- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 29 May 2017 12:20
- Hits: 4473
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวในกรอบหลังปัจจัยใน-นอกปท.ยังไม่ค่อยเกื้อหนุน
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ซึ่งวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ, ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการ
ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่เข้ามาตอนนี้ก็มีแค่เรื่องการทดสอบระเบิดของเกาหลีเหนือที่คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป ส่วนตัวเลข GDP ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 1/60 ประกาศครั้งที่ 2 ออกมาก็ดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์นี้
สำหรับ บ้านเราช่วงนี้ก็มี Opp. day ถึง 29 บริษัทฯ ซึ่งก็น่าจะทำให้ Sentiment ภาพกำไรของบริษัทจดทะเบียนดูดีขึ้นได้ และก็อาจจะช่วยกระตุ้นได้บ้าง ส่วน MSCI ผลการปรับจะมีผลในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งหุ้นที่ได้รับการเพิ่มเข้าไปก็อาจะได้รับอานิสงค์บ้าง นอกเหนือจากนี้ตลาดฯก็ยังไม่มีปัจจัยเด่นเข้ามา
อย่างไรก็ดี ในทางเทคนิคยังไม่ผ่าน 1,575 จุด ทำให้คนยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ จึงต้องรอดูว่าจะผ่านได้หรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,080.28 จุด ลดลง 2.67 จุด (-0.01%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,210.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.94 จุด (+0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,415.82 จุด เพิ่มขึ้น 0.75 จุด (+0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 10.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 33.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.95 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน, ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลขนมจ้าง (Tuen Ng Festival)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ค.60) 1,569.27 จุด ลดลง 0.14 จุด (-0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 736.04 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 พ.ค.60) ปิดที่ 49.80 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ค.60) ที่ 6.47 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.04 คาดแกว่งแคบ มองกรอบ 34.03-34.15 หลายตลาดในตปท.หยุด
- ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ภายในเดือน มิ.ย.นี้ สถาบันจะเสนอแผน 20 ปี อุตสาหกรรมอาหารแห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2580) ให้ที่ ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ตั้งเป้าผลักดันให้ไทยขยับขึ้นเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ 5 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกรวม 6 ล้านล้านบาท
- อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา กรมบังคับคดีได้ประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และตัวแทนธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาคดีที่ค้างดำเนินการชั้นบังคับคดี ที่มีระยะเวลาเกินกว่า 10 ปี ซึ่งมีจำนวน 12,880 เรื่อง คิดเป็นทุนทรัพย์ประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2560 ได้ตั้งเป้าหมายจะต้องสะสางคดีค้างเก่าที่ค้างเกิน 10 ปีให้สำเร็จประมาณ 30% ของคดีที่ค้างเกิน 10 ปี ทั้งหมด
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุสินเชื่อแบงก์พาณิชย์เดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.13%YoY ผลจากสินเชื่อรายใหญ่-สินเชื่อบ้านฟื้นตัว และการปรับลดดอกเบี้ยกู้ของแบงก์ใหญ่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดี ด้านเงินฝากลดแข่งดุ เน้นบริหารต้นทุน พร้อมคงเป้าสินเชื่อปีนี้ที่ 4% แนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
- กรอ.ทำแผนโซนนิ่งอุตสาหกรรมในแต่ละจังหวัดศึกษาความพร้อมต่อการลงทุนนำร่องปีนี้ 6 จังหวัด และขยายผลปี 61 จัดโซนในอีอีซี เน้นรองรับเอสเคิร์ฟ หลังลดต้นทุนโลจิสติกส์และสร้างความเชื่อมั่น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยขณะนี้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวผันผวนรุนแรง และแข็งค่าขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายอย่างมาก โดยจากต้นปีนี้ศูนย์วิจัยฯ เคยคาดว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงไปที่ 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในความจริงค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นมาที่ 34 บาทดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังจากนี้ มองว่าค่าเงินบาทจะผันผวนแรงต่ออีก จึงขอเตือนให้ผู้ประกอบการที่ค้าขายกับต่างประเทศ ทั้งผู้ส่งออก และนำเข้าระมัดระวังอัตราแลกเปลี่ยน และควรไปทำประกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- PDG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.50 บาท ราคา PET ปรับลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ราว 7% จากจุดสูงสุดของปีที่ 42 บาท/กก.ในเดือน ก.พ. ปัจจุบันเหลือ 39 บาท/กก. ขณะที่กำลังการผลิตของ PDG จะเพิ่มขึ้นจากการกลับมาสั่งผลิตขวดน้ำผลไม้ของลูกค้ารายเดิมที่ชะลอไปใน 1Q17 แนวโน้มกำไร 2Q60 น่าจะขยายตัวได้ทั้ง Q-Q, Y-Y ส่วนความคืบหน้าผลิตหลอดพรีฟอร์มยังเป็นไปตามแผน คาดแล้วเสร็จใน 4Q17 และรับรู้รายได้ 1Q18 เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +5% Y-Y
- SPRC (ไอร่า) เป้า 15.50 บาท แนวโน้มค่าการกลั่นในช่วง 2Q/60 ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าการกลั่นของน้ำมันเบนซิน ซึ่ง SPRC มีการผลิตมากที่สุด ล่าสุดค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ยังคงแกว่งตัวอยู่ในช่วง 5-7 USD/bbl โดย SPRC ยังคงเดินหน้าโครงการเพิ่มกำไร (Bottom Line Improvement Program, BLIP) ซึ่งรวมถึงการควบคุมการสูญเสียจากการผลิต การปรับปรุงการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต การเพิ่มส่วนต่างการกลั่นจากการเลือกใช้น้ำมันดิบหลายประเภท โดย SPRC ตั้งเป้าจะเพิ่มกำไรจากโครงการ BLIP ในปี 60 อยู่ที่ 0.25 USD/bbl หรือคิดเป็นประมาณ 500 ล้านบาทในปี 60 พร้อมคาดผลการดำเนินงานปี 60 จะมีกำไรสุทธิ 6,734 ล้านบาท ลดลงจากปี 59 เนื่องจากในช่วงปี 59 มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และคาดเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 60 อยู่ที่ 1.0 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง 7.2%
- ERW (ยูโอบี เคย์เฮียน) หุ้น top pick ในกลุ่มโรงแรมจากการเติบโตที่โดดเด่นในปี 2560 โดยภาพรวมการใช้ห้องพักและราคาเฉลี่ยเติบโตขึ้น YoY ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ที่เป็น low season ให้มีกำไรได้ และคาดผลการดำเนินงานเดินหน้าดีขึ้นจนถึงไตรมาส 4/60
ตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นเล็กน้อยเช้านี้ เหตุวิตกเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังมีข่าวว่าเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธในเช้าวันนี้ โดยทางการญี่ปุ่นเชื่อว่าขีปนาวุธได้ตกลงสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น (EEZ) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณทะเลญี่ปุ่น
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,697.18 จุด เพิ่มขึ้น 10.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,672.40 จุด เพิ่มขึ้น 33.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,362.59 จุด เพิ่มขึ้น 7.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,217.25 จุด ลดลง 2.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,774.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.95 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลขนมจ้าง (Tuen Ng Festival)
ทั้งนี้ นายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้รับทราบข่าวการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแล้ว และได้สั่งการให้เปิดการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติในช่วงเช้าวันนี้ เวลา 07.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น เป็นวาระพิเศษ เพื่อหารือกันในเรื่องดังกล่าว
การทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในช่วงเช้าวันนี้ นับเป็นการแสดงความยั่วยุครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เกาหลีใต้จัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของปธน.มูน แจ อิน ในช่วงต้นเดือนพ.ค. และนับเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 9 ในปีนี้
นอกจากนี้ การซื้อขายยังเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากตลาดหุ้นสำคัญอย่างตลาดหุ้นสหรัฐ อังกฤษ และจีน ปิดทำการในวันนี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : เงินปอนด์อ่อนค่า หนุนฟุตซี่ปิดบวก 29.92 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) ด้วยอานิสงส์จากการที่ค่าเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน หลังโพลล์สำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ มีคะแนนนำพรรคคู่แข่งเหลือเพียง 5 จุด ก่อนถึงศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 29.92 จุด หรือ +0.40% ปิดที่ 7,547.63 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ มีปัจจัยบวกจากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.0664% สู่ระดับ 1.2781 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการหลุดระดับ 1.28 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.เป็นต้นมา หลังโพลล์สำรวจล่าสุดของยูกอฟแสดงให้เห็นว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ มีคะแนนนำพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งเหลือเพียง 5 จุด ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้
นักวิเคราะห์ตลาดจากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ค่าเงินปอนด์อาจร่วงหลุดระดับ 1.25 ดอลลาร์ หากพรรคแรงงานของนายเจเรมี คอร์บิน สามารถหักปากกาเซียนโดยการครองที่นั่งเสียงข้างมากในรัฐสภาได้"
ในช่วงที่ผ่านมานั้น เงินปอนด์ได้รับปัจจัยหนุนให้แข็งค่าจากสมมติฐานที่ว่า หากนางเมย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ก็จะช่วยให้เธออยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น ในการรับมือกับสมาชิกพรรคที่ต้องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างแข็งกร้าว และจะทำให้เธอสามารถเจรจาหาทางออกกับสหภาพยุโรปด้วยวิธีการที่ละมุนละม่อมมากขึ้น
การอ่อนค่าของเงินปอนด์จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยบริษัทเหล่านี้มีรายได้ส่วนใหญ่ในรูปของสกุลเงินตราต่างประเทศ
โดยหุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ บริษัทเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.1% ขณะที่หุ้นดับเบิลยูพีพี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ พุ่งขึ้น 1.6%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบีพี ขยับขึ้น 0.3% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.3% เช่นกัน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบจากแรงฉุดหุ้นกลุ่มพลังงาน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) จากแรงฉุดรั้งของหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับมติของที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ที่ตกลงจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปเพียง 9 เดือน และไม่ลดเพดานการผลิตเพิ่มเติม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.2% ปิดที่ 391.35 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,336.64 จุด ลดลง 0.52 จุด หรือ -0.01% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,602.18 จุด ลดลง 19.54 จุด หรือ -0.15% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,547.63 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด หรือ +0.40%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ยังคงเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวลง แม้ราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม หลังจากกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม ตกลงกันที่จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกเพียง 9 เดือน จากที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายเวลาออกไป 12 เดือน นอกจากนี้ที่ประชุมยังไม่มีการตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้นด้วย โดยยังคงตรึงเพดานการผลิตที่ 1.8 ล้านบาร์เรล/วันตามข้อตกลงฉบับเดิม ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
หุ้นซับซี ร่วงลง 2.4% หุ้นโททาลของฝรั่งเศส ขยับลง 0.6% และหุ้นสแตทออยล์ของนอร์เวย์ ร่วง 2%
หุ้นกลุ่มยานยนต์ของเยอรมนีปรับตัวลง หลังแดร์ สปีเกล สื่อท้องถิ่นเยอรมันรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้กล่าวตำหนิเจ้าหน้าที่ยุโรปเกี่ยวกับการที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับเยอรมนีจำนวนมหาศาลในปีที่แล้ว เนื่องจากเยอรมนีได้ส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐหลายลันคัน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังข่มขู่ที่จะยุติเรื่องนี้อีกด้วย
หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ลดลง 1.1% หุ้นเดมเลอร์ ขยับลง 0.6% และหุ้นโฟล์คสวาเกน ลดลง 0.6%
หุ้นกลุ่มอื่นที่น่าจับตา หุ้นสไปแร็กซ์ ซาร์โก เอ็นจีเนียริง พุ่งขึ้น 8.5% หลังบริษัทวิศวกรรมระบบไอน้ำรายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าซื้อกิจการโครมาล็อกซ์ อิงค์ วงเงิน 415 ล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 2.67 จุด นลท.ชะลอซื้อขายก่อนวันหยุด Memorial Day
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อวันศุกร์ (26 พ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนถึงช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวัน Memorial Day สุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,080.28 จุด ลดลง 2.67 จุด หรือ -0.01% จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,210.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.94 จุด หรือ +0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,415.82 จุด เพิ่มขึ้น 0.75 จุด หรือ +0.03%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์มีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนถึงช่วงวันหยุดยาวในสุดสัปดาห์นี้ ถึงแม้สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกหลายรายการก็ตาม โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 ปี 2560 เป็น 1.2% ซึ่งสูงกว่าระดับ 0.7% ในการประมาณการครั้งแรก และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.9% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค การลงทุนภาคธุรกิจ และการใช้จ่ายภาครัฐที่แข็งแกร่งกว่าในรายงานเบื้องต้นเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้จีดีพีไตรมาสแรกจะได้รับการปรับทบทวนขึ้น แต่อัตราขยายตัวที่ 1.2% ก็ยังถือว่าต่ำ โดยเป็นอัตราขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบปี ลดลงจากระดับ 2.1% ในไตรมาส 4 ของปี 2559
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐเริ่มชะลอความร้อนแรงลง อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงถึง 1%
ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 97.1 จากระดับ 97.0 ในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าตัวเลขขั้นต้นที่ระดับ 97.7
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีทิศทางที่สดใส โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.1% และ 1.4% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนมักเกิดความลังเลในการลงทุน เมื่อถึงช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนยังเกิดความวิตกกังวล ภายหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาแสดงความวิตกว่า เงินเฟ้อของสหรัฐในปัจจุบันยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อพิจารณาจากการที่เฟดกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%
นายบูลลาร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการเฟดที่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการกำหนดนโยบายการเงินในปีนี้ ระบุว่า ระดับราคาผู้บริโภคของสหรัฐอยู่ในทิศทางที่ต่ำกว่ากรอบราคาในช่วงปี 1995 - 2012 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัวเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟดในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีความน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน แม้ว่าที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่สามารถผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีและการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าจับตา หุ้นนูทานิกซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 11.5% หลังบริษัทคลาวด์คอมพิวติงยักษ์ใหญ่ดังกล่าว รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นแบล็คเบอร์รี ลดลง 1% แม้บริษัทเปิดเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการยุติข้อพิพาททางกฎหมายกับควอลคอมน์ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ โดยควอลคอมน์จะยอมจ่ายเงินทั้งสิ้น 940 ล้านดอลลาร์ให้กับแบล็คเบอร์รีก่อนวันที่ 31 พ.ค.นี้
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ที่เมืองตาออร์มินา อิตาลี ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยคาดกันว่า ที่ประชุมจะหลีกเลี่ยงการหารือในประเด็นการกีดกันทางการค้า เพื่อลดการกระทบกระทั่งกับสหรัฐ
อินโฟเควสท์