- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 24 March 2017 11:15
- Hits: 3266
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ยังมีลุ้นบวก หลังไม่เห็นกระแสเงินทุนไหลออก-คาดหวังทำ Window Dressing
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะอยู่ในแดนบวกเนื่องจากยังไม่เห็นกระแสเงินทุนไหลออก และยังมีความคาดหวังการทำ Window Dressing ด้วยซึ่งก็จะช่วยประคองตลาดฯได้ อย่างไรก็ดีก็ยังไม่เห็นเงินทุนไหลเข้าเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อตลาดฯขาดเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน ก็อาจจะทำให้ตลาดฯมีความผันผวนเหมือนอย่างเดือนก.พ.ที่ผ่านมาได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดฯก็ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่อะไร พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,565-1,575 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,656.58 จุด ลดลง 4.72 จุด (-0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,817.69 จุด ลดลง 3.95 จุด (-0.07%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,345.96 จุด ลดลง 2.49 จุด (-0.11%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 18.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 68.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 16.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.62 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มี.ค.60) 1,568.72 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 384.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มี.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 มี.ค.60) ปิดที่ 47.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มี.ค.60) ที่ 6.23 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.66 คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 34.60-34.70 ตลาดรอดูรอผลโหวตร่างกม.อเมริกันเฮลธ์แคร์คืนนี้
- ร.ฟ.ท.จ่อทบทวนโครงการรถไฟทางคู่ 9 โครงการ วงเงิน 3.9 แสนล้านบาท ตามนโยบายซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง ขณะที่ปรับทีโอาอาร์ 5 โครงการใหม่ ส่งผลให้ล่าช้ากว่าแผน 2 ปี
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ. 2560) มีการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนเข้ามาแล้วรวมมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายประมาณ 60-70% ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ดังนั้น เชื่อว่าทั้งปีจะมีการขอส่งเสริมการลงทุนเข้ามาตามเป้าหมาย 6 แสนล้านบาท และช่วงเดือน เม.ย.นี้บีโอไอจะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อชักจูงการลงทุน 2 เมืองหลักของญี่ปุ่น คือ โตเกียวและโอซากา คาดว่าจะช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้ตัดสินใจเร็วขึ้น
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจ 5 ด้าน คือ ปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ปฏิรูปภาคอุตสาหกรรม ปฏิรูปภาษี ปฏิรูปความเหลื่อมล้ำ ปฏิรูปด้านความมั่นคงทางการคลัง โดยรัฐบาลเชื่อว่าการปฏิรูปในส่วนนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศได้เป็นอย่างดี
- รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่าผลการหารือร่วมผู้ผลิตยางมะตอย ในกรณีที่สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยได้ร้องเรียนว่ามีการตั้งราคายางมะตอยสูงเกินจริง โดยจากการตรวจเช็คราคายางมะตอยในช่วงเดือนที่ผ่านมาพบว่ามีราคาปรับขึ้นเป็น 100% ทำให้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2 หมื่นบาทต่อตัน จึงได้เชิญผู้ผลิตยางประมาณ 7-8 รายมาหารือ และขอความร่วมมือในการปรับราคาลงอย่างเหมาะสมภายในสัปดาห์นี้ หากยังไม่มีการปรับลดราคาจะเรียกมาตักเตือนอีกครั้ง หรืออาจจะใช้มาตรการดึงยางมะตอยมาเป็นสินค้าควบคุม
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ทรีนีตี้) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 189 บาท คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1 กำไรสุทธิอยู่ที่ 6,978 ล้านบาท +8% qoq, -14% yoy 1 )ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงจากไตรก่อน ซึ่งเป็นปกติที่ค่าใช้จ่ายไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่มีค่าใช้จ่ายสูง 2) ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายยังคงเพิ่มสูง เปิดตัว HBO Package 299 บาทต่อเดือน สามารถรับชมได้ 14 ช่อง เช่น HBO HD, HBO Family, HBO Hits เป็นต้น ในมุมมองพบว่าการที่มี Digital Content อย่างเช่น HBO นั้น จะเป็นการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในการนำเสนอลูกค้า และสร้างการ Brand Perception ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15.50 บาท แม้ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ค่อนข้างท้าทาย (รายได้ +19% Y-Y) แต่มีสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปีจากยอดขายเดือน ม.ค. ที่ทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนอื่นๆค่อนข้างมาก หลังจากได้เป็นตัวแทนเพิ่มอีก 4 แบรนด์คือ Apple, D-Link, DJI, Belkin บวกกับการขยายธุรกิจไปยังลิสซิ่งสินค้าไอทีและบุกตลาดเมียนมา ปัจจุบันมี PE 15 เท่าแต่เป็น PEG เพียง 0.9 เท่า
- MTLS (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 36 บาท ปรับประมาณการกำไรขึ้น 4-22% จากการเติบโตสินเชื่อที่แข็งแกร่ง 43% ต่อปีในช่วง 3 ปีนี้ และการขยายสาขาเชิงรุก 600 สาขาปีนี้ เป็น 2,200-2,300 สาขาปีนี้ และเป็น 3,500-4,000 สาขาใน 4 ปีข้างหน้า มอง PE ที่ 27x ไม่สูงเทียบกับคาดการณ์กำไรเติบโตแกร่ง 60% ปีนี้ และ 57% ในปี 2561
- SCN (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 9.90 บาท จะลงทุนสร้างสถานี NGV ตามแนวท่อก๊าซฯ 2 แห่ง มูลค่ารวม 225 ลบ.พร้อมททำสัญญาซื้อขายก๊าซฯกับปตท.ใหม่ 2 สัญญา
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังสหรัฐเลื่อนโหวตกม.อเมริกันเฮลธ์แคร์
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เลื่อนการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์อาจส่งผลให้การมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไป
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,066.35 จุด ลดลง 18.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,247.35 จุด ลดลง 1.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,396.41 จุด เพิ่มขึ้น 68.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,914.12 จุด ลดลง 16.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,171.36 จุด ลดลง 1.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,129.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,748.15 จุด เพิ่มขึ้น 1.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,308.65 จุด เพิ่มขึ้น 7.62 จุด
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติเกี่ยวกับการใช้ร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" แทน'โอบามาแคร์' รอบใหม่ในวันนี้ หลังจากที่การลงมติเมื่อวานนี้ได้ถูกเลื่อนออกไป
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 15.99 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) ตามทิศทางของตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดในแดนบวก อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์จากรายงานตัวเลขค้าปลีกที่สูงเกินคาด ได้สกัดช่วงบวกของดัชนี FTSE 100 ให้อยู่ในกรอบที่จำกัด
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 15.99 จุด หรือ +0.22% ปิดที่ 7,340.71 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้แรงฉุดจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ โดยสกุลเงินปอนด์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.2531 ดอลลาร์ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 1.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน จากที่ลดลง 0.5% ในเดือนม.ค. โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% ในเดือนก.พ.
หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นยูนิลีเวอร์ ขยับลง 0.2% และหุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคอลส์ ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่ ร่วงลง 2.2%
หุ้นคิงฟิชเชอร์ ร่วงลง 1.6% หลังจากที่บริษัทได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอังกฤษหลังเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงติดต่อกันในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" โดยตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการไปก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าว
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 377.20 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,032.76 จุด เพิ่มขึ้น 38.06 จุด หรือ +0.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,039.68 จุด เพิ่มขึ้น 135.56 จุด หรือ +1.14% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,340.71 จุด เพิ่มขึ้น 15.99 จุด หรือ +0.22%
นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงติดต่อกันในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา โดยปัจจัยลบส่วนใหญ่มาจากความผิดหวังต่อผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G20 ได้ถอดประเด็นต่อต้านการกีดกันทางการค้าออกจากแถลงการณ์ เนื่องจากได้รับการคัดค้านจากตัวแทนของสหรัฐ
นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" แทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" โดยตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการไปก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการโหวตร่างกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยให้คำมั่นสัญญาในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งว่า จะยกเลิกกฎหมายโอบามาแคร์ และแทนที่ด้วยกฎหมายฉบับใหม่ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายระเบียบข้อบังคับจากกฎหมายโอบามาแคร์ พร้อมกรุยทางสู่ระบบบริการสุขภาพแห่งศตวรรษที่ 21
หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าแฟชั่นชั้นนำ พุ่งขึ้น 8.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงินปีนี้ และยังคงมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
หุ้นสายการบินลุฟฮันซา พุ่งขึ้น 3.5% หุ้น RME ในกลุ่มพลังงาน ดีดตัวขึ้น 2.8%
ส่วนหุ้นเครดิตสวิส ร่วงลง 2% หุ้นเจมัลโต ดิ่งลง 3.8% และหุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับตัวลง 0.7%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 4.72 จุด หลังสภาผู้แทนฯสหรัฐเลื่อนโหวตกม.อเมริกันเฮลธ์แคร์
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เลื่อนการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์อาจส่งผลให้การมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไป
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,656.58 จุด ลดลง 4.72 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,817.69 จุด ลดลง 3.95 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,345.96 จุด ลดลง 2.49 จุด หรือ -0.11%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เลื่อนการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรได้
การตัดสินใจเลื่อนการลงมติออกไปนั้น มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายมาร์ค มีโดว์ ผู้นำกลุ่ม Freedom Caucus ซึ่งเป็นกลุ่มคัดค้านร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เสียงสนับสนุนร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์มีเพียง 22 เสียง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้
นักวิเคราะห์กังวลว่า ความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" จะส่งผลกระทบทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ เช่น การปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ต้องล่าช้าออกไป
ขณะเดียวกัน นักลงทุนผิดหวังต่อการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเมื่อวานนี้ และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 15,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 258,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวลง 0.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.4% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้เข้าซื้อ Workflow ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นด้านการจัดการอัตโนมัติบนมือถือ
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 1.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทหลายแห่งได้ระงับการลงโฆษณาบนยูทูบ เนื่องจากพบว่าโฆษณาถูกสอดแทรกด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต
อินโฟเควสท์