WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET26ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค ขานรับเงินบาทยังแข็งค่า-Fund Flow ไหลเข้า

     นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคด้านตลาดทุน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกัน เนื่องจากค่าเงินบาทในช่วงสั้นยังคงแข็งค่า

       ประกอบกับ Fund Flow ได้ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดอนุพันธ์นักลงทุนต่างชาติเปิดสถานะ Long ไว้ค่อนข้างมาก มองว่าน่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถยืนในแดนบวกได้ถึงสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการทำ Window Dressing ในช่วงปลายเดือนนี้ก่อนปิดงบฯไตรมาส 1/60 ด้วย

      พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,905.86 จุด ลดลง 8.76 จุด (-0.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,901.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.53 จุด (+0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,373.47 จุด ลดลง 4.78 จุด (-0.20%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 105.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 63.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.01 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มี.ค.60) 1,563.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด (+0.16%)

       - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 777.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มี.ค.60

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 มี.ค.60) ปิดที่ 48.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.2%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มี.ค.60) ที่ 5.49 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.68 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อย แต่แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบ 34.65-34.75

                - นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซูเปอร์บอร์ด) เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ว่า ได้ข้อสรุปการกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) รถไฟทางคู่ 5 สายแล้ว โดยจะยกเลิกทีโออาร์เก่าและเห็นว่าสัญญาเดิมใหญ่ไป ควรแยกสัญญาให้ลดลงเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนรายกลางเข้าร่วมประมูลได้มากขึ้น

                - สหพัฒนพิบูล เผยจากแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.นี้ บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้น่าจะเติบโตเป็นบวกแน่ โดยในส่วนของบริษัทคาดว่าจะมีรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท

                - เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยแผนการลงทุนของ กอช.ในปี 60 ว่า เตรียมนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนในตลาดหุ้นเป็นครั้งแรก เพื่อต้องการเพิ่มอัตราผลตอบแทนและรายได้จากเงินปันผล เบื้องต้นใช้เงินสะสมประมาณ 15% ของพอร์ตเงินสะสมฯ 2,000 กว่าล้านบาท ไปลงทุนก่อน ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์กฎกระทรวงที่กำหนดให้ กอช. ลงทุนหุ้นได้ไม่เกิน 20% จะเน้นลงทุนในกลุ่มเซ็ท 50 ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มพื้นฐานดีเป็นหลัก

                - แบงก์ชาติระบุเงินบาทหลุด 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นความผันผวนระยะสั้น เหตุบางตลาดในต่างประเทศปิดทำการและเป็นภาวะเงินดอลลาร์อ่อนเทียบกับสกุลเงินภูมิภาค อีกทั้งสกุลอื่นปรับตัวรับข่าวไปก่อนหน้าเงินบาท แนะธุรกรรมระหว่างประเทศควรบริหารความเสี่ยงค่าเงิน

*หุ้นเด่นวันนี้

                - BIG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.90 บาท Opportunity Day วานนี้ ผู้บริหารให้ข้อมูลเชิงบวกมากขึ้นจากตลาดกล้อง Mirrorless ที่ยังโตแรงต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% Y-Y จากปีก่อนที่โตสูงถึง 70% Y-Y บริษัทเองก็ตั้งเป้าขยายสาขาเชิงรุกทั้ง Big Camera และ Big Mobile ขณะเดียวกันก็รุกตลาดงานพิมพ์มากขึ้น โดยยังมั่นใจกับประมาณการกำไรที่คาด +16% Y-Y

                - SCB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 174 บาท แนวโน้มกำไร 1Q60 ฟื้นตัวแรง คาด +15% Y-Y และใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า

                - BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 210 บาท แม้ราคาหุ้นจะ outperform กลุ่มแบงก์ โดย +16% YTD เทียบ SET Bank +8% YTD แต่ยังเหลือ upside 13% มากสุดในกลุ่ม ปัจจุบันหนุนมาจากกำไร 1Q60 ที่คาดเพิ่มขึ้น 12-14% Y-Y จาก 1. ตั้งสำรองลดลง 2. มีสัดส่วนเงินกู้เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวกว่า 80% จึงได้เปรียบที่สุดในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 3. ปันผล 4.50 บาท/หุ้น yield 2.4% XD 20 เม.ย.

                - AMATAV (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 9.30 บาท (เดิม 5.30 บาท)...มีมุมมองดีขึ้นต่อแนวโน้มธุรกิจนิคมฯ ในเวียดนาม ด้วยยอดขายที่ดิน 125-250 ไร่ต่อปี (มีพื้นที่ขายทั้งหมด 2,249 ไร่ ซึ่ง 49% เป็นพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว) ในช่วง 2560-2562 จาก 74 ไร่ในปีก่อน, รวมไปถึงต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2560-2561 ขึ้น 13-3% จากเดิม และคาดกำไรเติบโตเด่น 27-23% ในปี 2560-2561

                - AMATA (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 20 บาท (เดิม 17.7 บาท) จากการปรับราคาเป้าหมาย AMATAV (ถือหุ้นอยู่ 73%) เป็น 9.30 บาท และกำไรสูงขึ้น และแม้ว่าจะแนะนำ ซื้อ" แต่ด้วยกำไรที่ขยายตัวต่ำเพียง +0.9% ปีนี้ ทำให้ชอบ AMATAV มากกว่า

                - SYMC (โกลเบล็ก) เป้า IAA consensus 10.8 บาท กลุ่มบริษัทไทม์ ดอทคอม เบอร์ฮาด ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่จากมาเลเซีย เสนอซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราขั้นต่ำ 35% แต่ไม่เกิน 37% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว หากสำเร็จจะทำให้บริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ช่วยลด D/E และเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อโครงข่ายให้บริการลูกค้าระหว่างประเทศ (IPLC) เข้ากับโครงข่ายระหว่างประเทศของไทม์ ดอทคอมด กระบวนการ RO ช่วงปลายปีจะทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นราว 35% ส่วนโครงการ MCT Submarine Cable จะเริ่มทดสอบการให้บริการ Q2/60 และเริ่มรับรู้ Q3/60 บริษัทตั้งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้า Operator ในประเทศและต่างประเทศเป็นหลัก โดยจะเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมทั้งโครงการประมาณ Q2/60

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังนลท.ผิดหวังผลประชุม G20

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดขยับลงเมื่อคืน เนื่องจากความกังวลที่ว่า การบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,416.55 จุด ลดลง 105.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,250.25 จุด ลดลง 0.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,565.73 จุด เพิ่มขึ้น 63.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,923.18 จุด เพิ่มขึ้น 10.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,162.95 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,170.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,749.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.01 จุด

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G20 ระบุถึงจุดยืนร่วมกันด้านการค้าและอัตราแลกเปลี่ยน แต่มีการถอดประเด็นต่อต้านการกีดกันทางการค้าออกจากแถลงการณ์ เนื่องจากได้รับการคัดค้านจากตัวแทนของสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 4.85 จุด จากอานิสงส์ปอนด์อ่อนค่า

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ปรับตัวขึ้น สืบเนื่องจากสกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากแรงกดดันภายหลังจากรัฐบาลอังกฤษได้ยืนยันว่าจะประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนเพื่อเริ่มต้นกระบวนการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.นี้

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 4.85 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 7,429.81 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงในช่วงแรกก่อนจะดีดตัวขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ จะประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อเริ่มต้นกระบวนการเจรจา Brexit ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้กดค่าเงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับ 1.2345 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2397 ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์

                ทั้งนี้ การที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง ได้ช่วยกระตุ้นผลกำไรและยอดขายของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มบลูชิพเหล่านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

                หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงจากแรงกดดันของราคาน้ำมันที่ร่วงลง โดยหุ้นบีพี ขยับลง 0.4% และหุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ลดลง 0.6%

                หุ้นอื่นๆที่น่าจับตา หุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ลดลง 0.26% หลังบริษัทบรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการเกือบทั้งหมดในอินเดียกับบริษัทไอเดีย เซลลูลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของอินเดีย

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนักลงทุนผิดหวังผลประชุม G20

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่นางมารีน เลอเปน และนายเอมมานูเอล มาครอง สองผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะทำการโต้วาทีครั้งแรกก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งรอบแรกในวันที่ 23 เม.ย.

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 377.68 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,012.16 จุด ลดลง 17.08 จุด หรือ -0.34% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,052.90 จุด ลดลง 42.34 จุด หรือ -0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,429.81 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด หรือ +0.07%

                นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะมีการดีเบทระหว่างนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส จากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัด โดยหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป และนายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ

                การโต้วาทีครั้งนี้จัดขึ้นในเวลา 03.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของฝรั่งเศสที่มีการจัดโต้วาทีระหว่างตัวเก็งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งรอบแรกในวันที่ 23 เม.ย. โดยการโต้วาทีดังกล่าวจะใช้เวลา 3 ชั่วโมง และคาดว่าจะมีผู้ชมทางโทรทัศน์จำนวนหลายล้านคน

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G20 ระบุถึงจุดยืนร่วมกันด้านการค้าและอัตราแลกเปลี่ยน แต่มีการถอดประเด็นต่อต้านการกีดกันทางการค้าออกจากแถลงการณ์ เนื่องจากได้รับการคัดค้านจากตัวแทนของสหรัฐ

                หุ้นดอยซ์แบงก์ ร่วงลงกว่า 3% หลังจากดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ประกาศเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร (8.5 พันล้านดอลลาร์) โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของธนาคาร หลังจากที่ธนาคารได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อยุติคดีความกับทางการสหรัฐและอังกฤษ

                สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ราคาผู้ผลิต ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. จากเดือนม.ค. และปรับตัวขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2554

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 8.76 จุด วิตกแผนกระตุ้นศก.ทรัมป์ล่าช้า

                ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า การบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐนั้น อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,905.86 จุด ลดลง 8.76 จุด หรือ -0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,901.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.53 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,373.47 จุด ลดลง 4.78 จุด หรือ -0.20%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ โดยปัจจัยล่าสุดมาจากความกังวลที่ว่า การบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากที่ทรัมป์ได้ประกาศแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งแผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ แผนปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้นกลาง และแผนการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G20 ระบุถึงจุดยืนร่วมกันด้านการค้าและอัตราแลกเปลี่ยน แต่มีการถอดประเด็นต่อต้านการกีดกันทางการค้าออกจากแถลงการณ์ เนื่องจากได้รับการคัดค้านจากตัวแทนของสหรัฐ

                หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ดิ่งลง 2.2% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 2%

                หุ้นดอยซ์แบงก์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงลง 3.7% หลังจากดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ประกาศเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร (8.5 พันล้านดอลลาร์) โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของธนาคาร หลังจากที่ธนาคารได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อยุติคดีความกับทางการสหรัฐและอังกฤษ

                อย่างไรก็ตาม หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากยอดขายบัตรชมภาพยนตร์  “Beauty and the Beast" พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นในเดือนก.พ.

                นักลงทุนนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาชิคาโก ภายใต้หัวข้อ "Strong Foundations: The Economic Futures of Kids and Communities" เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้

                ส่วนเมื่อวานนี้ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวในวันนี้ว่า เฟดกำลังดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของปีนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2559, ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!