WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

11ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ประคองตัวมีลุ้นขึ้นได้แต่กรอบแคบลง คาดแรงซื้อกลับหุ้นใหญ่หนุน

      นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอยู่ในลักษณะของประคองตัว แต่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้แต่กรอบเริ่มแคบลง แม้ว่าหุ้นขนาดใหญ่จะปรับตัวขึ้นได้ดีจากแรงซื้อกลับ แต่หุ้นขนาดกลางและเล็กยังถ่วงจากความเสี่ยงถูกปรับมูลค่าพื้นฐาน โดยหุ้นขนาดกลาง-เล็กมีอยู่ในตลาดถึง 300-400 บริษัท ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่มีแค่ราว 20 บริษัทเท่านั้น ดังนั้น การขยับขึ้นไปก็คงจะเป็นไปอย่างจำกัด

     ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงผ่อนคลายบ้าง โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ปรับขึ้นมา ส่วนสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯก็ยังไม่แรงไปจากช่วงที่ผ่านมา

     ส่วนบ้านเราจะมีปัจจัยลบวันนี้ก็จากที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเศรษฐกิจไทยงวดไตรมาส 1/60 เติบโตน้อยกว่าภูมิภาค นอกเหนือนี้ก็ไม่ได้มีปัจจัยอื่น

      พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,553-1,564 จุด โดยกลยุทธ์ลงทุนเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคาร อย่าง SCB, KTB รวมไปถึงหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTTEP เป็นต้น

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,894.83 จุด เพิ่มขึ้น 89.99 จุด (+0.43%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,133.62 จุด เพิ่มขึ้น 49.92 จุด (+0.82%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,394.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.29 จุด (+0.52%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 30.54 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.63 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ค.60) 1,557.73 จุด เพิ่มขึ้น 8.09 จุด (+0.52%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 177.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ค.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 พ.ค.60) ปิดที่ 50.73 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.8%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ค.60) ที่ 5.83 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 34.32 มองกรอบวันนี้ 34.25-34.45 ตลาดรอประชุมกนง.พุธนี้-ตัวเลขยูโรโซน

      - รัฐบาลเร่งการลงทุนอีอีซี เปิดทางต่างชาติผลิตชิ้นส่วนอากาศยานโดยถือหุ้นได้เกิน 50% จูงใจลงทุน แลกถ่ายทอดเทคโนโลยี เตรียมจ้างผู้ชำนาญการดูแล ทำอีไอเอ 5 โครงการใหญ่ ลดเวลาทำพีพีพีซูเปอร์ ฟาสต์แทรคเหลือไม่เกิน 10 เดือน พร้อมออกมาตรการเพิ่ม ระหว่างรอกฎหมายประกาศใช้

       - กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน เม.ย.60 การส่งออกมีมูลค่า 16,864 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 8.5% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,808 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 13.4% ส่งผลให้ดุลการค้า เม.ย.เกินดุล 56.8  ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ภาวะการค้าระหว่างประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) การส่งออกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 73,321 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 5.7% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 69,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 14.5% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลรวม 4,110 ล้านดอลลาร์ สรอ.

      - นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่ออกมาดีเชื่อว่าจะดึงดูดให้เม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีเป็นการยืนยันหรือส่งสัญญาณที่ดีปัจจัยพื้นฐานไทยยังดี

      - กระทรวงพาณิชย์จีน ประกาศเพิ่มอัตราภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดสำหรับน้ำตาลที่นำเข้าเกินโควตาในอัตรา 45% เพิ่มเติมจากระดับปกติที่ 50% รวมเป็น 95% หลังอุตสาหกรรมน้ำตาลภายในประเทศเผชิญกับการแข่งขันสูงทั้งจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและจากน้ำตาลราคาถูกที่นำเข้ามาจากเกือบ 200 ประเทศ ซึ่งรวมถึงไทย เมียนมา และบราซิล

      - ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกครึ่งปีแรกค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้านให้ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่เข้าสู่ไตรมาส 3 จะมีแนวโน้มแผ่วลง ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐก็ยังไม่เกิดการปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เช่นเดียวกับการลงทุนของภาคเอกชนก็ยังไม่ฟื้นตัว โดยปัจจุบันยังคงเน้นการขับเคลื่อนการลงทุนจากภาครัฐเป็นหลัก

       - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 24 พ.ค.นี้ จะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อเนื่อง และน่าจะส่งสัญญาณยืนดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะเพื่อเอื้อให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวได้ค่อนข้างดี รวมทั้งการลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย ช่วยลดทอนแรงกดดันต่อกำลังซื้อและภาระต้นทุนของภาคธุรกิจ ลงได้บ้างบางส่วน

*หุ้นเด่นวันนี้

      - MONO (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 4 บาท ปี 60 คาดพลิกกำไร 327 ล้านบาท จากการเติบโตของรายได้ธุรกิจทีวีดิจิตอลช่อง MONO29 ที่มีเรตติ้งพุ่งต่อเนื่องหลังมี Content ที่แข็งแกร่งทำให้ช่อง MONO29 ติดตลาดและมีเรตติ้งสูงเป็นอันดับ4 อีกทั้งยังมีการคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 15.6% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ราว 1.0%

      - ILINK (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 18.40 บาท ปี 60 คาดกำไรโต 56.3%YoY จากมี Backlog ปัจจุบันที่ 1.5 พันล้านบาท (50% จะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้) และอยู่ระหว่างประมูลงานเพิ่ม ได้แก่ งานวางสายเคเบิลใต้น้ำ (มูลค่า 2.1 พัน ลบ. คาดรู้ผล 2H60) งานสถานีไฟฟ้าย่อย (มูลค่า 500-600 ล้านบาท คาดรู้ผล 3Q60) งานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติสุวรรณภูมิเฟส 2 (มูลค่า 1.5 พันล้านบาท คาดรู้ผล มิ.ย. นี้) + Upside 27% และคาดให้ Div.Yield ปีละ 2.4%

      - BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท แม้ราคาถ่านหินจะปรับลงเหลือ US$ 73.47/ตันสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ราคาเฉลี่ย 2QTD ยังอยู่ระดับสูงที่ US$80.5/ตัน -3.6% จากราคาเฉลี่ยใน 1Q60 แนวโน้มราคาถ่านหินน่าจะค่อย ๆ ขยับขึ้นจากการ re-stock ของจีนหลังจากสต็อกเหลือค่อนข้างต่ำ ส่วนกำไร 2Q60 น่าจะทรงตัว Q-Q เพราะธุรกิจถ่านหินที่ลดลง ชดเชยได้จากโรงไฟฟ้าที่ดีขึ้นเพราะเลื่อนหยุดซ่อมไปเป็น 4Q60

      - ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7 บาท คาดกำไรโตโดดเด่นต่อเนื่องใน 2Q60 คาด +30% Q-Q แต่ทรงตัว Y-Y เพราะฐานกำไร 2Q59 สูง การลงทุนสร้างเสาโทรคมนาคมในเมียนมาที่ล่าช้าเพราะถูกลูกค้าต่อราคา คาดได้ข้อสรุป 2 สัปดาห์ข้างหน้าซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ ส่วน Data Center แห่งที่ 2 (ทำร่วมกับ WHA และ AIT) คาดเริ่มรับรู้รายได้ใน 2H17 ราว 15-20 ล้านบาทต่อปี โดยยังคาดกำไรทั้งปี +121% Y-Y

       - S (ทรีนีตี้) "ทยอยซื้อ" เป้า 6.60 บาท เพื่อรอเก็บเกี่ยวกำไรจากการเติบโตในระยะยาวของบริษัท เนื่องจากคาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยปีละ 86% ในช่วง 4 ปีข้างหน้าจากการรับรู้รายได้โครงการ Greenfield คาดปี 2560 นี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทมีการรับรู้กำไรจากการร่วมทุนโรงแรมในสหราชอาณาจักรหากสามารถล้างค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกเหตุระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหลังจากมีรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ตในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

        ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,647.74 จุด ลดลง 30.54 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,069.39 จุด ลดลง 6.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,415.57 จุด เพิ่มขึ้น 24.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,994.68 จุด ลดลง 2.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,308.69 จุด เพิ่มขึ้น 4.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,220.86 จุด เพิ่มขึ้น 7.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,775.58 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด

       เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องสาว อาเรียนา แกรนเด ล่าสุดอยู่ที่ 19 รายแล้ว ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 50 ราย

      เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ของเมื่อวานนี้ตามเวลาอังกฤษ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ประชาชนหลายพันคนได้เดินออกจากสถานที่จัดคอนเสิร์ต ส่วนนักร้องสาว อาเรียนา แกรนเด ปลอดภัยดี

      ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการก่อการร้ายหรือไม่

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : เงินปอนด์อ่อน หนุนฟุตซี่ปิดบวก 25.63 จุด

       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เริ่มแผ่วลง ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้

      ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,496.34 จุด เพิ่มขึ้น 25.63 จุด หรือ +0.34%

      เงินปอนด์อ่อนค่าลงและช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้น โดยปัจจัยที่กดดันเงินปอนด์นั้น มาจากผลการสำรวจของ Survation ซึ่งระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมลดน้อยลง เมื่อเทียบกับผลสำรวจก่อนหน้านี้

      ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับคะแนนนิยม 43% ลดลง 5 จุดจากการสำรวจในวันที่ 15 พ.ค.

      ผลสำรวจยังระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนำพรรคคู่แข่ง 9 จุด แต่ลดลงจาก 18 จุดที่มีการสำรวจก่อนหน้านี้

      หุ้นโวดาโฟน ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งได้แสดงมุมมองในด้านบวกต่อราคาหุ้นโวดาโฟน

      หุ้นริโอทินโต บริษัทเหมืองรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.4% ขานรับแผนการออกหุ้นกู้ของบริษัท วงเงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์

      หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 0.4% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 1.6% อย่างไรก็ตาม หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 0.6%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุเงินยูโรแข็งฉุดหุ้นส่งออก

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มบริษัทส่งออก โดยปัจจัยที่ทำให้ยูโรแข็งค่านั้น มาจากการแสดงความเห็นของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่ระบุว่า สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 391.14 จุด

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,619.46 จุด ลดลง 19.23 จุด หรือ -0.15% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,322.88 จุด ลดลง 1.52 จุด หรือ -0.03% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,496.34 จุด เพิ่มขึ้น 25.63 จุด หรือ +0.34%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าสกุลเงินยูโร หลังจากนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแห่งหนึ่งที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวานนี้ว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปเป็นสาเหตุที่ทำให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงมากเกินไป ซึ่งทำให้สินค้าเยอรมนีมีราคาถูก

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจาก ผลการสำรวจของ Survation ระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมลดลง เมื่อเทียบกับผลสำรวจก่อนหน้านี้

     ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับคะแนนนิยม 43% ลดลง 5 จุดจากการสำรวจในวันที่ 15 พ.ค.

     ผลสำรวจยังระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนำพรรคคู่แข่ง 9 จุด แต่ลดลงจาก 18 จุดที่มีการสำรวจก่อนหน้านี้

      หุ้นซีเมนส์ ร่วงลง 1.15% หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.89% และหุ้นเมอร์ค ดิ่งลง 1.1%

      หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปรับตัวลง 0.4% ขณะที่หุ้นยูซีบี เอสเอ ดิ่งลง 18%

      นักลงทุนจับตาการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับการบรรเทาภาระหนี้ให้กับกรีซ ขณะที่ยูโรกรุ๊ปและ IMF ยังคงมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆก่อนที่จะมีการอนุมัติเงินกู้งวดใหม่ เพื่อให้กรีซนำไปชำระหนี้จำนวน 7.3 พันล้านยูโรในเดือนก.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 89.99 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนฯ,กลุ่มผลิตอาวุธ

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตอาวุธอย่างคึกคัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในข้อตกลงขายอาวุธแก่ซาอุดิอาระเบียมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากมีการคาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.นี้

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,894.83 จุด เพิ่มขึ้น 89.99 จุด หรือ +0.43% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,394.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.29 จุด หรือ +0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,133.62 จุด เพิ่มขึ้น 49.92 จุด หรือ +0.82%

      หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตอาวุธได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในข้อตกลงขายอาวุธแก่ซาอุดิอาระเบียมูลค่าราว 1.10 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีวงเงินเพิ่มขึ้นเป็น 3.50 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปี

      ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้เดินทางเยือนอิสราเอลเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังอิตาลี, นครรัฐวาติกัน และเบลเยียม

       หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเรย์ธีออน คอร์ป ดีดตัวขึ้น 0.6% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.1% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.6%

       หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทได้ประกาศแผนแต่งตั้งนายจิม แฮคเก็ตต์ ดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนนายมาร์ค ฟิลส์ ขณะที่หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ ดิ่งลง 3.3% หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ทางบริษัทอาจจะไม่สามารถทำข้อตกลงกับบริษัทอินเทล คอร์ป เกี่ยวกับการออกใบอนุญาต

       นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในรายงานการประชุมดังกล่าว เฟดอาจจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

      สำหรับ ความเคลื่อนไหวล่าของของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรเดินหน้าปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และเริ่มต้นลดวงเงินในงบดุลบัญชีของเฟดก่อนสิ้นปีนี้ เนื่องจากขณะนี้เฟดกำลังมีความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้ง 2 ประการ ซึ่งได้แก่ เงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพ และการจ้างงานที่เต็มศักยภาพ

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.โดยมาร์กิต, ดุลการค้าเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 1 (ประมาณการครั้งที่ 2), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!