WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

36ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดตปท. หลังคลายกังวลการเมืองในสหรัฐฯ-ราคาน้ำมันขึ้น-ดอลลาร์อ่อนค่า

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกตามดัชนีดาวโจนส์ เนื่องจากคลายกังวลการเมืองในสหรัฐฯ ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ บอกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด และยืนยันไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับทางรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดกังวลเรื่อง"ทรัมป์"มากเกินไป และขณะนี้โอกาสที่"ทรัมป์"จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐก็มีน้อยมาก

     นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในเอเชียก็น่าจะช่วยหนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย

     สำหรับบ้านเราให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของไทยในวันนี้ ที่มีแนวโน้มจะออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วย จากนี้ไปก็ลุ้น Fund Flow จะไหลเข้ามาได้มากแค่ไหน

      พร้อมให้แนวรับ 1,545 จุด แนวต้าน 1,560 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,804.84 จุด เพิ่มขึ้น 141.82 จุด (+0.69%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,083.70 จุด เพิ่มขึ้น 28.57 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,381.73 จุด เพิ่มขึ้น 16.01 จุด (+0.68%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 79.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.87 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 พ.ค.60) 1,549.64 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด (+0.24%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 818.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พ.ค.60

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 พ.ค.60) ปิดที่ 50.33 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 2.0%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 พ.ค.60) ที่ 5.97 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 34.35 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังมีแรงขายดอลล์จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองสหรัฐฯ

       - เศรษฐกิจโลกฟื้นดันส่งออกเม.ย.60 ขยายตัว 8.49% มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลภาพการส่งออก 4 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.72% "สมคิด" ชี้สัญญาณที่ดีการส่งออก-นำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้น สั่งคลังอัดฉีดเงินช่วยเศรษฐกิจฐานราก

       - ในเดือนมิ.ย.นี้ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต จะประชุมผู้บริหารเพื่อสรุปความพร้อมการดำเนินการเก็บภาษีตามกฎหมายใหม่ ซึ่งมีความคืบหน้าไป 80-90% แล้ว โดยการเก็บภาษีอัตราใหม่จะเริ่มวันที่ 16 กันยายน 2560 นี้เป็นต้นไป

       - สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเตรียมเสนอแผนพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ากระทรวงก่อนชงต่อ ครม.ต้นเดือนมิ.ย.นี้ ตั้งเป้าลงทุนปี 2561 เบื้องต้นหมื่นล้าน มีทั้งการเกษตร การแพทย์ และความปลอดภัยของรถยนต์

*หุ้นเด่นวันนี้

       - MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 43 บาท ทิศทางกำไร 2Q60 เป็นบวกมากขึ้น ธุรกิจโรงแรมในทุกภูมิภาคมี RevPar โตขึ้น YoY อย่างมีนัยยะ ส่วนธุรกิจอาหารในจีนและไทยยังเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่ดี กำไรปีนี้ที่คาด +23% YoY ยังเป็นไปได้

      - SPA (ไอร่า) เป้า 15.50 บาท คาดผลการดำเนินงานมีโอกาสเติบโตในระดับที่น่าสนใจต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 2 ปีข้างหน้า คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 58% และ 25% ในปี 60-61 คาดอยู่ที่ 222 ล้านบาท และ 278 ล้านบาท ตามลำดับ โดย SPA มีเป้าขยายสาขาเพิ่มปีละ 10 สาขา ในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปัจจุบันมี 31 สาขา)

       - CK (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 32 บาท ตุนงานใหม่ในมือปีนี้แล้วเกือบ 5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ลุ้นภาครัฐเดินเครื่องงานประมูลตามแผน

      - GPSC (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 38.70 บาท คาดผลประกอบการ Q2/60 จะอ่อนตัวลง เพราะไม่มีเงินปันผลรับจาก RPCL 120 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการปกติมีแนวโน้มทรงตัวหลังโรงไฟฟ้า IRPC Clean เฟส 1 กลับมาเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต อีกทั้งราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นตามค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น 12.52 สตางค์/หน่วย เพื่อชดเชยต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เริ่มปรับตัวขึ้น โดยโครงการระหว่างก่อสร้างยังเป็นไปตามแผนโดยโรงไฟฟ้า IRPC Clean เฟส 2 โรงไฟฟ้าบางประอินโคเจน และโรงไฟฟ้าโซลาร์ญี่ปุ่นคาดว่าทยอยรับรู้รายได้ภายในครึ่งปีหลังกำลังการผลิตรวม 149 MW ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสู่ 1,530 MW พร้อมเตรียมตั้งโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่ลิเทียมในประเทศไทยโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก 24M

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัว

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ หลังจากตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ โดยมีการมองกันว่า นักลงทุนวิตกมากเกินไปเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,670.48 จุด เพิ่มขึ้น 79.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,087.17 จุด ลดลง 2.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,318.29 จุด เพิ่มขึ้น 181.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,965.08 จุด เพิ่มขึ้น 17.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,300.68 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,772.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.87 จุด

       นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กที่ทะยานเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตต่อไป

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 34.29 จุด รับดาวโจนส์ทะยาน-ข้อมูลศก.แข็งแกร่ง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ

    ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 34.29 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 7,470.71 จุด

      หุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคอลส์ บวก 2.1% ขณะที่หุ้นบีพี บวก 0.7% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.2% โดยได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตต่อไป

     ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอาจนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ แต่ในภายหลังนักลงทุนได้คลายความวิตกกังวลในประเด็นดังกล่าว

      นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยว่า ดัชนี CBI ภาคการผลิต ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2558 จากระดับ +4 ในเดือนเม.ย.

      ขณะเดียวกัน CBI ระบุว่า การขยายตัวของผลผลิตในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. อยู่ที่ระดับ +28 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2556

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังตลาดคลายวิตกการเมืองสหรัฐ

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ โดยมีการมองกันว่า นักลงทุนวิตกมากเกินไปเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 391.51 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,324.40 จุด เพิ่มขึ้น 34.67 จุด หรือ 0.66% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,638.69 จุด เพิ่มขึ้น 48.63 จุด หรือ 0.39% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,470.71 จุด เพิ่มขึ้น 34.29 จุด หรือ 0.46%

       หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ ทะยาน 3.9% หุ้นบังโค ป๊อปปูลาร์ เอสปันญอล พุ่ง 9.9% หุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคอลส์ บวก 2.1% หุ้นไวร์การ์ด เพิ่มขึ้น 2.9%

     ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐ โดยหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอาจนำไปสู่การถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ

    อย่างไรก็ดี นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลในประเด็นดังกล่าว ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาได้สั่งให้นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยุติการสืบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 141.82 จุด นลท.คลายวิตกการเมืองสหรัฐ

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (19 พ.ค.) หลังจากที่ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ โดยมีการมองกันว่า นักลงทุนวิตกมากเกินไปเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 141.82 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 20,804.84 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 16.01 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 2,381.73 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่ม 28.57 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 6,083.70 จุด

      หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไดเนอร์จีพุ่งขึ้นเกือบ 26%

      หุ้น Deere เพิ่มขึ้น 7.3% หุ้นออโตเดสก์ ทะยานเกือบ 15% หุ้นรอสส์ สโตร์ บวก 1.9% หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ดีดตัว 1.1%

     ดัชนี ดาวโจนส์ทรุดตัวลงเกือบ 400 จุดเมื่อวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ

     ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาได้สั่งนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยุติการสืบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย

      เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เขาได้สั่งให้นายโคมีย์ยุติการสืบสวนเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ปธน.ทรัมป์ตอบว่า "ไม่"

     นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า การที่คนบางกลุ่มพยายามเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เป็นเรื่องน่าขัน เพราะเขาไม่ได้ทำผิดในคดีอาญา และยังคงยืนยันว่าตนเองและทีมหาเสียงเลือกตั้งไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย

      นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสหรัฐขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มที่แข็งแกร่งในระยะยาวของตลาดหุ้นนิวยอร์ก

     ทั้งนี้ นักลงทุนได้หันเหความสนใจไปที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 2-3 พ.ค. ในสัปดาห์หน้า และจะประชุมครั้งต่อไปในเดือนหน้า

      นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า แผนการของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะรวดเร็วเกินไปสำหรับเศรษฐกิจซึ่งกำลังส่งสัญญาณอ่อนแอ

     "โดยรวมแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐค่อนข้างอ่อนแอนับตั้งแต่การประชุมเดือนมี.ค. โดยอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อได้ร่วงลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดแรงงานก็ได้ชะลอตัวลง" นายบูลลาร์ดกล่าว

      ทั้งนี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสราว 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!