WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET83ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนี เช้านี้พักฐาน หลังราคาน้ำมันร่วงลงแรง-หุ้น THAI ติด Cash Balance

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะพักฐาน หลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงเกือบ 5% ในระหว่างวัน และเป็นระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน ประกอบกับหุ้นบมจ.การบินไทย (THAI) ดีดตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ ก็ติดเกณฑ์ Cash Balance น่าจะกดดันต่อ Sentiment การลงทุนด้วย รวมถึงวันนี้ยังมีหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD อีกหลายบริษัท ซึ่งจากการคำนวณคาดว่าจะกดดันต่อดัชนีราว 1 จุด

     "ดูจากเมื่อวานก็น่าจะไปต่อได้ แต่วันนี้ราคาน้ำมันลง หุ้น THAI ติด Cash Balance  ก็น่าจะทำให้ตลาดพักตัว ถ้าวันนี้ปิดไม่ต่ำกว่า 1,570 ก็น่าจะยังซิกแซกต่อได้ แต่ถ้าต่ำกว่า 1,570 ในทางเทคนิค ตลาดก็น่าจะเป็นลักษณะ sideway"นายอภิชาติ กล่าว

     นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า ตลาดยังคงต้องติดตามปัจจัยจากต่างประเทศในคืนนี้ ทั้งในส่วนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการดูแลงบดุลที่อยู่ในระดับสูงหรือไม่ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย. ของสหรัฐ รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบที่สองในวันที่ 7 พ.ค.นี้ด้วย

     พร้อมมองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,570 จุด และแนวต้านที่ 1,575-1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,951.47 จุด ลดลง 6.43 จุด (-0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,075.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด (+0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,389.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด (+0.06%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 12.60 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 58.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.16 จุด

ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 พ.ค.60) 1,573.05 จุด เพิ่มขึ้น 8.93 จุด (+0.57%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 502.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 พ.ค.60

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 พ.ค.60) ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.30 ดอลลาร์ หรือ 4.8%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 พ.ค.60) ที่ 5.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 34.60 ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ-เลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสสุดสัปดาห์นี้

       - ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ครั้งที่ 2 มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนการดำเนินโครงการเชื่อมโยงท่าเรือ 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด และสัตหีบ เข้ากับระบบรถไฟทางคู่ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี 16 มิ.ย.นี้

      - กระทรวงมหาดไทย รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2560 ให้ทราบว่าสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐประจำปีงบประมาณ 2560 หรือโครงการหมู่บ้านละ 2.5 แสนบาท ได้เกือบ 100%

      - ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย.2560 อยู่ที่ 77.0 เพิ่มขึ้น จากเดือนก่อนที่ 76.8 ปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการทำงาน และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต แต่เป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย

       - รมว.คลัง มอบนโยบายแก่ธ.ก.ส.ว่า การปล่อยสินเชื่อ จะต้องสอดคล้องกับนโยบายลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของกระทรวงเกษตรฯ โดยการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนผลิตได้ราว 30-40%

      - รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งตั้งคณะทำงานศึกษาลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเดินสายโรดโชว์หวังดึงเรือสำราญ-เมดิคัล เข้าลงทุนพื้นที่อีอีซี โอ่ปีที่แล้วไทยมีรายได้ท่องเที่ยวอันดับ 4 ของโลก ตั้งเป้าอีก 10 ปี ขึ้นเป็นที่ 3

*หุ้นเด่นวันนี้

       - TASCO (แอพเพิล เวลธ์) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท โดยการรายงานกำไรสุทธิงวด 1Q60 ที่ระดับ 1,237 ล้านบาท เติบโต +36.5% QoQ และ +5.5% YoY ใกล้เคียงตลาดคาด ขณะที่ความต้องการยางมะตอยของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ยังอยู่ในระดับสูง หลังรัฐบาลในหลายประเทศประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการซ่อมสร้างถนนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ TASCO ได้ปรับเป้ายอดขายปี 60 จาก 2.4 ล้านตัน ขึ้นสู่ระดับ 2.6 ล้านตัน อย่างไรก็ตามด้วยราคายางมะตอยที่ค่อนข้างผันผวน โดยในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาราคายางมะตอยในตลาดภูมิภาคได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 270 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 305 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนม.ค. ขณะที่ราคายางมะตอยในประเทศ (ชนิดเอซี เกรด AC - 60/70 บรรจุ BULK) ลดลงจาก 20,1667 บาท/ตันในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 18,550 บาท/ตันในเดือนเม.ย. ทำให้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 60 ไว้ที่ระดับ 3,329 ล้านบาท +7.0%YoY ด้านราคาหุ้นยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน 18.8%

      - TANI (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท ขณะที่กดดันจากมาตรฐานบัญชี IFRS9 ต่อ THANI เริ่มบรรเทาลงจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และสัดส่วนค่าสำรองหนี้เสียที่กว่า 100% ทำให้ปรับประมาณการณ์ผลกำไรลง 2560F แต่ปรับเพิ่มขึ้นในปี 2561-62F จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงและสินเชื่อเติบโตดีขึ้น ทั้งมูลค่าพื้นฐานของ THANI ยังดีที่สุดในกลุ่มฯ ที่ PEG 0.5 เท่าและอัตราตอบแทนปันผล 5%

     - WORK (ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมาย 58.50 บาท โดยคาดผลการดำเนินงาน 1Q/60 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดย Workpoint TV ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีเรตติ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญ คือ การสร้างสรรค์และผลิตรายการได้ตรงใจผู้ชม สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการให้ตรงกับความต้องการของผู้ชมโดยอาศัยระยะเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น โดยเฉพาะในรายการยอดฮิตอย่าง "The Mask Singer" ที่มีแผนออกอากาศซีซั่นที่ 2 ต่อทันที โดยได้รับค่าเช่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้นรวมถึงมีการจองโฆษณาล่วงหน้าเกือบเต็มเวลาแล้ว ทั้งนี้ คาดรายได้ค่าโฆษณาเฉลี่ยต่อนาทีของปี 60 จะสามารถเติบโตมากกว่าเป้า 62,000 บาทที่ WORK ได้วางเอาไว้ได้ พร้อมประเมินผลการดำเนินงานของ WORK เติบโตโดดเด่น จากรายได้ค่าโฆษณาที่เพิ่มสูงขึ้นตามเรตติ้งอย่างต่อเนื่อง คาดมีกำไรสุทธิปี 60 ที่ 462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133% และมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยอีก 3 ปีข้างหน้าที่ 50%

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดลบ-จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดขยับลงเมื่อคืน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ

      ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,114.77 จุด ลดลง 12.60 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,625.35 จุด ลดลง 58.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,954.94 จุด ลดลง 12.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,228.27 จุด ลดลง 0.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,758.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.16 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ

     ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 217-213 เสียงเมื่อวานนี้ โดยร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือที่เรียกว่า "อเมริกันเฮลธ์แคร์" นั้นจะถูกนำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ (Affordable Care Act) ของรัฐบาลชุดก่อน

     ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเผชิญอุปสรรคมากกว่าในสภาผู้แทนราษฎร โดยแกนนำของพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือนเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อให้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่มีแนวโน้มว่าวุฒิสมาชิกจะทำการแปรญัตติเนื้อหาสำคัญในร่างกฎหมายฉบับนี้

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวกด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการ HSBC, ดัชนี PMI ภาคบริการอังกฤษ

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) ด้วยปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการของธนาคารเอชเอสบีซี ซึ่งหนุนหุ้นธนาคารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของอังกฤษ ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในเดือนเม.ย.

     ดัชนี FTSE 100  เพิ่มขึ้น 13.57 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 7,248.10 จุด

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน โดยเฉพาะหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ซึ่งทะยานขึ้น 2.9% ภายหลังจากธนาคารเปิดเผยผลกำไรในไตรมาส 1/2560 ที่ระดับ 3.13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

     หุ้นอาร์เอสเอ อินชัวรันซ์ พุ่งขึ้น 2.5% หลังบริษัทประกันภัยรายใหญ่ดังกล่าว รายงานว่า เบี้ยประกันภัยรับสุทธิ (net written premiums) พุ่งขึ้น 14% สู่ระดับ 1.71 พันล้านปอนด์ (2.20 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 1/2560 และมีกำไรจากการดำเนินงานพุ่งทะลุเป้า

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยบวกจากผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของอังกฤษ ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 55.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังแตะ 55.0 ในเดือนมี.ค. โดยมาร์กิตระบุด้วยว่า การดีดตัวขึ้นของภาคบริการ บ่งชี่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มจะขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาแร่เหล็กที่ปรับตัวลง ด้วยปัจจัยจากการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในจีน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 4.2% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 2.5% และหุ้นอันโตฟากาสต้า ร่วงลง  4.7%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับผลประกอบการสดใส ตลาดจับตาเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศส

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงรอยัล ดัทช์ เชลล์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย. ขณะที่เดียวกันนักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้อย่างใกล้ชิด

      ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 391.98 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,647.78 จุด เพิ่มขึ้น 119.94 จุด, +0.96% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,372.42 จุด เพิ่มขึ้น 71.42 จุด, +1.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,248.10 จุด เพิ่มขึ้น 13.57 จุด, +0.19%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 56.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2011 หลังแตะ 56.4 ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

       หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1 ขณะที่หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ปรับตัวขึ้น 0.9%

      หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 0.1% หลังจากที่พุ่งขึ้นกว่า 3.6% ในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรกำไรสุทธิในไตรมาส 1 พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.4 พันล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรสุทธิพียง 814 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ช่วยหนุนกำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1 นั้น มาจากการที่บริษัทใช้นโยบายลดต้นทุน และจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน

      หุ้นอาดิดาส ปรับตัวขึ้น 0.9% และหุ้นเอบี อินเบฟ ทะยานขึ้น 5.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

      นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ผลสำรวจพบว่า นายเอมมานูเอล มาครอง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเป็นอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ทำผลงานในการโต้วาทีได้ดีกว่านางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) โดยผู้ชมการโต้วาที มีความประทับใจในวิสัยทัศน์ของนายมาครอง มากกว่านางเลอเปน

     ศึกดีเบตรอบสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้เป็นอย่างดุเดือด โดยผู้สมัครทั้งสองต่างปะทะคารมกันอย่างเผ็ดร้อนในประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ยุโรป และภัยก่อการร้าย ขณะที่โพลล์จากสถานีโทรทัศน์ BFMTV บ่งชี้ว่า ผู้ชมจำนวน 63% มีความเชื่อมั่นในตัวนายมาครอง มากกว่านางเลอเปน ซึ่งเป็นนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมขวาจัด และมีแนวคิดที่จะนำฝรั่งเศสแยกตัวออกจากยูโรโซน

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 6.43 จุด วิตกร่างกม.ประกันสุขภาพไม่ผ่านวุฒิสภา

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียดเมื่อวานนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า โอกาสที่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภานั้น มีน้อยมาก นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบทรุดฮวบลงเกือบ 5%

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,951.47 จุด ลดลง 6.43 จุด หรือ -0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,075.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด หรือ +0.05% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,389.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ +0.06%

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 217-213 เสียงเมื่อวานนี้ โดยร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือที่เรียกว่า "อเมริกันเฮลธ์แคร์" นั้นจะถูกนำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ (Affordable Care Act) ของรัฐบาลชุดก่อน

     ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเผชิญอุปสรรคมากกว่าในสภาผู้แทนราษฎร โดยแกนนำของพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือนเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อให้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่มีแนวโน้มว่าวุฒิสมาชิกจะทำการแปรญัตติเนื้อหาสำคัญในร่างกฎหมายฉบับนี้

      นักวิเคราะห์จากลิเบอร์ตี้วิว แคปิตอล เมเนจเมนท์ ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า มีโอกาสน้อยมากที่ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันว่า หากไม่มีการผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็อาจเผชิญอุปสรรคเช่นกัน

      ตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดิ่งลง 2.5% และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 3.6%

     หุ้นเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่ ดิ่งลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงกว่าการคาดการณ์

      นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และปรับตัวขึ้นน้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%

      ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในไตรมาส 1 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานพุ่งขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

      ทั้งนี้ ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานลดลง 0.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี จากที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว

      นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6%

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!