WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์แต่ยังได้ไม่มาก-มีโอกาสลงได้ต่อ หลังไร้ปัจจัยบวกทั้งใน-นอกปท.

       นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ไม่สามารถผ่านแนว 1,575 จุดไปได้ ทำให้มีการหักหัวลงมา ดังนั้น ในวันนี้ตลาดฯก็ยังมีโอกาสที่จะลุ้นรีบาวด์ขึ้นได้แต่อาจจะไม่มาก และยังมีโอกาสปรับตัวลงได้ต่ออีก เนื่องจากตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยเข้ามากระตุ้น

       ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปัจจัยนอกประเทศไม่มีเรื่องใดโดดเด่น ดังนั้นจึงต้องหันติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งยุโรปและสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค.ของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ และการเลือกตั้งของอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ด้วย

      อย่างไรก็ดี ภาพรวมของตลาดฯคงจะเป็นลักษณะแกว่งในกรอบ โดยให้แนวรับ 1,557-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,008.65 จุด ลดลง 20.82 จุด (-0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,198.52 จุด ลดลง 4.67 จุด (-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,411.80 จุด ลดลง 1.11 จุด (-0.05%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 41.59 จุดดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.76 จุดดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 75.70 จุดดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.72 จุดดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.93 จุดดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.30 จุดดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.30 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 พ.ค.60) 1,561.66 จุด ลดลง 6.91 จุด หรือ -0.44%

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 37.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 พ.ค.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 พ.ค.60) ปิดที่ 48.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.7%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 พ.ค.60) ที่ 6.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 34.07 จับตาการเมืองสหรัฐฯ-ปัจจัยน้ำมัน มองกรอบวันนี้ 34.00-34.15

       - สศค.เผย สนช.จ่อทบทวนเว้นภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้าง ในส่วนของบ้านหลังแรกจากราคาไม่เกิน 50 ล้าน เหลือไม่เกิน 20 ล้าน เหตุบ้านเกิน 50 ล้านทั่วประเทศมีเพียง 1.1 หมื่นยูนิต ขณะเอกชนขอความชัดเจนจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ระหว่างที่ดินให้เช่าเพื่อเกษตรกรรม กับ พานิชยกรรมเหตุภาษีต่างกันหลายเท่าตัว และเกณพ์บรรเทาผลกระทบจากภาระภาษี ด้าน "คอลลิเออร์ส" แจงการจัดเก็บภาษีบนผลประโยชน์ที่ได้จากโครงการลงทุนของรัฐ ดันราคาอสังหาฯขยับ

       - ธปท. ยังมั่นใจเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของปีนี้ ยังขยายตัวได้ทั้งจากการลงทุนภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว และจากการส่งออก ที่กลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่คงไม่สามารถระบุตัวเลขได้ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้แค่ไหน เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะภาคการลงทุนเอกชนที่ยังชะลอตัว

       - สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตฯ เดือน เม.ย.ลดลง 1.7% จากปีก่อน ต่ำสุดในรอบ 2 ปี เหตุวันหยุดยาวฉุดการผลิตรถวูบ คาดเดือนหน้ายังทรงตัว ด้าน ธปท.ชี้ไตรมาส 2 ส่งออกยังสดใส อานิสงส์กำลังซื้อต่างประเทศขยายตัว

        - ระหว่างวันที่ 4-8 มิ.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในทุกด้าน  บีโอไอเตรียมร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น (เจโทร) จัดสัมมนาประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน แสดงวิสัยทัศน์ การผลักดันนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้ไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน  มีนักลงทุนญี่ปุ่นตอบรับเข้าร่วมแล้วกว่า 1,000 คน

*หุ้นเด่นวันนี้

       - RS-W3 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ. อาร์เอส (RS) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 193,332,760 หน่วยอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 12.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (24 พฤษภาคม 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 31 ต.ค. 2560 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 23 พ.ค. 2563

        - RS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.80 บาท ราคาหุ้น laggard กลุ่มทั้งที่แนวโน้มผลประกอบการ 2Q60 ฟื้นตัวสูงทั้ง Q-Q และ Y-Y จากยอดขายธุรกิจผลิตภัณฑ์ Health & Beauty ที่เป็นตัวหนุนหลัก ขณะที่รายได้ทีวีดิจิตอลกระเตื้อง ซึ่งทำให้กำไรสุทธิทั้งปี turnaround +308% Y-Y และมี upside มากสุดในกลุ่ม

       - SMM-W4 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ. สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 80,790,994 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี 5 เดือน 1 วัน ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 20 มิ.ย. 2560 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 19 ต.ค. 2561

       - QTC-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เทรดวันนี้วันแรก จำนวน 67,238,638 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 10.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 26 พฤษภาคม 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2560 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย  25 พ.ค. 2561

       - LH (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 12 บาท การกระจายรายได้ที่ดีจากทั้งธุรกิจขายและให้เช่าอสังหาฯ ขณะที่ momentum ของทั้ง 2 ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ ใน 2Q60 จะเป็น catalyst บวกระยะสั้น ปันผล 6.9% สูงสุดในกลุ่ม

      - QH (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 3.8 บาท ด้วยสัดส่วน recurring income สูง 60% และราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าเงินลงทุนใน HMPRO, LHBANK, QHPF, QHHR ถึง 23% ขณะที่แม้กำไรเติบโตไม่มากนัก แต่ปันผลสูงกว่า 6%

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับนิกเกอิดีดตัว

     ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการก่อนหน้านี้

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,692.16 จุด เพิ่มขึ้น 41.59 จุดดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,108.42 จุด ลดลง 8.76 จุดดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,736.35 จุด เพิ่มขึ้น 75.70 จุดดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,064.44 จุด เพิ่มขึ้น 23.72 จุดดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,348.31 จุด เพิ่มขึ้น 0.93 จุดดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,214.12 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุดดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,764.57 จุด ลดลง 1.30 จุด

       อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่ไฉซินจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของจีนในเช้าวันนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 6.56 จุด จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ

       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากปรับตัวผันผวนในระหว่างวัน โดยตลาดเกิดแรงเทขายที่สกัดช่วงบวกของดัชนี FTSE 100 ในช่วงเช้า สืบเนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า หลังโพลล์สำรวจล่าสุดจาก YouGov บ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ อาจสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาให้กับพรรคการเมืองคู่แข่งจำนวนหลายที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ และจะทำให้พรรคฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอีกต่อไป

      ดัชนี FTSE 100 ลดลง 6.56 จุด หรือ -0.09% ปิดที่ 7,519.95 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยช่วงแรก ดัชนี FTSE 100 ทะยานขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวัน ในขณะที่ค่าเงินสกุลร่วงลง -0.1319% สู่ระดับต่ำสุดที่ 1.2770 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2860 ดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันอังคาร หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส รายงานผลสำรวจล่าสุดของ YouGov โดยระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯเทเรซา เมย์ อาจสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาจำนวน 20 ที่นั่งในการเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งหมายความว่าพรรคการเมืองของนางเมย์จะไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อีกต่อไป และจะทำให้เกิดอุปสรรคในการกำหนดนโยบายและการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

       หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ขยับลง 0.3% หลังร่วงลง 1.4% ในวันอังคาร สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระบบคอมพิวเตอร์ของสายการบินล่ม จนส่งผลกระทบต่อการให้บริการเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวและทำให้ผู้โดยสารหลายพันคนต้องตกค้างที่สนามบินลอนดอนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

        หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนพ.ค. ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 51.2 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนเม.ย.

       หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 2.5% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วง 2.5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกการเมืองอังกฤษ,เงินเฟ้อยูโรโซนร่วงหนัก

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากโพลล์สำรวจบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เริ่มอ่อนแรงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ร่วงลงอย่างหนักของยูโรโซน

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 389.99 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,283.63 จุด ลดลง 22.31 จุด หรือ -0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,519.95 จุด ลดลง 6.56 จุด หรือ -0.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,615.06 จุด เพิ่มขึ้น 16.38 จุด หรือ +0.13%

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากหลังผลการสำรวจของ YouGov ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ อาจสูญเสียเก้าอี้ในรัฐสภาจากเดิม 330 ที่นั่ง เหลือเพียง 310 ที่นั่ง โดยทางพรรคจำเป็นต้องมี 326 ที่นั่ง เพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลเอง โดยไม่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากพรรคอื่น

     ทั้งนี้ ผลการสำรวจบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของนางเมย์ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งข้อเสนอด้านสวัสดิการสังคมของนางเมย์ ซึ่งไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน

       นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยูโรโซนเดือนพ.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.4% จากระดับ 1.9% ในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ค.

       หุ้นเทสโก้ ปรับตัวลง 0.9% หลังจากมีรายงานว่า ส่วนแบ่งตลาดของเทสโก้ปรับตัวลดลงเหลือ 27.8% ในช่วงเวลา 12 สัปดาห์จนถึงวันที่ 21 พ.ค. จากระดับก่อนหน้านี้ที่ 28.3%

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ขยายตัวที่ระดับ 51.2 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของเดือนเม.ย. ทั้งนี้ หุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 2.3% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 20.82 จุด หลังหุ้นแบงก์ร่วง,ราคาน้ำมันดิ่ง

      ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา และเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุว่า รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 2% และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

       ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,008.65 จุด ลดลง 20.82 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,411.80 จุด ลดลง 1.11 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,198.52 จุด ลดลง 4.67 จุด หรือ -0.08%

       หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินอาจส่งผลให้รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งของธนาคารร่วงลงอย่างหนักถึง 15% ในไตรมาส 2 ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งมีแนวโน้มลดลงราว 10-12% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

        ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 1.9% หุ้นแคปิตอล วัน ร่วงลง 1.7% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.3%

        หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงราว 2.7% เมื่อคืนนี้ จากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของลิเบียมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 1.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ลดลง 0.8% หุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ ดิ่งลง 1.1%

       หุ้นไมเคิล คอร์ โฮลดิ้งส์ ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าชื่อดัง ร่วงลง 8.5% หลังจากบริษัทประกาศแผนการปิดร้านจำนวนมากถึง 125 แห่ง เนื่องจากยอดขายหดตัวลง

       นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น และสต็อกบ้านในระดับต่ำ

     ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาไปจนกระทั่งปิดการขาย

     สำหรับ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตลาดจับตานั้น ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยาตัวปานกลางในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว และแรงกดดันด้านราคามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

        การเปิดเผยรายงาน Beige Book มีขึ้นก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 13-14 มิ.ย. ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้

       นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.โดยมาร์กิตดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนเม.ย.

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 185,000 ตำแหน่ง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!