- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 16 May 2017 14:23
- Hits: 1082
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีลุ้นรีบาวด์ทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลงไป 6 วันติดต่อกัน โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อวานนี้ แต่หุ้นกลุ่มแบงก์อาจกดดันตลาดฯเนื่องจากประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่น่าจะมีผลต่อกำไร อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1/60 ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เห็นได้จากส่วนใหญ่ปรับตัวลงมากกว่าที่จะขึ้น ดังนั้น การรีบาวด์ของดัชนีฯอาจจะไปได้ไม่ไกล
ส่วนกรณีที่ MSCI ประกาศเพิ่มหุ้นไทยเข้าคำนวนในดัชนีก็เป็นหุ้น Small Cap.5 ตัว คือ BCPG, BIG, FORTH, PTL และ THANI ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กก็อาจจะไม่ได้มีผลต่อหุ้นมาก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยต่างยังรอการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
พร้อมให้แนวรับ 1,527 จุด ส่วนแนวต้าน 1,542-1,550 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,981.94 จุด เพิ่มขึ้น 85.33 จุด (+0.41%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,149.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.44 จุด (+0.46%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,402.32 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด (+0.48%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 83.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 41.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.38 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32.60 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ค.60) 1,537.42 จุด ลดลง 6.52 จุด (-0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 520.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 พ.ค.60) ปิดที่ 48.85 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ค.60) ที่ 6.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.47 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่ำกว่าคาด
- สศช.เผยไตรมาสแรก จีดีพีโต 3.3% จากเศรษฐกิจขยายตัวในวงกว้าง มั่นใจทั้งปีขยายตัว 3.5% ด้าน"สมคิด"คาดไตรมาส2 อาจชะลอทางเทคนิค ขณะธปท.-นักเศรษฐศาสตร์ชี้ขยายตัวเกินคาด ห่วงลงทุนเอกชนเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังชะลอต่อเนื่องตัว 3 ไตรมาส
- แบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่พร้อมใจลดดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีในอัตรา 0.25-0.50% ตอบสนองแนวทางรัฐมนตรีคลัง มีผลวันนี้ เผยแบงก์กรุงเทพพ่วงลดดอกเบี้ยเอ็มโออาร์ด้วย 0.25% ส่วนไทยพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งกระดาน 0.25%
- กลุ่มความร่วมมือไซเบอร์ (ISG) ของสมาคมธนาคารไทย ได้แจ้งเตือนธนาคารสมาชิกทุกแห่งให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อกรณีที่มัลแวร์เรียกค่าไถ่ชื่อ วอนนาคราย ที่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ ไม่ให้หลุดเข้ามาในระบบธนาคารได้อย่างเด็ดขาด มีการติดตามตรวจจับ หากพบก็จะมีการดำเนินการปิดกั้นและแจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้องทันที รวมทั้งสื่อสารให้พนักงานและประชาชนทราบเพื่อระมัดระวัง
- แบงก์ชาติ เผยไตรมาส 1/60 หนี้เอ็นพีแอลขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 2.94% ด้านสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวได้ 2.8% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 2% พร้อมคาดการณ์สินเชื่อปีนี้โตได้ 4-6%
- การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2560 แยกตามหน่วยงาน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา วงเงินงบประมาณรวม 2.01 ล้านล้านบาท เบิกจ่ายได้แล้ว 1.2 ล้านล้านบาท หรือ 59.98% สะท้อนว่ามาตรการเร่งเบิกจ่ายของรัฐบาลได้ผล เนื่องจากผ่านไป 7 เดือนของปีงบประมาณสามารถเบิกจ่ายได้มากกว่าครึ่งของงบทั้งหมดเป็นจำนวนมาก
*หุ้นเด่นวันนี้
- LIT-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ลีซ อิท (LIT) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 160,000,000 หน่วยอัตราการใช้สิทธิ 2 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 4.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 5 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 26 เมษายน 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 2.50 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 ก.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 25 เม.ย. 2565
- TU (ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 24 บาท กำไร 1Q60 ที่น่าผิดหวังส่งผลให้ปรับกำไรปี 2560-2561 ลง 12% แต่ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว ขณะที่คาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q60
- BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท หากตัด forex gain กำไรปกติเติบโตดีตามคาด +62% Q-Q, +314% Y-Y เป็น 2,392 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะเหมืองในออสเตรเลีย ช่วยชดเชยปริมาณขายที่อินโดนีเซียที่ลดลงเพราะเป็นหน้าฝน และชดเชยธุรกิจโรงไฟฟ้าที่กำไรลดลงเพราะต้นทุนถ่านหินเพิ่ม ปัจจุบันที่ราคาถ่านหินปรับลงเหลือ US$74/ตัน แต่เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปียังอยู่ที่ US$82/ตัน สูงกว่าสมมติฐานที่ US$80/ตัน และยังอยู่ในกรอบตามนโยบายของจีนที่ US$70-80/ตัน กำไรปีนี้ที่คาด 1.1 หมื่นล้านบาท +226% Y-Y จึงเป็นไปได้
- LIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 13 บาท กำไรน่าประทับใจ ดีกว่าคาด +20% Q-Q, +72% Y-Y จากสินเชื่อที่เติบโตแข็งแกร่งทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยังอยู่ในระดับสูง 7% และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมาก แม้ NPL จะเพิ่มเป็น 3.85% จาก 3.22% ใน 4Q59 แต่บริษัทก็ตั้งสำรองเพิ่ม จึงปรับกำไรปีนี้ขึ้น 12% เป็น +47% Y-Y
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันดิบพุ่ง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียประกาศความร่วมมือในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,953.06 จุด เพิ่มขึ้น 83.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,082.87 จุด ลดลง 7.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,413.35 จุด เพิ่มขึ้น 41.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,037.58 จุด เพิ่มขึ้น 0.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,306.73 จุด เพิ่มขึ้น 16.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,259.14 จุด ลดลง 5.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,785.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.38 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,805.53 จุด เพิ่มขึ้น 32.60 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานซาอุดิอาระเบีย และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้เห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกกลับสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดทำนิวไฮ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากปัจจัยบวกของราคาน้ำมันและแร่โลหะที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 18.98 จุด หรือ +0.26% ปิดที่ 7,454.37 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนและสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้น หลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานซาอุดิอาระเบีย และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้เห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า ส่งผลให้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการผ่าทางตันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ในการแก้ปัญหาภาวะน้ำมันล้นตลาด
หุ้นบีพี บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 0.9% และหุ้นรอยัลดัตช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ขานรับนโยบายของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ที่เตรียมจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอภิมหาโครงการ “One Belt, One Road" หรือเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน
ข่าวดังกล่าวหนุนราคาแร่โลหะปรับตัวขึ้น 0.33% โดยแร่พลาตินัมพุ่งขึ้นเกือบ 2% เมื่อคืนนี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับข่าวซาอุดิอาระเบียและรัสเซียตกลงขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.1% ปิดที่ 395.97 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,417.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.98 จุด หรือ +0.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,454.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.98 จุด หรือ +0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,807.04 จุด เพิ่มขึ้น 36.63 จุด หรือ +0.29%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานซาอุดิอาระเบีย และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้เห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 3.08% หุ้นสแตทออยล์ ดีดตัวขึ้น 2.1%
ส่วนหุ้นเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้น 2.3% และหุ้นเทนาริส ซึ่งเป็นผู้ผลิตท่อเหล็กรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 2.2%
หุ้น RWE AG ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560 และประกาศจ่ายเงินปันผลในปีนี้ หลังจากที่ทางบริษัทไม่ได้จ่ายเงินปันผลตั้งแต่ปี 2558
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 85.33 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทรักษาความปลอดภัยในระบบไซเบอร์ หลังจากมีข่าวการโจมตีจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์ราว 200,000 เครื่องใน 150 ประเทศทั่วโลก
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,981.94 จุด เพิ่มขึ้น 85.33 จุด หรือ +0.41% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,149.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.44 จุด หรือ +0.46% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,402.32 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด หรือ +0.48%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานซาอุดิอาระเบีย และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้เห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกกลับสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นเฮสส์ ปรับตัวขึ้น 2.9% และหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ พุ่งขึ้น 2.7%
หุ้นกลุ่มบริษัทรักษาความปลอดภัยในระบบไซเบอร์ได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์ราว 200,000 เครื่องใน 150 ประเทศทั่วโลก โดยหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ทะยานขึ้นกว่า 2% หุ้นไฟร์อาย พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นไซแมนเทค ปรับตัวขึ้น 3.2% หุ้นพาโล อัลโต เน็ทเวิร์ค พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นเพียวฟันด์ ไอเอสอี ไซเบอร์ ซิเคียวริตีส์ พุ่งขึ้น 3.2%
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 0.4% หลังจากมีรายงานว่าบริษัท ลิฟต์ เจ้าของแอพพลิเคชั่นด้านการขนส่งของสหรัฐ ประกาศจับมือกับเวย์โม ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีในเครืออัลฟาเบท เพื่อร่วมกันพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ โดยตั้งเป้าขยายเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อแข่งกับอูเบอร์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2 จุด แตะระดับ 70 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากผู้สร้างบ้านมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น แม้เผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ เช่น การขาดแคลนแรงงาน และราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้น
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย
อินโฟเควสท์