,789.33 จุด เพิ่มขึ้น 4.89 จุด

                อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

                CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 99.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้

                ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้และปีหน้า จนถึงระดับ 3% ภายในปลายปี 2562 พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดงบดุลภายในปีนี้ จากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อไป

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 11.43 จุด เหตุปอนด์แข็งหลังเงินเฟ้ออังกฤษพุ่ง

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งส่งผลให้เงินปอนด์ทะยานขึ้น โดยการแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทอังกฤษที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ

                ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,500.44 จุด ลดลง 11.43 จุด หรือ -0.15%

                ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ พุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากระดับ 2.7% ในเดือนเม.ย.

                ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นนั้น ส่งผลให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทอังกฤษในต่างประเทศ

                หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ปรับตัวลง 0.9% หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ลดลง 0.8% หุ้นยูนิลีเวอร์ ร่วงลง 1%

                หุ้นเมอร์ลิน เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้บริหารรีสอร์ทและสวนสนุกของอังกฤษ ร่วงลง 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า เหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในอังกฤษได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองอังกฤษ หลังจากที่พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอังกฤษ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นางเทเรซา เมย์ เตรียมเจรจาข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคสหภาพประชาธิปไตยแห่งไอร์แลนด์เหนือ (DUP) ของนางอาร์ลีน ฟอสเตอร์

                อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นเจ เซนส์เบอร์รี เพิ่มขึ้น 1.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 388.75 จุด

                ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,764.98 จุด เพิ่มขึ้น 74.54 จุด หรือ +0.59% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,261.74 จุด เพิ่มขึ้น 21.15 จุด หรือ +0.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,500.44 จุด ลดลง 11.43 จุด หรือ -0.15%

                หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก โดยหุ้นไดอะล็อก เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 5.8% หุ้นอินเจนิโก กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน ปรับตัวขึ้น 1.7% หุ้นเทเมนอส กรุ๊ป ผู้ผลิตซอฟท์สำหรับการบริการด้านการเงิน ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นเอเอ็มเอส ผู้ผลิตชิปรายใหญ่สัญชาติออสเตรีย พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิก ปรับตัวขึ้น 1%

                หุ้นดอยซ์ ลุฟฮันซา พุ่งขึ้น 3% หลังจากเครดิต สวิส ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ neutral จากระดับ underperform

                นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันพรุ่งนี้ เวลา 18.00 น.ตามเวลาไทย และการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนรอดูเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ รวมทั้งการปรับลดงบดุลจากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

                สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น  ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลดลงสู่ระดับ 18.6 จุดในเดือนมิ.ย. จากระดับ 20.6 จุดในเดือนพ.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 23.9 ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในระยะยาว

                ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ พุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากระดับ 2.7% ในเดือนเม.ย.

                ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI มีสาเหตุจากการอ่อนค่าของปอนด์ ซึ่งได้ส่งผลให้ค่าครองชีพแพงขึ้นสำหรับชาวอังกฤษ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 92.80 จุด รับหุ้นเทคโนฯฟื้น,ตลาดจับตาประชุมเฟด

            ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดตลาดทำนิวไฮ เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,328.47 จุด เพิ่มขึ้น 92.80 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,440.35 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด หรือ +0.45% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,220.37 จุด เพิ่มขึ้น 44.90 จุด หรือ +0.73%

                หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับขึ้น 1.2% หุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอล พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ปรับตัวขึ้น 0.9%

                นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มอื่นๆยังพากันปรับฐานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกนำโดยหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเบสท์ บาย ปรับขึ้น 1.9% และหุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้น 1.2%

                หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัสดุปรับตัวขึ้น โดยหุ้นดาว เคมิคอล พุ่งขึ้น 2% และหุ้นเชอร์วิน-วิลเลียมส์ พุ่งขึ้น 1.5% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2% หุ้นเทโซโร ซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่ ทะยานขึ้น 3.3%

                นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ไอจีกล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้สะท้อนให้เห็นว่า แรงเทขายที่กระหน่ำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ ไม่ได้ลุกลามไปยังหุ้นกลุ่มอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟด โดยมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

                ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้จัดการประชุมเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่เมื่อวานนี้และจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนรอดูเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ รวมทั้งการปรับลดงบดุลจากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

                CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 99.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้

                ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้และปีหน้า จนถึงระดับ 3% ภายในปลายปี 2019 พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดงบดุลภายในปีนี้ จากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อไป

                นักลงทุนจับตานายเจฟฟ์ เซสชันส์ รมว.ยุติธรรมสหรัฐ ซึ่งจะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา เพื่อตอบข้อซักถามในประเด็นความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าหน้าที่รัสเซีย รวมทั้งข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียได้เข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!