- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 25 April 2017 10:25
- Hits: 3357
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวเล็งปัจจัยบวกคาดทรัมป์ประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีพรุ่งนี้
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว โดยมีปัจจัยบวกจากการที่คาดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพรุ่งนี้ และนักลงทุนต่างชาติก็เข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ด้วย
แต่ตลาดก็มีแรงกดดันจากตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงเมื่อวานนี้ด้วยทำให้อาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก คาดว่าน่าจะตอบรับเรื่องจะประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,763.89 จุด พุ่งขึ้น 216.13 จุด (+1.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,983.82 จุด เพิ่มขึ้น 73.30 จุด (+1.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,374.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.46 จุด (+1.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 3.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 65.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 11.02 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 เม.ย.60) 1,564.66 จุด ลดลง 5.36 จุด (-0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 413.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 เม.ย.60) ปิดที่ 49.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 เม.ย..60) ที่ 7.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.35 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 34.30-34.45 รอปัจจัยใหม่
- ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้นัดประชุมระหว่างภาครัฐและเอกชน 26 เม.ย.เพื่อเตรียมข้อมูลการส่งคำตอบไปให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้อย่างเป็นทางการ ตามที่สหรัฐกำหนดให้ 13 ประเทศส่งคำชี้แจงเพื่อประกอบการจัดทำรายงานสาเหตุการ ขาดดุลการค้าตามคำสั่งพิเศษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจะมีการทำประชาพิจารณ์ในวันที่ 18 พ.ค.
- อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือน มี.ค. 2560 มียอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 6,772 ราย เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งมูลค่า 2.66 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 2%
- ผลการประชุม กสทช.นัดพิเศษ วันที่ 24 เม.ย. 2560 มีมติให้จัดธุรกิจบริการแพร่ภาพและเสียงบนระบบอินเทอร์เน็ต หรือโอเวอร์ เดอะ ท็อป-โอทีที (Over-the-top) อยู่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยจะตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล มีวาระการทำงาน 1 ปี โดยตนจะทำหน้าที่เป็นประธานในคณะกรรมการ
- ส่งออกเดือน มี.ค.กลับมาบวก 9.22% มูลค่าทะลุ 2 หมื่นล้านเหรียญฯ อีกครั้งในรอบ 29 เดือน ดันยอดรวมไตรมาสแรกโต 4.9% เกินดุลการค้า 4 พันล้านเหรียญ พาณิชย์คาดแนวโน้มเป็นขาขึ้น มั่นใจเป้า 5% ทำได้แน่
- อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) อีก 3.70% หรือ 12.52 สตางค์ต่อหน่วย ในเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ ว่า กรมได้ศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นค่าเอฟทีที่มีต่อต้นทุนการผลิตสินค้าแล้ว พบว่าจะมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.0002-0.266% เท่านั้น ถือว่าน้อยมาก
*หุ้นเด่นวันนี้
- ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 14 บาท แนวโน้มกำไร 1Q60 สดใส คาด +61% Q-Q, +60% Y-Y จากการรับรู้งานรับเหมาติดตั้งโครงข่ายที่มีอัตรากำไรสูง และเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้ให้เช่า Data Center เต็มพื้นที่ซึ่งเป็นรายได้ที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดในพอร์ต ประเด็นการลงทุนสร้างเสาโทรคมฯเพื่อให้เช่าในพม่า ต้องรอข้อสรุปถึงความคุ้มค่า ยังไม่ได้รวมในประมาณการ
- SCC (ไอร่า) เป้า 648 บาท คาดผลงาน 1Q/60 แนวโน้มเติบโตดีทั้ง qoq และ yoy ธุรกิจปิโตรเคมีได้รับประโยชน์จากกำลังการผลิตของ Chandra Asri ที่อินโดนีเซีย หลัง De-bottleneck เพิ่มขึ้นจาก 0.92 ล้านตัน เป็น 1.33 ล้านตันที่คาดการใช้กำลังการผลิตดีขึ้นตามลำดับ และการกลับมาผลิตปกติหลังซ่อมบำรุงโรง Cracker แห่ง 1 (ROC) 40 วันเมื่อ 4Q/59 ขณะที่ส่วนต่าง HDPE-Naptha และ PP-Naptha ดีเฉลี่ย 672USD/ตัน (ทรงตัว qoq แต่ลดลง 80USD/ตัน แต่ปริมาณขายดีขึ้น) และ 660USD/ตัน (ดีขึ้นทั้ง yoy และ qoq) พร้อมคาดปี 60 กำไรสุทธิทำ New High ต่อเนื่อง
- HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท กำไร 1Q60 ออกมา 1,046 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ลดลง 20.7% Q-Q ตามฤดูกาลและไตรมาสก่อนมีช้อปช่วยชาติ แต่ยังโตดี 20.8% Y-Y จากสาขาใหม่และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เพราะเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand แนวโน้มจะดีต่อใน 2Q60 และ 4Q60 ยังคาดกำไรปีนี้โต 13.3%
- PTTGC (โกลเบล็ก) เป้า 77 บาท คาดกำไรปี 60 ที่ 2.68 หมื่นล้านบาท + 5%YoY(มีแนวโน้มปรับประมาณการเพิ่ม) ได้รับผลบวกธุรกิจอะโรเมติกส์ที่สเปรดดีขึ้นทั้ง PX และ BZ 31%YTD และ 24%YTD ตามลำดับ และธุรกิจโอเลฟินส์ราคา HDPE LDPE และ LLDPE ปรับตัวขึ้น 4%, 2%, 7% YTD ตามลำดับ และมี Upside จากใช้เงินราว 2.6 หมื่นล้านบาทซื้อบริษัทสายพลาสติกจาก PTT 6 บริษัท เริ่มรับโอน ต.ค.60 คาดช่วยเพิ่มกำไรราวปีละ 2.4 พันล้านบาท(ยังไม่ได้รวมในประมาณการ) ,เตรียมนำบริษัท GGC เข้าตลาดฯปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับผลเลือกตั้งฝรั่งเศส
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนขานรับนายเอมมานูเอล มาครอง ผู้สมัครสายกลางพรรคอิสระ และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลว่า ฝรั่งเศสจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดในแดนลบ จากความวิตกเกี่ยวกับการที่เกาหลีเหนืออาจทดสอบยิงขีปนาวุธหรือทดลองอาวุธนิวเคลียร์เนื่องในโอกาสครบรอบ 85 ปีแห่งการก่อตั้งกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,872.56 จุด ลดลง 3.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,123.89 จุด ลดลง 5.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,204.78 จุด เพิ่มขึ้น 65.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,737.82 จุด เพิ่มขึ้น 19.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,175.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,145.26 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,765.08 จุด เพิ่มขึ้น 9.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,599.90 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ผลการนับคะแนนขั้นสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า นายมาครองได้รับคะแนนเสียง 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% ขณะที่นางเลอเปนได้รับ 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 150.13 จุด ขานรับผลเลือกตั้งรอบแรกในฝรั่งเศส
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) ขานรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกในฝรั่งเศส โดยนายเอมมานูเอล มาครอง ผู้สมัครที่มีแนวคิดสายกลาง ได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งที่ชูนโยบายสุดโต่ง ส่งผลให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่ฝรั่งเศสจะแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 150.13 จุด หรือ +2.11% ปิดที่ 7,264.68 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามทิศทางของหุ้นกลุ่มการเงินในฝรั่งเศสและยุโรปเมื่อคืนนี้ หลังกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยผลการนับคะแนนขั้นสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยนายมาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ได้รับคะแนนเสียงจำนวน 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% ชนะนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) ที่ได้รับคะแนนโหวต 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30%
ขณะที่โพลล์สำรวจล่าสุดจาก Ipsos/Sopra Steria แสดงให้เห็นว่า นายมาครองจะชนะนางเลอเปน ในการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งเป็นรอบชี้ขาดในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ด้วยคะแนนเสียง 62% ต่อ 38%
หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งแรง 5.4% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ทะยานขึ้น 4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่ง 4.8% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ ร่วง 1.4% จากแรงกดดันของราคาทองคำที่ดิ่งลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับ มาครอง ชนะเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศสรอบแรก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) ขานรับนายเอมมานูเอล มาครอง ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลว่า ฝรั่งเศสจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.1% ปิดที่ 386.09 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,454.98 จุด พุ่งขึ้น 406.41 จุด, +3.37% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,268.85 จุด เพิ่มขึ้น 209.65 จุด หรือ +4.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,264.68 จุด เพิ่มขึ้น 150.13 จุด หรือ +2.11%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากนายมาครองผู้สมัครสายกลางพรรคอิสระ และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ และนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) เป็น 2 ผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุด โดยผลการนับคะแนนขั้นสุดท้ายระบุว่า นายมาครองได้รับคะแนนเสียง 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% ขณะที่นางเลอเปนได้รับ 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30%
ทั้งนี้ นายมาครองและนางเลเปนจะเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. ขณะที่ผลการสำรวจของ Harris Interactive พบว่า ในการเลือกตั้งรอบ 2 นายมาครองจะชนะนางเลอเปนด้วยคะแนน 66% ต่อ 34%
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เปิดเผยว่า มูดี้ส์จะทำการประเมินสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่มีความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทันทีที่มีการประกาศผลการเลือกตั้ง พร้อมระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจ และการคลังมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดอันดับความน่าเชื่อถือภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่ ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากปัญหาหนี้ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) พุ่งขึ้น 9.9% หุ้นยูนิเครดิต ทะยานขึ้น 11% หุ้นดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 9.2% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ดีดตัวขึ้น 5.8% และหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ พุ่งขึ้น 9.4%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 216.13 จุด รับผลเลือกตั้งฝรั่งเศส,คาดทรัมป์เผยมาตรการภาษี
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับนายเอมมานูเอล มาครอง ผู้สมัครสายกลางพรรคอิสระ และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลว่า ฝรั่งเศสจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะเปิดเผยข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,763.89 จุด พุ่งขึ้น 216.13 จุด หรือ +1.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,374.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.46 จุด หรือ +1.08% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,983.82 จุด เพิ่มขึ้น 73.30 จุด หรือ +1.24%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น นายมาครอง และนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) เป็น 2 ผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุด ลอยลำเข้าสู่การเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ผลการนับคะแนนขั้นสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า นายมาครองได้รับคะแนนเสียง 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% ขณะที่นางเลอเปนได้รับ 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30%
ชัยชนะของนายมาครองช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลที่ว่า ฝรั่งเศสจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ขณะที่ผลการสำรวจของ Harris Interactive พบว่า ในการเลือกตั้งรอบ 2 นายมาครองจะชนะนางเลอเปนด้วยคะแนน 66% ต่อ 34%
ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เปิดเผยว่า มูดี้ส์จะทำการประเมินสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่มีความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทันทีที่มีการประกาศผลการเลือกตั้ง พร้อมระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจ และการคลังมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดอันดับความน่าเชื่อถือภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่ ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากปัญหาหนี้ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเปิดเผยข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้ หลังจากที่เขากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า จะมีการประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีภายในสัปดาห์นี้
นายซัลมาน อาห์เหม็ด หัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทลอมบาร์ด โอดิเยร์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม การที่สภาคองเกรสยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี อาจส่งผลให้การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นซันทรัสต์ แบงก์ พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นเจพีมอร์แกน ทะยานขึ้น 3.5% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.9%
หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.7% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่ดีเกินคาด
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนก.พ., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.โดย Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
อินโฟเควสท์