WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET36ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์กรอบจำกัด หลัง Sentiment จากสถานการณ์นอกปท.ดีขึ้น

    นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า  ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ในกรอบจำกัด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก เนื่องจากได้ Sentiment จากนอกประเทศที่ดีขึ้น หลังจากที่เรือรบของสหรัฐฯไม่ได้เข้าไปเพิ่มที่บริเวณคาบสมุทรเกาหลีอย่างที่กังวลกัน

     ดังนั้น จึงคาดว่าหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่โดน take profit ไปก่อนหน้านี้น่าจะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้บ้าง และอาจจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานบ้าง เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 1/60 น่าจะออกมาดี จากค่าการกลั่น และสเปรดปิโตรเคมีที่ดีขึ้น แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักจะไปได้มาก/น้อยแค่ไหน เพราะราคาน้ำมันได้อ่อนตัวลง

พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,404.49 จุด ร่วงลง 118.79 จุด (-0.58%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,863.03 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,338.17 จุด ลดลง 4.02 จุด (-0.17%)

         - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 14.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 25.14 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.21 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.05 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 20.69 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 เม.ย.60) 1,567.19 จุด ลดลง 7.23 จุด (-0.46%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 366.61 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 เม.ย.60

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 เม.ย.60) ปิดที่ 50.44 ดอลลาร์/บาร์เรล  ร่วงลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 3.8%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 เม.ย..60) ที่ 6.96 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 34.38 ทิศทางอ่อนค่า จับตางบแบงก์ หลังกังวล NPL สูงขึ้น มองกรอบวันนี้ 34.25-34.40

      - ที่ประชุม กกพ. มีมติปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2560 เพิ่มขึ้น 12.52 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บสำหรับงวดใหม่อยู่ที่ 3.5079 บาท/หน่วย จากเดิมอยู่ที่ 3.3827 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.7% ของค่าไฟฟ้า เป็นการปรับครั้งแรกรอบ 2 ปี 7 เดือน

     - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานภาพรวมเศรษฐกิจโลกประจำเดือน เม.ย. 2560 โดยปรับขึ้นคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกเป็น 3.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3.4% และคงคาดการณ์เศรษฐกิจของปีหน้าไว้ที่ 3.6% ซึ่งการปรับขึ้นดังกล่าวเป็นการปรับขึ้นในรายงานระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

               - ธปท.ไม่สบายใจที่เอกชนผู้ทำการค้าระหว่างประเทศชะล่าใจไม่ซื้อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน คิดว่า ธปท.ดูแลค่าเงินบาทอยู่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

               - รายงานข่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในเดือน มี.ค. 2560 มีผู้ว่างงาน 4.96 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน 1.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 9.9 หมื่นคน จาก 3.97 แสนคน เป็น 4.96 แสนคน และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ก.พ. 2560 มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 6.6 หมื่นคน จาก 4.30 แสนคน เป็น 4.96 แสนคน

               - พาณิชย์ผนึกกำลัง 12 หน่วยงานภาครัฐ เฝ้าระวังนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงกระทำความผิดหลอกลวงประชาชน ร่วมมือตั้งทีมเฉพาะกิจตรวจเข้มเชิงลึกภายในสิ้นเดือนนี้ นำร่องตรวจสอบ 4 ธุรกิจได้แก่ ขายตรง-ท่องเที่ยว-อีคอมเมิร์ซ-อาหารเสริม หวั่นกระทบประชาชนในวงกว้างและทำลายระบบเศรษฐกิจโดยรวม

*หุ้นเด่นวันนี้

               - ESSO (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 15.50 บาท เป็น top picks ของกลุ่มจาก 1) ธุรกิจโรงกลั่นมี efficient ดีขึ้น และได้ประโยชน์จาก crude premium ของน้ำมันเบาที่ลดลงมากที่สุด 2) ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ที่มี market share ประมาณ 13% ได้ผลดีจากค่าการตลาดในระดับสูง 3) Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มที่ PE 6x ขณะที่คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปีนี้จะขยายตัว 60% และ 4) คาดล้างขาดทุนสะสมหมดในปีนี้ ด้วยกระแสเงินสดสูงคาดกลับมาจ่ายปันผล 5% ปีนี้ และ 10.2% ในปี 2561

               - KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 240 บาท กำไรต่ำกว่าคาดเล็กน้อยเพราะสำรองฯสูงกว่าคาด โดยกำไรในไตรมาสนี้ทรงตัว Q-Q, +5.4% Y-Y แต่กำไรก่อนสำรองแข็งแกร่งกว่าคาด +13.8% Q-Q จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ส่วนสินเชื่อและ NPL ทรงๆ NPL ratio ลดลงเล็กน้อยเป็น 3.31%

               - TCAP (เคทีบีฯ) "ซื้อ"เป้า 53 บาท กำไรสุทธิ 1Q60 ที่ 1,602 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดการณ์ พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 6,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% YoY โดยสินเชื่อปี 2560 คาดขยายตัว 5.3% จากปีก่อนตามการสิ้นสุดนโยบายรถคันแรก และคาด Net Interest Margin เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ และการควบคุมต้นทุนทางการเงิน

               - TSR (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 7 บาท ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ ผ่านการขายแบบผ่อนชำระ และจะเริ่มดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล และจำนำทะเบียนรถซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานภายในปี 60 โดยปี 59 มีกำไรที่ 81 ล้านบาทหดตัว 44%YoY จากค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 58 พร้อมคาดปี 60 รายได้ที่ราว 2 พันล้านบาท +8%YoY ตามการเพิ่มทีมขายอีก 10 ทีมเป็น 170 ทีม และเพิ่มจำนวนพนักงานขายอีก 10%  รวมถึงค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญลดลง ส่งผลให้กำไรกลับมาเติบโต 61%YoY เป็น 130 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดร่วง-จับตาเลือกตั้งฝรั่งเศส

      ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน โดยได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมัน ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นบวกหลังจากสกุลเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,446.39 จุด เพิ่มขึ้น 14.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,165.67 จุด ลดลง 5.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,851.02 จุด เพิ่มขึ้น 25.14 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,639.93 จุด ลดลง 0.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,138.19 จุด ลดลง 0.21 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,119.92 จุด ลดลง 6.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,737.90 จุด ลดลง 1.05 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,502.29 จุด ลดลง 20.69 จุด

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่การเลือกตั้งของฝรั่งเศสจะมีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลียังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 33.14 จุด หลังสภาสามัญชนอังกฤษโหวตรับรองให้จัดเลือกตั้งก่อนกำหนด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) หลังสภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) ลงมติรับรองข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกฉุดรั้งจากหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเปิดเผยผลประกอบการอันย่ำแย่

      ดัชนี FTSE 100 ลดลง 33.14 จุด หรือ -0.46% ปิดที่ 7,114.36 จุด

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้รับปัจจัยจากสถานการณ์ทางการเมืองในอังกฤษ โดยสภาสามัญชนของอังกฤษได้ลงมติให้การรับรองต่อการประกาศจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ด้วยคะแนนเสียง 522-13

      นางเมย์ระบุว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่มีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอังกฤษในการเจรจาต่อรองประเด็นการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

     หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดิ่งลง 7.9% หลังบริษัทค้าปลีกสินค้าหรูดังกล่าวเปิดเผยรายได้ลดลงสู่ระดับ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์

      หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้นรอยัล ดัตช์ เชลส์ ร่วงลง 2.7% ขณะที่หุ้นบีพี ลดลง 1.1% หลังซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของเชลส์ลงจาก "neutral" สู่ "sell" ขณะที่ BP ถูกปรับลดลงสู่ "neutral"

  หุ้นแอสโซซิเอเต็ด บริติช ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 1.3% หลังบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ดังกล่าวประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และปรับเพิ่มมุมมองต่อการดำเนินธุรกิจในปีงบการเงิน 2560

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของยุโรป ซึ่งรวมถึงบริษัทไฮเนเกน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

       ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 377.24 จุด

       ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,016.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.01 จุด หรือ +0.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,114.36 จุด ลดลง 33.14 จุด หรือ -0.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,003.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด หรือ +0.27%

        ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นไฮเนเกนพุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำสุทธิเพิ่มขึ้น 11% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากยอดขายที่ทำสถิติแข็งแกร่งในยุโรป

       หุ้นลอริอัล ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 8% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียและอเมริกาเหนือ

        หุ้นเอบี ฟู้ด ผู้ผลิตอาหารแปรรูปรายใหญ่ของยุโรปและเจ้าของห้างค้าปลีก Primark พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560 และประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

       อย่างไรก็ตาม หุ้นเบอร์เบอรี่ ร่วงลง 7.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงสู่ระดับ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์

        นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสในวันที่ 23 เม.ย.นี้  ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีโพลล์สำนักใดสามารถฟันธงว่าผู้ใดจะชนะการเลือกตั้งในรอบแรกนี้ อย่างไรก็ดี ในการเลือกตั้งรอบ 2 นั้น ผลการสำรวจพบว่า นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ และมีแนวคิดสายกลาง จะเป็นผู้ประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง

        นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูสถานการณ์การเลือกตั้งของอังกฤษ หลังากสภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) ลงมติให้การรับรองต่อการประกาศจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียง 522-13 โดยนางเทเรซา เมย์ ได้ประกาศจัดการเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย.นี้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!