WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET27ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว-อาจปรับลงได้ตามภูมิภาคที่เจอ take profit ผิดหวังไม่มีรายละเอียดแผนลดภาษีของสหรัฐฯ

        นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวแต่ไม่หวือหวา และมีโอกาสที่จะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่ต่างติดลบ จากแรง take profit ภายหลังจาก"ทรัมป์"ออกมาพูดเหมือนตอนหาเสียง โดยไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปภาษีออกมาว่าจะทำอย่างไรบ้าง ทำให้นักลงทุนผิดหวังที่ไม่รู้ว่าจะลดภาษีอะไรเท่าไร แต่บ้านเรามองว่าผลกระทบไม่มาก

       อย่างไรก็ดี ให้ติดตามประเด็นการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯต่อไป เพราะใกล้หมดอายุแล้ว ซึ่งตลาดฯก็มองว่าควรจะมีมาตรการอะไรออกมา ไม่อย่างนั้นองค์กรของรัฐฯบางแห่งอาจต้องปิดไปก่อน

      นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าบ้านเรามีหุ้นขนาดกลาง-เล็กเริ่มที่จะมีเก็งกำไรกันเข้ามามากขึ้น  และงบฯ SCC ก็ออกมาดี ซึ่งก็ยังมองว่ากลุ่มปิโตรฯน่าจะดีอยู่ จึงเลือกเล่นเป็นรายตัวได้ โดยเฉพาะตัวที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้านี้แล้วมีโอกาสที่จะเด้งขึ้นมาได้ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,573 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,975.09 จุด ลดลง 21.03 จุด (-0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.23 จุด ลดลง 0.27 จุด (-0.00%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,387.45 จุด ลดลง 1.16 จุด (-0.05%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 83.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 84.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.73 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 5.29 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.60) 1,567.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.20 จุด (+0.33%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,107.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.60

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 เม.ย.60) ปิดที่ 49.62 ดอลลาร์/บาร์เรล  ขยับขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย..60) ที่ 6.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 34.47 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็งขานรับแผนปฏิรูปภาษี"ทรัมป์"แม้ยังขาดความชัดเจน

     - ขสมก.เร่งร่าง TOR รถเมล์ NGV 489 คันใหม่ เสร็จใน 2 เดือนเปิดประมูลในก.ค.นี้ ทยอยรับมอบใน 150 วัน เผยเดิมให้ส่งมอบ 90 วัน เวลากระชั้นทำให้กำลังการผลิตไม่ทัน ขณะที่ให้ทยอยส่งมอบล็อตแรกในพ.ย.ก่อน ยันคนไทยไม่ผิดหวังได้ใช้รถเมล์ใหม่ก่อนสิ้นปีแน่ พร้อมยันเลิกสัญญาทำตามคำสั่งศาลทุกประการ ชี้บัญชีดำ เบสท์รินฯหมดสิทธิ์ร่วมงาน ขสมก.อีก

      - นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัลว่า สหรัฐเตรียมใช้เหตุผลด้านความมั่นคงตามกฎหมายขยายการค้า ของสหรัฐปี 1962 หามาตรการทางการค้าเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ อาทิ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การต่อเรือ และอะลูมิเนียม

       - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค.2560 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 87.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 86.2 เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) ช่วงสงกรานต์ รวมทั้งเร่งกำลังการผลิตเพื่อชดเชยวันหยุดยาวเดือน เม.ย. ประกอบกับราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้และการบริโภคในประเทศ

       - ทล.เตรียมเสนอคมนาคมนำมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครสวรรค์ บรรจุในแผนปี'61 สรุปสาย นครปฐม-ชะอำเป็นรูปแบบเป็นพีพีพี เน็ตคอสต์ ยกสัมปทานเอกชนลงทุนบริหารจัดการเบ็ดเสร็จ ทั้งกำหนดและเก็บค่าผ่านทางเหมือนดอนเมืองโทลล์เวย์ ห้ามรัฐยุ่งเกี่ยว คาดร่วมประมูลเกิน 10 ราย พร้อมเดินหน้าอีกหลายสาย

       - คลังฟุ้งเชิญชวน ต่างชาติเข้ามาลงทุนรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในไทย ชูโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 8 แสนล้านบาท พร้อมปรับปรุงกฎเกณฑ์ช่วยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ

*หุ้นเด่นวันนี้

      - AOT (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 47.5 บาท บริษัทเห็นชอบค่าใช้จ่าย 1.3 พันล้านสำหรับเช่าพื้นที่สนามบินดอนเมือง และภูมิภาค โดยจะบันทึกตรงในกำไรสะสม ทั้งนี้ประมาณการค่าเช่าเพิ่มขึ้นไปแล้ว 1 พันล้านในปี 2560-2562

      - SQ (ไอร่า) เป้า 6.70 บาท ล่าสุด SQ มี Backlog ประมาณ 38,587 ล้านบาท คาดสามารถรองรับ รายได้ตลอด 10 ปีข้างหน้า ขณะที่ลักษณะของสัญญาที่มีการระบุเงื่อนไขค่า K และเครื่องจักรบางส่วนของ SQ ได้รับโควต้าใช้ไฟฟ้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากโรงไฟฟ้า ทำให้ SQ มี Risk-Return Profile ที่ดีกว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างทั่วไป และมีความแน่นอนของรายได้ใกล้เคียงกับกลุ่มโรงไฟฟ้า ขณะที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง จากโครงการต่างๆ ในภูมิภาค ที่ SQ อยู่ระหว่างเข้าประมูล แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดีต่อเนื่อง คาดรายได้และกำไรสุทธิมีโอกาสทำ New High ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

     - KTB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ค่อนไปในโทนบวก NPL มีสัญญาณที่ดีขึ้นและน่าจะเห็นชัดเจนใน 2H60 จากการขายและ write-off คาดว่า KTB จะยังตั้งสำรองสูงต่อไป ส่วน upside จะเกิดเมื่อขายที่ดินที่ AQ นำมาค้ำประกันได้ แนวโน้มกำไร 2Q60 ขยับขึ้นเล็กน้อย Q-Q แต่ทรงตัว Y-Y โดยยังคงประมาณการทั้งปี 5.6% Y-Y

      - MINT (ยูโอบี เคย์เฮียน) โรงแรมเป็นหุ้นที่ต่างชาติเพิ่มการถือครอง (Foreign ownership) อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นที่ underperform ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา และนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งจีนและรัสเซียเริ่มกลับมาเป็นปกติ บวกกับธุรกิจอาหารบวกจากการบริโภค ทำให้หุ้นกลับมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจอีกครั้ง

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ตามทิศทางดาวโจนส์

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการปฏิรูปภาษีที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดเผยเมื่อวานนั้น ไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ และไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าแผนการปรับลดภาษีในครั้งนี้จะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,205.59 จุด ลดลง 83.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,131.35 จุด ลดลง 9.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,663.10 จุด เพิ่มขึ้น 84.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,859.45 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,201.72 จุด ลดลง 6.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,172.80 จุด ลดลง 0.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,768.19 จุด ลดลง 0.73 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,721.16 จุด ลดลง 5.29 จุด

       นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า จะมีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% อีกทั้งจะมีการปรับลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งรวมถึงรายได้ส่วนบุคคลของเจ้าของธุรกิจ สู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 39.6%

       นอกจากนี้ จะมีการปรับลดขั้นบันไดในการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากปัจจุบัน 7 ขั้น เหลือเพียง 3 ขั้น โดยผู้มีรายได้ในขั้นสูงสุดจะเสียภาษีในอัตรา 35% ส่วนอีก 2 ขั้น เสียภาษีในอัตรา 25% และ 10% อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของวงเงินรายได้ของผู้เสียภาษีในแต่ละขั้นบันได

     นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล กล่าวว่า นักลงทุนมองว่ามาตรการภาษีดังกล่าวไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่นายมนูชินไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรที่บริษัทข้ามชาติส่งกลับสู่สหรัฐ ซึ่งต่างจากที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะมีการปรับลดภาษีดังกล่าวสู่ระดับ 10% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%

       นอกจากนี้ นายมนูชินยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า แผนการปรับลดภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่ โดยเขากล่าวแต่เพียงว่า รัฐบาลจะได้รับรายได้ที่ชดเชยมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 13.08 จุด ก่อนรัฐบาลสหรัฐเผยแผนปฏิรูปภาษี

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) ด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการประจำไตรมาสที่แข็งแกร่งของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และบริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่อย่างโครดา อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งส่งผลให้หุ้นของทั้งสองบริษัทพุ่งขึ้นนำตลาดเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อจับตาดูนโยบายปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ซึ่งมีการประกาศภายหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการ

     ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 13.08 จุด หรือ +0.18% ปิดที่ 7,288.72 จุด

     ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด หลังธนาคารเผยมีกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวสู่ระดับ 990 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ พร้อมระบุด้วยว่า แผนยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างของธนาคารกำลังส่งผลลัพธ์ที่เป็นบวก ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังเพิ่มขึ้นว่า ธนาคารจะเริ่มจ่ายเงินปันผลอีกครั้งในเร็วๆนี้ โดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 4% จากรายงานดังกล่าว

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากหุ้นโครดา อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งทะยานขึ้น 3.8% หลังบริษัทเคมียักษ์ใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยยอดขายพุ่งขึ้น 19.1% ในใตรมาส 1 พร้อมคงมุมมองที่เป็นบวกต่อการดำเนินธุรกิจตลอดปี 2560 นี้

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นอันโตฟากาสต้า ขยับขึ้น 0.5% หลังบริษัทยืนยันไม่ปรับกำลังการผลิตในปี 2560 ภายหลังจากได้รายงานว่า บริษัทผลิตทองแดงเพิ่มขึ้น 9.4% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

       หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.2% หลังบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลการเงินและตลาดหุ้นเผยมีกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรก

      อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนได้ชะลอการซื้อขายเพื่อจับตาดูการประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งมีขึ้นภายหลังจากตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการเมื่อคืนนี้ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลทรัมป์จะเสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% อีกทั้งจะมีการปรับลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งรวมถึงรายได้ส่วนบุคคลของเจ้าของธุรกิจ สู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 39.6%

      นอกจากนี้ จะมีการปรับลดขั้นบันไดในการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากปัจจุบัน 7 ขั้น เหลือเพียง 3 ขั้น โดยผู้มีรายได้ในขั้นสูงสุดจะเสียภาษีในอัตรา 35% ส่วนอีก 2 ขั้น เสียภาษีในอัตรา 25% และ 10%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขณะตลาดจับตาทรัมป์เผยมาตรการภาษี

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) โดยตลาดตลาดสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากนายเอมมานูเอล มาครอง ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษี โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

       ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 388.73 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558

       ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,472.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.76 จุด หรือ +0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,288.72 จุด เพิ่มขึ้น 13.08 จุด หรือ +0.18% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,287.88 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด หรือ +0.19%

       ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกของฝรั่งเศส โดยนายมาครองได้รับคะแนนเสียง 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% สูงกว่านางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) ที่ได้รับ 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30%

       ทั้งนี้ นายมาครองและนางเลอเปนจะเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. ขณะที่ผลการสำรวจของ Harris Interactive พบว่า ในการเลือกตั้งรอบ 2 นายมาครองจะชนะนางเลอเปนด้วยคะแนน 66% ต่อ 34%

       หุ้นเครดิต สวิส พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากธนาคารเปิดเผยแผนการระดมทุนมูลค่า 4 พันล้านฟรังก์ หรือ 4.02 พันล้านดอลลาร์ พร้อมกับเปิดเผยกำไรไตรมาส 1 มูลค่า 596 ล้านฟรังก์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

       หุ้นเดมเลอร์ ดีดตัวขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2560

       หุ้นเคอริ่ง เจ้าของแบรนด์ดัง กุชชี่ ทะยานขึ้น 9.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 31% สู่ระดับ 3.57 พันล้านยูโร หรือ 4.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

      นักลงทุนจับตาคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษี โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 21.03 จุด ตลาดผิดหวังมาตรการภาษี ทรัมป์

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการปฏิรูปภาษีที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดเผยเมื่อวานนั้น ไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ และไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าแผนการปรับลดภาษีในครั้งนี้จะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง ทวิตเตอร์ และเป๊ปซี่โค

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,975.09 จุด ลดลง 21.03 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,387.45 จุด ลดลง 1.16 จุด หรือ -0.05% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.23 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.00%

     นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า จะมีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% อีกทั้งจะมีการปรับลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งรวมถึงรายได้ส่วนบุคคลของเจ้าของธุรกิจ สู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 39.6%

        นอกจากนี้ จะมีการปรับลดขั้นบันไดในการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากปัจจุบัน 7 ขั้น เหลือเพียง 3 ขั้น โดยผู้มีรายได้ในขั้นสูงสุดจะเสียภาษีในอัตรา 35% ส่วนอีก 2 ขั้น เสียภาษีในอัตรา 25% และ 10% อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของวงเงินรายได้ของผู้เสียภาษีในแต่ละขั้นบันได

      นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า นักลงทุนมองว่ามาตรการภาษีดังกล่าวไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่นายมนูชินไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรที่บริษัทข้ามชาติส่งกลับสู่สหรัฐ ซึ่งต่างจากที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะมีการปรับลดภาษีดังกล่าวสู่ระดับ 10% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%

      นอกจากนี้ นายมนูชินยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า แผนการปรับลดภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่ โดยเขากล่าวแต่เพียงว่า รัฐบาลจะได้รับรายได้ที่ชดเชยมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

       อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยหุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 11 เซนต์ในไตรมาส 1/2560 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ไว้ที่ 1 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 548 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 511.9 ล้านดอลลาร์

      ด้านบริษัทเป๊ปซี่โคเปิดเผยว่า  บริษัทมีกำไรพุ่งขึ้น 41.6% ในไตรมาส 1 โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ขณะที่บริษัททำการปรับลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม หุ้นเป๊ปซี่โคปิดตลาดขยับลง 0.7%

      หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวลงกว่า 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 8.3% ในไตรมาส 1 เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์, การชะลอตัวของตลาด และความไม่แน่นอนจากภาวะตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศ

      นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรส เกี่ยวกับการออกร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ ซึ่งหากรัฐบาลและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันก่อนเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ ก็จะส่งผลให้มีการปลดข้าราชการจำนวนหลายล้านคนเป็นการชั่วคราว และปิดหน่วยงานของรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากขาดงบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน

      นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2560 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/2560

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!