WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET4ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ในกรอบแคบ ได้แรงหนุนจากต่างชาติซื้อต่อเนื่อง-ลุ้นทำ Window Dressing

       นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยเข้ามาในช่วงนี้ ขณะเดียวกันก็ได้แต่รอดูว่าจะมีการทำ Window Dressing หรือไม่ ซึ่งก็คิดว่าไม่น่าจะมีนัยยะเท่าไร และวอลุ่มเทรดก็ยังบางอาจเป็นเพราะเข้าใกล้ช่วงวันหยุดในเดือนเม.ย.

       ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) ตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย

      อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามา ซึ่งมองว่าเป็นการปรับพอร์ตมากกว่าหลังจากที่เงินดอลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า และ Bond yield ของสหรัฐฯก็อ่อนลง แสดงให้เห็นว่ามีเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้า Emerging Market ซึ่งก็ได้ไหลเข้ามาในไทยด้วย เห็นได้จากแรงซื้อต่างชาติที่เข้ามาตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นการซื้อต่อเนื่อง ส่วนราคาน้ำมันก็นิ่ง ๆ

                ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวก พร้อมให้แนวรับ 1,568 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,550.98 จุด ลดลง 45.74 จุด (-0.22%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,840.37 จุด เพิ่มขึ้น 11.63 จุด (+0.20%), ดัชนี S&P500 ปิดที่  2,341.59 จุด ลดลง 2.39 จุด (-0.10%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 173.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 135.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 33.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.65 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 มี.ค.60) 1,570.50 จุด ลดลง 3.01 จุด (-0.19%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,680.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 มี.ค.60) ปิดที่ 47.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.5%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 มี.ค.60) ที่  6.21  เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.39 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์เริ่มรีบาวด์ มองกรอบวันนี้ 34.30-34.50

                - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้เปิดแถลง เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ในวาระ 2 และ 3 วันที่ 30 มี.ค.นี้

                - ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจทีเอ็มบีลดเป้าสินเชื่อแบงก์พาณิชย์ปีนี้โตเหลือ 5.7% จากเดิม 6.3% ตามแนวโน้มจีดีพี เหตุตัวเลขลงทุนภาคเอกชนที่โตต่ำคาด  ธุรกิจเอสเอ็มอีเปราะบาง ชี้เงินบาทแข็งค่าชั่วคราว ระยะยาว อ่อนค่าแต่ผันผวนกว่าปีก่อน บริษัทใหญ่เฮดจิ้งค่าเงินเพิ่มเป็น 60% จากเดิมทำ 50%

                - ซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้างแจง "ประยุทธ์" ไฟเขียวแนวทางการปรับปรุงทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 สาย คาดประกวดราคาได้ใน 4-5 เดือน หลังผ่านความเห็นชอบ ครม. ด้าน รฟม.ตรวจความคืบหน้าสายสีน้ำเงิน แจงงานโยธาคืบแล้ว 90%

                - พาณิชย์จับมือภาคเอกชนประกาศความพร้อมจัด "BIG + BIH April 2017" ครั้งที่ 43 หวังไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าไลฟ์สไตล์ในอาเซียน ดันมูลค่าส่งออกเพิ่ม 5% ตั้งเป้าเงินสะพัดในงานทะลุ 800 ล้าน

*หุ้นเด่นวันนี้

            - FER-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. เฟอร์รั่ม  (FER) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 57,430,181 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่  ราคาการใช้สิทธิ 1.25 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ  2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 24  กุมภาพันธ์ 2560 และวันครบกำหนดอายุตรงกับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก  30 มิ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 22 ก.พ. 2562

       - TTA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 12.05 บาท  ล่าสุด BDI Index ปรับขึ้น 33%YTD และ 2.15 เท่าจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมองเป็นสัญญาณบวกต่อค่าระวางเรือเทกองและผลดำเนินงานช่วง 1Q60 อีกทั้งปัญหา oversupply ยังมีแนวโน้มลดลง หนุนปี 60 คาดพลิกกำไรอีกครั้ง + ราคาหุ้นมี Upside 20.5% และจ่ายเงินปันผล 0.05 บาท (XD 23 พ.ค.นี้)

      - ROJNA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 6.64 บาท  ปี 60 คาดกำไรฟื้นตัวเด่นถึง 264.7%YoY จากรับรู้รายได้ขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า SPP3 (110MW) ซึ่งจะเริ่ม COD ในช่วง มิ.ย.60 และรับรู้ยอดขายที่ดินราว 400-500 ไร่ อีกทั้งมีประเด็นบวกจากนโยบาย EEC เพราะมีพื้นที่ 2 แห่งใน จ.ชลบุรี คือบ่อวินและแหลมฉบัง +ราคาหุ้นมี Upside 27.7%

       - TISCO (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 77 บาท คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/60 จะเท่ากับ 1.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.7% YoY และ 10.4% QoQ เราคาดว่าค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงจะเป็นตัวหลักที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโต YoY และ QoQ เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อ SME ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรก่อนการตั้งสำรองคาดว่าจะทรงตัว YoY และ QoQ เราคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะลดลงเล็กน้อย QoQ จากการหดตัวของสินเชื่อจากสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักและ NIM ที่ลดลงเล็กน้อย ประมาณการกำไรในไตรมาส 1/60 ของเราคิดเป็น 29% ของประมาณการทั้งปี

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวเช้านี้ จากแรงซื้อเก็งกำไร

        ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลดลงถ้วนหน้าเมื่อวาน ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยกเลิกการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,159.07 จุด เพิ่มขึ้น 173.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,265.63 จุด ลดลง 1.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,329.17 จุด เพิ่มขึ้น 135.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,909.99 จุด เพิ่มขึ้น 33.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,166.58 จุด เพิ่มขึ้น 10.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,139.80 จุด เพิ่มขึ้น 12.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,750.60 จุด เพิ่มขึ้น 5.65 จุด

       นักลงทุนเริ่มซึมซับข่าวที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยกเลิกการโหวตร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 43.32 จุด หลังสภาผู้แทนฯสหรัฐคว่ำอเมริกันเฮลธ์แคร์

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ให้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์จะสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีผลบังคับใช้ได้หรือไม่

      ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,293.50 จุด ลดลง 43.32 จุด หรือ -0.59%

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

       ทั้งนี้ การที่พรรครีพับลิกันต้องยอมถอนร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งจะนำมาแทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" ออกจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้น ได้ส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจในความสามารถของปธน.ทรัมป์ในการเดินหน้าผลักดันนโยบายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ตามที่เขาได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

      ความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของปธน.ทรัมป์ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลง 1.6% หุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 1.2% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ปรับตัวลง 0.3%

        หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนแท่นขุดเจาะที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยหุ้นบีพี ปรับตัวลง 0.9% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 0.3%

    ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเกลนคอร์ ดิ่งลง 4.4% และหุ้นบีเอชพี บิลลัต ร่วงลง 3.9%

    ตลาดจับตานางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 29 มี.ค.

       ทั้งนี้ การประกาศมาตรา 50 จะส่งผลให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเป็นเวลา 2 ปีเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังทรัมป์คว้าน้ำเหลวผลักดันอเมริกันเฮลธ์แคร์

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ให้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์จะสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีผลบังคับใช้ได้หรือไม่

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 375.01 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,017.43 จุด ลดลง 3.47 จุด หรือ -0.07% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,996.07 จุด ลดลง 68.20 จุด หรือ -0.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,293.50 จุด ลดลง 43.32 จุด หรือ -0.59%

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

      ทั้งนี้ การที่พรรครีพับลิกันต้องยอมถอนร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งจะนำมาแทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" ออกจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้น ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ครั้งแรกในสภานิติบัญญัติของปธน.ทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. และยังส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามถึงความสามารถของปธน.ทรัมป์ในการเดินหน้าผลักดันนโยบายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ตามที่เขาได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

       หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 1.6% หุ้นยูบีเอส กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.6% หุ้นดอยซ์แบงก์ ขยับลง 0.2% และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ปรับตัวลง 0.4%

       หุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเกลนคอร์ รีซอสเซส ดิ่งลง 4.4% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 0.3%

        อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจาก Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 112.3 ในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะอยู่ที่ระดับ 111.1 และสูงกว่าสถิติเดือนก.พ.ที่ระดับ 111.0

       ผลสำรวจความเชื่อมั่นล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีแรงขับเคลื่อน และคาดว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไปตามการคาดการณ์ของธนาคารกลางเยอรมนี โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิตและบริการ แม้ว่าอาจได้รับความเสี่ยงจากสถานการณ์ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 45.74 จุด วิตกแผนกระตุ้นศก.ชะงักหลังสภาผู้แทนฯสหรัฐคว่ำอเมริกันเฮลธ์แคร์

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่เขาไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้

      ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,550.98 จุด ลดลง 45.74 จุด หรือ -0.22% ดัชนี NASDAQ ปิดที่  5,840.37 จุด เพิ่มขึ้น 11.63 จุด หรือ +0.20% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,341.59 จุด ลดลง 2.39 จุด หรือ -0.10%

       ดัชนี ดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันวันที่ 8 เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทรัมป์ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรครีพับลิกันได้ ทั้งที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภาของสภาคองเกรส

       ทั้งนี้ การที่ปธน.ทรัมป์ต้องยอมถอนร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งจะนำมาแทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" ออกจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้น ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ครั้งแรกในสภานิติบัญญัติของปธน.ทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. และยังส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามถึงความสามารถของปธน.ทรัมป์ในการเดินหน้าผลักดันนโยบายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ตามที่เขาได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

       หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.1% หุ้นแคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล ร่วงลง 2% ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลงกว่า 1%

     หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดตัวขึ้น 0.7% หลังจากที่สายการบินยูไนเต็ดได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ผู้โดยสารที่เป็นลูกค้าโดยทั่วไปของทางสายการบิน สามารถสวมเลกกิ้งขึ้นเครื่องได้ ส่วนการที่ทางยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ได้ห้ามเด็กหญิง 2 คนที่สวมเลกกิ้งขึ้นเครื่องก่อนหน้านี้นั้น เนื่องจากทั้ง 2 ใช้ตั๋วโดยสารชนิดพิเศษสำหรับพนักงานของสายการบิน ซึ่งมีการระบุให้ปฏิบัติตามกฎการแต่งกายที่กำหนดไว้

     หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากคดีการฟ้องร้องกรณีสิทธิบัตรไอโฟนในจีนได้สิ้นสุดลง

     นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม "The National Community Reinvestment Coalition Annual Conference" ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้

      ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆก็มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส และนายเจย์ โพเวลล์ ผู้ว่าการเฟด

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.โดยเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดุลการค้าเดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

               อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!