- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 26 April 2017 10:17
- Hits: 7279
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันขึ้น-ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยืนระดับได้และมีลุ้นรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปค่อนข้างมากแล้ว โดยกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงไปเกือบ 5% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้น แม้งบฯจะออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ แต่เรื่องนี้ตลาดฯก็ได้ตอบรับไปแล้ว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นด้วย และนักลงทุนต่างชาติก็ได้เข้ามาซื้อสุทธิ 2 วันติดต่อกัน ซึ่งก็น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อเข้ามาได้บ้าง เพราะที่ผ่านมามองว่านักลงทุนขายลดความเสี่ยงมากกว่า
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.1-0.3% พร้อมให้ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่มีการประชุมกันในวันนี้และพรุ่งนี้ ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ และให้ติดตามแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ที่จะประกาศออกมาในวันนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,560 ถัดไป 1,553-1,554 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,572-1,575 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,996.12 จุด พุ่งขึ้น 232.23 จุด (+1.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.49 จุด เพิ่มขึ้น 41.67 จุด (+0.70%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.46 จุด (+0.61%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 105.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 107.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 18.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.98 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 เม.ย.60) 1,562.27 จุด ลดลง 2.39 จุด (-0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,138.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 เม.ย.60) ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 เม.ย..60) ที่ 6.55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.43 อ่อนค่าจากวานนี้ นลท.จับตามาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯคืนนี้
- คมนาคมเตรียมดันทางด่วนขั้น 3 "รัตนาธิเบศร์นวมินทร์"สั่งศึกษาเพิ่มเชื่อมรถไฟฟ้า-บีอาร์ที ช่วงเกษตร-นวมินทร์ คาดเปิดประมูลปลายปี ขณะการรถไฟฯเตรียมเปิดประมูลรถไฟทางคู่ "หัวหิน-ประจวบฯ" ในสัปดาห์หน้า หลังเปิดรับฟังความเห็นรอบสองในสัปดาห์นี้
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานภาพรวมสินเชื่อเดือน มี.ค.นี้ว่า มีอัตราการขยายตัวเพียง 1.75% มียอดคงค้าง 10.5 ล้านล้านบาท โดยลูกหนี้รายใหญ่คืนเงินกู้และหันไประดมทุนตรงด้วยการออกหุ้นกู้ รวมทั้งชะลอการเบิกสินเชื่อใหม่
- รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังกลับจากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกครั้งที่ 95 ที่สหรัฐว่าธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงความเป็นห่วงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะ 10 ปีข้างหน้าที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ประชากรในประเทศไทยมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ อาจจะทำให้มีปัญหา ไม่เหมือนกับกรณีประเทศญี่ปุ่นที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาระยะหนึ่งแล้ว แต่รายได้ของประชากรค่อนข้างสูง โดยรัฐบาลรับข้อเสนอและพร้อมที่จะดำเนินการจริงจัง
- คลังเตรียมยกเครื่องกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใหม่ หลังธนาคารโลกแสดงความเห็นกฎหมายยังไม่เป็นสากล ไม่ครอบคลุมการทำธุรกิจอีกหลายเรื่อง หวั่นกระทบการจัดอันดับ Doing Business
*หุ้นเด่นวันนี้
- ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6 บาท คาดกำไร Q1/60 เติบโตแข็งแกร่ง 99.9% Q-Q และ 7.4% Y-Y หนุนโดย High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสถานการณ์ในประเทศที่เป็นปกติ ขณะที่ช่วง Q2/60-Q3/60 คาดยังคงมีกำไรต่อเนื่องแม้เป็น Low Season จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังเติบโตโดยเฉพาะรัสเซียและจีนฟื้น โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 60 เติบโต 20.6% Y-Y
- ESSO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 15.5 บาท จาก 1) ค่าการกลั่นสูง US$6.5/bbl และ ประสิทธิภาพการกลั่นดีขึ้นหนุนกำไร Q1/60 เติบโต และกำไรทั้งปี +60% 2) ค่าการตลาดสูง หนุนธุรกิจปั๊มน้ำมันกว่า 500 ปั๊ม 3) PE 6x ต่ำที่สุดในกลุ่มพลังงาน 4) คาดล้างขาดทุนสะสมหมดกลางปีนี้ และกลับมาจ่ายปันผลได้
- IRPC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 คาดแย่สุดจากการปิดซ่อม CDU เป็นเวลา 30 วัน และ UHV เป็นเวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรอาจไมได้แย่อย่างที่เราเคยกังวลจากค่าการกลั่นรวม (GIM) ที่สูงถึง 13-14 เหรียญ/บาร์เรล และคาดกำไรฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่ Q2/60 เป็นต้นไป
- TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไรเติบโต 17% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ประโยชน์จากภาพใหญ่ของบาทที่อ่อนค่า อีกทั้งเข้าสู่ช่วง high season ไตรมาส 2-3 ต้นทุนมีผลกระทบจากโภคภัณฑ์น้อยกว่าเนื้อสัตว์บก
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งเมื่อคืน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,184.92 จุด เพิ่มขึ้น 105.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,132.92 จุด ลดลง 1.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,563.25 จุด เพิ่มขึ้น 107.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,859.11 จุด เพิ่มขึ้น 17.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,202.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,145.26 จุด ลดลง 18.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,767.78 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังมีความหวังว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีในวันนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2560 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/2560
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงขายหุ้นเหมืองฉุดฟุตซี่ปิดบวกในกรอบจำกัด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม แรงเทขายในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้สกัดช่วงบวกของดัชนี FTSE 100 เมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 10.96 จุด หรือ +0.15% ปิดที่ 7,275.64 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังคงได้แรงหนุนจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกในฝรั่งเศส โดยนายเอมมานูเอล มาครอง ผู้สมัครที่มีแนวคิดสายกลาง ได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งที่ชูนโยบายสุดโต่งอย่างนางมารีน เลอเปน นอกจากนี้ นายมาครองยังมีคะแนนนำนางเลอเปนจากโพลล์สำรวจหลายสำนัก ซึ่งบ่งชี้ว่า เขามีโอกาสสูงที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งรอบ 2 และได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ส่งผลให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่ฝรั่งเศสจะแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคอลส์ บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้นนำตลาดที่ 3.4% ขณะที่หุ้นไชร์ ผู้ผลิตยาระดับชั้นนำ เพิ่มขึ้น 1.4%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัดเมื่อคืนนี้ จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ หลังโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของบริษัทแองโกลอเมริกัน จากระดับ "buy" สู่ระดับ "neutral" ส่วนแอนโตฟากาสต้า และบีเอชพี บิลลิตัน ถูกปรับน้ำหนักความน่าลงทุนลงจาก "neutral" สู่ระดับ "sell"
โดยหุ้นแองโกลอเมริกัน ลดลง 0.5% หุ้นแอนโตฟากาสต้า ขยับลง 0.3% และหุ้น บีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 0.7%
ขณะที่หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ ร่วง 2.7% และหุ้นริโอ ทินโต ลดลง 0.4%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศสรอบแรก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก โดยนายเอมมานูเอล มาครอง ผู้สมัครซึ่งมีแนวคิดสายกลาง มีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ฝรั่งเศสอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 386.91 จุด ซึ่งเป็นระดับสุงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,277.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.03 จุด หรือ +0.17% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,467.04 จุด เพิ่มขึ้น 12.06 จุด หรือ +0.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,275.64 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่นายมาครองได้รับคะแนนเสียง 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% สูงกว่านางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) ที่ได้รับ 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30% ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายมาครองและนางเลอเปนจะเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. ขณะที่ผลการสำรวจของ Harris Interactive พบว่า ในการเลือกตั้งรอบ 2 นายมาครองจะชนะนางเลอเปนด้วยคะแนน 66% ต่อ 34%
หุ้นคริสเตียน ดิออร์ ทะยานขึ้น 11% หลังจากคริสเตียน ดิออร์ บรรลุข้อตกลงกับบริษัทหลุยส์ วิตตอง ซึ่งจะเปิดทางให้หลุยส์ วิตตอง เข้าซื้อกิจการ Christian Dior Couture ซึ่งเป็นธุรกิจแฟชั่นในเครือของคริสเตียน ดิออร์ ในวงเงิน 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงแคทเธอร์พิลลาร์ และแมคโดนัลด์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 232.23 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลศก.สดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงแคทเธอร์พิลลาร์ และแมคโดนัลด์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมทั้งความหวังที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีในวันนี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,996.12 จุด พุ่งขึ้น 232.23 จุด หรือ +1.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.46 จุด หรือ +0.61% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.49 จุด เพิ่มขึ้น 41.67 จุด หรือ +0.70%
ดัชนี ดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 200 จุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยปัจจัยล่าสุดมาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 5.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 621,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2016 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.8% สู่ระดับ 583,000 ยูนิตในเดือนมี.ค.
ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 32 เดือนในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.9% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% และเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2014
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ของสหรัฐ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.28 ดอลลาร์ในไตรมาส 1 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 62 เซนต์ ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 9.822 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 9.271 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.47 ดอลลาร์ในไตรมาส 1 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.33 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 5.68 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.53 พันล้านดอลลาร์
หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 2.16 ดอลลาร์ในไตรมาส 1 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.06 ดอลลาร์ ส่วนยอดขายอยู่ที่ระดับ 7.69 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 7.47 พันล้านดอลลาร์
หุ้นโคคา โคลา ขยับขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะปรับลดจำนวนพนักงาน 1,200 คน พร้อมกับตั้งเป้าที่จะลดค่าใช้จ่าย 800 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 ปีข้างหน้า
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์ในวันนี้ โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการปฏิรูปภาษีจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมาก จนทำให้การขาดดุลงบประมาณสามารถอยู่ภายใต้การควบคุม นอกจากนี้ รมว.คลังสหรัฐยังระบุว่า รัฐบาลมีแผนที่จะผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า 3% ต่อปี โดยสูงกว่าระดับ 1.6% ของปีที่แล้วราว 2 เท่า
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2560 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/2560
อินโฟเควสท์