- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 12 April 2017 12:02
- Hits: 8036
ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค มองหุ้นไทยไตรมาสสองอัพไซด์จำกัด แนะลงทุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์-หุ้นพีอีต่ำปันผลสูง
กูรูจากซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค มองตลาดหุ้นไทยไตรมาสสองมีอัพไซด์จำกัด เหตุผลประกอบการ บจ.ไม่ได้เติบโตโดดเด่นยากที่ SET Index จะผ่าน1,600 จุด แนะลงทุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังเป็นขาขึ้น และหุ้นที่มี P/BV ไม่สูงมากนัก
นายกระทรวง จารุศิระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด มองว่ายังไม่มีปัจจัยบวกชัดเจนที่จะทำให้SET Index วิ่งทะลุ1,600 จุดได้ สาเหตุที่หุ้นไทยค่อยๆปรับตัวขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้คงเป็นเพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่า ถึงอย่างไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ได้โตโดดเด่น ทำให้การขึ้นมารอบนี้มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานในไตรมาสสองนี้
“ไตรมาสสองนี้ต้องระวังให้มาก หากเงินบาทอ่อนค่า หุ้นไทยพร้อมที่จะถูกเทขายทันที ตอนนี้หุ้นหลายตัวที่ขึ้นมาก็มีอัพไซด์ที่จำกัดแล้ว แนะนำให้หาหุ้นที่พื้นฐานดีแต่ยังไม่ขึ้น มีพีอีต่ำและปันผลสูง”
หุ้นที่น่าลงทุนในไตรมาสองนี้ มองว่ากลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีน่าสนใจ เพราะส่วนต่างราคาวัตถุดิบ (Spread) เป็นขาขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มสื่อบางตัวที่ราคาปรับลดลงมามาก แต่ด้วยความเป็นผู้นำตลาด น่าจะมีการเติบโตได้หากคู่แข่งในตลาดหายไปจากภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรมสื่อ
นายปุณยวีร์ จันทรขจร กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์รีพับบลิค จำกัด มองประเด็นเรื่องปรากฎการณ์ Sell in May หรือการที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงในช่วงเดือนพฤษภาคม ไม่น่ากังวลมากนักเพราะเฉลี่ยแล้วตลาดหุ้นจะ Outperform ในช่วงเดือนธันวาคม และUnderperform ในช่วงเดือนกันยายนมากที่สุด
สัญญานที่ดีอย่างนึงในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่น่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย คือ การอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐที่น่าจะส่งผลดีต่อประเทศเกิดใหม่รวมไปถึงประเทศไทยสะท้อนผ่านการซื้อพันธบัตรของต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และสตอรี่ของหุ้นที่จะถูกผลักดันเข้าในดัชนีMSCI น่าจะเป็นอีกหนึ่ง Catalyst ที่ดีในการดันให้ตลาดหุ้นโดยรวมสดใสใน Q2 นี้ โดยหากประเมินกำไรต่อหุ้นของ SET อยู่ที่ 102 บาทเทียบกับระดับ 1,570 จุด เท่ากับพีอี 15-16 เท่า ถือว่าไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป
สำหรับ การเลือกหุ้นราย Sector น่าจะเป็นการให้น้ำหนักกับสินค้า Commodity เนื่องจากราคาน้ำมันฟิวเจอร์ในตลาดโลกเป็นรูปแบบ Backwardation สะท้อนความ Bullish ของตลาดและยังมีประเด็นการประชุมของโอเปคในช่วงปลายเดือน พค ว่าจะมีการยืดเวลาการลดกำลังการผลิตต่อไปหรือไม่ แนะนำให้นักลงทุนเกาะรอบของสินค้าโภคภัณฑ์ทั้ง Soft Commodity และ Hard Commodity ไปพร้อมกับการหาบริษัทที่มี Book Value ไม่สูงจนเกินไปนัก
นายจุติ เสนางคนิกร กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด ให้ข้อมูลในอดีตของตลาด SET และ SET50ตั้งแต่ปี 1975-2016 การเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเดือน เมษายนถึงเดือนมิถุนายน ค่อนข้างแกว่งตัวในช่วงแคบ โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาเฉลี่ยสามเดือนอยู่ที่ +1.46% , -0.01% และ +1.34% ตามลำดับ ซึ่งเดือนที่ควรระมัดระวังในการลงทุนคือเดือนพฤษภาคม เพราะจากข้อมูลในอดีตจะมีการเปลี่ยนแปลงของราคาค่อนข้างผันผวนมาก
ในเชิงของเทคนิคคัล กรอบราคาของดัชนี SET50 ราคาได้ผ่านแนวต้านของปี 2015 ไปแล้วที่ 875 จุด ทำให้ราคานี้กลายเป็นแนวรับสำคัญ และจากช่วง เดือนมกราคมถึงมีนาคมตลาดได้ทำการยอมรับกรอบของราคาที่ 970 จุดไปแล้ว ทำให้ราคานี้กลายเป็นแนวรับที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หากพิจารณาเปรียบเทียบในเชิงของเทคนิคคัลกับข้อมูลในอดีต การเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 ใน Q2 นี้จะแกว่งตัวในกรอบ 970-1,020 จุด
ขณะที่นางสาว กนิษฐา รอดดำ กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด ให้มุมมอง SET Index ไตรมาสสองปีนี้โดยใช้ทฤษฎีคลื่น Elliott Wave ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง Sideway ของ Wave 4 ใหญ่ ในกรอบ 1,250 – 1,600 จุดและมีกรอบเล็กอยู่ที่1,500 – 1,600 จุด ถ้าราคาทะลุผ่าน 1,600 จุดไปได้จะเป็นการขึ้น Wave 5 ใหญ่เพื่อไปหาเป้าหมาย 1,750 และ 1,900 จุด ตามทฤษฎีFibonacci
ทั้งนี้ ถ้าราคาไม่สามารถผ่าน 1,600 จุดไปได้ ก็ยังกลับมาอยู่ในกรอบของ Wave 4 ใหญ่ อย่างไรก็ตาม การขึ้นของ SET Index ในปีหน้าจะเป็นการขึ้นเพื่อจบรอบตลาดขาขึ้นและเข้าสู่จุดเริ่มต้นของขาลงเต็มตัว ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่ว่าทุก 10 ปี จะต้องมีวิกฤตเกิดขึ้นเพื่อปรับสมดุลโดยธรรมชาติ
“อยากให้เทรดเดอร์ระวังการลงทุนในปีหน้า โดยให้ตั้งจุด Take Profit และ Stop Loss ชัดเจนและมองหาโปรดักต์ที่สามารถเทรดได้ในภาวะที่ตลาดเป็นขาลง”