- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 21 April 2017 11:42
- Hits: 4449
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตาม ตปท.ขานรับแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐฯใกล้แล้วเสร็จ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้าตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา ตอบรับรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯที่ออกมาว่า แผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯใกล้เสร็จแล้ว ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าไปที่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ส่วนบ้านเราหลังปรับตัวลง 4 วันติดต่อกัน ทำให้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ในทางเทคนิคด้วย อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีความเสี่ยงการเมืองในต่างประเทศอยู่ และต้องรอดูผลการเลือกตั้งในฝรั่งเศสด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,578.71 จุด พุ่งขึ้น 174.22 จุด (+0.85%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,916.78 จุด เพิ่มขึ้น 53.74 จุด (+0.92%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,355.84 จุด เพิ่มขึ้น 17.67 จุด (+0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 161.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 86.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.62 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 21.59 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 เม.ย.60) 1,566.28 จุด ลดลง 0.91 จุด (-0.06%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 413.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 เม.ย.60) ปิดที่ 50.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 เม.ย..60) ที่ 7.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.43 อ่อนค่าจากวานนี้ นลท.รอดูผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรกในสัปดาห์นี้
- ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย (Asian Development Outlook 2017) ว่า ภาพรวมแนวโน้มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศเอเชียและแปซิฟิก คาดว่าปีนี้และปีหน้ายังเติบโตได้ดีที่ 5.7% แต่ชะลอลงเล็กน้อยจากปี 2559 ที่โต 5.8%
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีปีงบประมาณ 2560 ของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร และให้ดำเนินการตามแผนแล้ว โดยในส่วนกรมสรรพากรได้ให้ทบทวนเพิ่มเติมการเก็บภาษีนิติบุคคล รายใหญ่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีช่องรั่วไหลอยู่มาก ทำให้ 3-4 ปีที่ผ่านมา การเก็บภาษีรายใหญ่ต่ำกว่าเป้า แต่มีความสำคัญเพราะมีสัดส่วนสูงถึง 70-80% ของรายได้ภาษีนิติบุคคลทั้งหมด
- ญี่ปุ่น เล็งตัด GSP สินค้าเกษตรไทย 408 รายการ ในปี 2563 ตามแผนปรับตัวเองจากผู้นำเข้าสินค้าเกษตร เป็นผู้ส่งออก
*หุ้นเด่นวันนี้
- MALEE (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 120 บาท Roadshow ที่ HK ได้ผลตอบรับที่ดี ทำให้มั่นใจต่อแนวโน้มการเติบโตธุรกิจน้ำมะพร้าว และมองการขยายตลาดส่งออกโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว คาดกำไรขยายตัวต่อ 27-24% ในปี 2560-2561
- MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 43 บาท คาดกำไร 1Q60 กลับมาโตแข็งแกร่ง +39.4% Q-Q, +14.3% Y-Y จากอานิสงส์ของ High season ของธุรกิจโรงแรม ส่วนธุรกิจ Timeshare ฟื้นอย่างมีนัยยะหลังปรับแพคเกจการขาย ธุรกิจอาหารเติบโตดีในตลาดไทยและจีน MINT ยังเป็น Top pick ของกลุ่ม
- IRPC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.80 บาท แนวโน้มกำไร 1Q60 ไม่แย่ แม้มีปิดโรงงานซ่อมใหญ่ 30 วัน โดยคาดกำไรสุทธิ -22% Q-Q, -56% Y-Y โดยได้ Spread ที่แข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมีโดยเฉพาะ Propylene Styrenics และ Butadiene ช่วยหนุน หลังจากนี้ผลประกอบการจะฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ
- SCB (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 174 บาท ประกาศกำไร 1Q60 ที่ 11,912 ล้านบาท ลดลง 6%QoQ แต่ยังโต 13%YoY โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวเล็กน้อย ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยดีขึ้นจากธุรกิจประกันที่ฟื้นตัว ด้านคุณภาพหนี้ยังควบคุมได้ดี ส่งผลให้สำรองหนี้ออกมาใกล้เคียงคาด ทั้งนี้แนวโน้ม SML และ NPL Formation ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สำรองหนี้ในช่วงที่เหลือของปีลดลงได้ จึงยังคงประมาณการกำไร
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับ ทรัมป์ เตรียมเผยมาตรการปฏิรูปภาษี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการปิดพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้ โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ปธน.ทรัมป์จะผลักดันมาตรการปรับลดภาษีตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,591.82 จุด เพิ่มขึ้น 161.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,170.29 จุด ลดลง 1.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,143.04 จุด เพิ่มขึ้น 86.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,657.05 จุด เพิ่มขึ้น 24.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,161.24 จุด เพิ่มขึ้น 12.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,150.09 จุด เพิ่มขึ้น 12.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,742.23 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,585.04 จุด เพิ่มขึ้น 21.59 จุด
นอกจากนนี้ นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งในฝรั่งเศสวันอาทิตย์นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่ผลการสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจซึ่งมีแนวคิดสายกลาง และนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีจากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัดและหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป จะมีคะแนนนำในการเลือกตั้งรอบแรก และทั้งสองจะควงคู่กันผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดขยับขึ้น 4.18 จุด รับผลประกอบการยูนิลีเวอร์
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่บางแห่ง โดยเฉพาะยูนิลีเวอร์ ซึ่งเปิดเผยรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรก
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 4.18 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 7,118.54 จุด
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงต่อเนื่องหลายวันทำการก่อนหน้านี้ จากแรงกดดันของสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ได้เสนอให้มีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และได้ฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติร่วงลงกันถ้วนหน้า
อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ จากแรงหนุนของหุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ที่ปรับตัวขึ้น 0.3% หลังผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ดังกล่าว เปิดเผยรายงานว่า บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังร่วงลง 7.9% เมื่อวันพุธ สืบเนื่องจากรายงานผลประกอบการอันย่ำแย่ โดยบริษัทค้าปลีกสินค้าหรูดังกล่าวรายงานว่า บริษัทมีรายได้ลดลงสู่ระดับ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบการเงินที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.2% หลังบริษัทประกาศปรับลดกำลังการผลิตทองแดงในปีนี้
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้อย่างใกล้ชิด โดยผลการสำรวจล่าสุดของ Harris Interactive แสดงให้เห็นว่า นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งมีแนวคิดสายกลาง จะได้คะแนนเสียง 25% ในการเลือกตั้งรอบแรก ขณะที่นางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัด และหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป จะได้คะแนน 22%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขณะตลาดจับตาการเลือกตั้งฝรั่งเศส
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ โดยโพลล์ล่าสุดระบุว่า นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ จะมีคะแนนนในการเลือกตั้งรอบแรกนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.2% ปิดที่ 378.06 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,118.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด หรือ +0.06% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,027.32 จุด เพิ่มขึ้น 10.87 จุด หรือ +0.09% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,077.91 จุด เพิ่มขึ้น 74.18 จุด หรือ +1.48%
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นยูนิลีเวอร์ ดีดขึ้น 0.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นเนสท์เล่ ปรับตัวขึ้น 0.4% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกัน
หุ้นแมน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 7.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในไตรมาสแรก
หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีพุ่งขึ้น 27% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้อย่างใกล้ชิด โดยผลการสำรวจล่าสุดของ Harris Interactive แสดงให้เห็นว่า นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ โดยมีแนวคิดสายกลาง จะได้คะแนนเสียง 25% ในการเลือกตั้งรอบแรก ขณะที่นางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัด และหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป จะได้คะแนน 22%
ทั้งนี้ การเลือกตั้งของฝรั่งเศสแบ่งออกเป็น 2 รอบ โดยรอบแรกจะมีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งแต่ละพรรคจะทำการส่งตัวแทนพรรคลงแข่งขัน ส่วนนักการเมืองอิสระก็สามารถลงสมัครแบบอิสระได้เช่นกัน แต่ต้องได้รับการรับรองจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, สมาชิกวุฒิสภา และผู้แทนท้องถิ่นอย่างน้อย 500 คน หลังจากนั้นจะเริ่มให้ประชาชนลงคะแนนเสียง โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 2 อันดับจะเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. โดยประชาชนจะต้องมาลงคะแนนเสียงกันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียวที่จะขึ้นไปนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
ส่วนในการเลือกตั้งรอบ 2 นั้น ผลการสำรวจพบว่า นายมาครองจะชนะนางเลอเปนด้วยคะแนน 66% ต่อ 34% และหากเป็นนายฟรองซัวส์ ฟิยง อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส จากพรรค Les Republicains ที่เข้ารอบ 2 นายมาครองก็จะประสบชัยชนะเช่นกัน ด้วยคะแนน 68% ต่อ 32% และหากเป็นนายฌอง ลุค เมลองชอง ผู้นำขบวนการ La France insoumise (FI) และมีแนวคิดสนับสนุนฝ่ายซ้าย นายมาครองก็จะประสบชัยชนะ ด้วยคะแนน 60% ต่อ 40%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 174.22 จุด รับความหวังทรัมป์เผยมาตรการลดภาษี
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้ โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ปธน.ทรัมป์จะผลักดันมาตรการปรับลดภาษีตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงอเมริกัน เอ็กซ์เพรส
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,578.71 จุด พุ่งขึ้น 174.22 จุด หรือ +0.85% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,355.84 จุด เพิ่มขึ้น 17.67 จุด หรือ +0.76% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,916.78 จุด เพิ่มขึ้น 53.74 จุด หรือ +0.92%
นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาดอย่างคึกคัก หลังจากรมว.คลังสหรัฐเปิดเผยว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างพากันคาดหวังว่า ปธน.ทรัมป์จะเดินหน้าผลักดันมาตการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ตามที่เขาเคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นบริษัทบัตรเครดิตชั้นนำของสหรัฐ โดยทางบริษัทกำไรในไตรมาสแรก ลดลง 13% สู่ระดับ 1.21 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.34 ดอลลาร์/หุ้น แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.28 ดอลลาร์/หุ้น ขณะเดียวกันทางบริษัทยังได้ปัจจัยบวกจากค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น และการขยายตัวของสินเชื่อในไตรมาสแรก
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรสพุ่งขึ้นกว่า 5%
หุ้นควอลคอมม์ อิงค์ ผู้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์มือถือของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.6% เนื่องจากผลประกอบการที่สดใสได้ช่วยหนุนราคาหุ้นให้ฟื้นตัวขึ้น โดยก่อนหน้านี้หุ้นควอลคอมม์ได้รับแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากแอปเปิ้ล อิงค์ ยื่นฟ้องควอลคอมม์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชิปรายใหญ่ โดยเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และระบุว่า ควอลคอมม์จงใช้ขัดขวางการแข่งขันทางการค้า จนทำให้เกิดการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมในอุตสาหกรรมผลิตชิปสำหรับโทรศัพท์มือถือ
หุ้นกลุ่มเหล็กกล้าได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะเข้าตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่า การนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ โดยหุ้นยูเอส สตีล พุ่งขึ้น 7.4% หุ้นเอเค สตีล โฮลดิ้ง ทะยานขึ้น 8.6% และหุ้นสตีล ไดนามิกส์ พุ่งขึ้น 6.8%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่ง จากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 244,000 ราย แต่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 เม.ย. มีจำนวนลดลง 49,000 ราย สู่ระดับ 1.98 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2000 ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 2.02 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2000
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการและภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย.โดยมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.
นอกจากนนี้ นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งในฝรั่งเศสวันอาทิตย์นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่ผลการสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ โดยมีแนวคิดสายกลาง และนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีจากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัด และหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป จะมีคะแนนนำในการเลือกตั้งรอบแรก และทั้งสองจะควงคู่กันผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค.
อินโฟเควสท์