WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET20ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซึมลง ราคาน้ำมันร่วงกดดัน-หุ้นขึ้น XD ถ่วง,จับตาตัวเลขศก.สหรัฐคืนนี้

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้มีทิศทางซึมตัวลง หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงหลุดระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน แต่ยังคงมีความกังวลต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ รวมถึงการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ก็กระตุ้นให้เงินทุนไหลออกต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดยังจับตาการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นสิ่งยืนยันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าหรือไม่

       ส่วนผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ที่ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น

     อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่ง ได้แก่ CPN,TKN,SIRI,UNIQ เป็นต้น ซึ่งจะมีผลให้ดัชนีปรับลดลงราว 0.7 จุด

พร้อมให้แนวรับ 1,545 และ 1,535 จุด แนวต้าน 1,560-1,562 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,858.19 จุด เพิ่มขึ้น 2.46 จุด (+0.01%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,838.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.26 จุด (+0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,364.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.89 จุด (+0.08%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 256.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 33.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.08 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 2.73 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 มี.ค.60) 1,549.24 จุด ลดลง 2.49 จุด (-0.16%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 325.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 มี.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 มี.ค.60) ปิดที่ 49.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1 ดอลลาร์ หรือ 2%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 มี.ค.60) ที่ 5.72 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.40/42 อ่อนค่าต่อเนื่องตามภูมิภาคจากดอลล์แข็งหลังนักลงทุนมั่นใจเฟดขึ้นดอกเบี้ย

                - รมว.คลังสั่งกรมสรรพากรหาช่องทางกฎหมายเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปก่อนสิ้นอายุความยันกรณีดังกล่าวไม่กดดันการทำงาน เพราะเป็นหน้าที่ปกติในการจัดเก็บรายได้ของสรรพากร พร้อมตั้งกรรมการสอบหากพบความผิดปกติในการทำหน้าที่

                - รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอรัฐบาลให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ซึ่งจะสิ้นสุดระยะในวันที่ 30 ก.ย. 2560 นี้ ออกไปอีก 1 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะหากมีการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงนี้จะกระทบการบริโภค และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวชะงักได้

                - รมว.คลัง ระบุยื่นไฟลิ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.)เพื่อจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว นำโครงการของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) 2 เส้นทาง วงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท เป็นสินทรัพย์เพื่อเปิดขายนักลงทุนและเป็นการระดมทุนมาใช้ดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ สร้างทางด่วนพระราม 3 -ดาวคะนอง

                - รมว.คมนาคม ระบุตามแผนพัฒนาระบบขนส่งทางรางของไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า ระบบรางของไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 กิโลเมตร จากปัจจุบันมีความยาวรวม 4,070 กิโลเมตร ส่งผลให้ไทยมีระบบราง 10,000 กิโลเมตร

                - ธปท.ระบุการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 14-15 มี.ค.ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้อยู่แล้วมาระยะหนึ่ง แต่เมื่อความชัดเจนขึ้นในการประชุมแต่ละรอบก็อาจจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ซึ่งขณะนี้ตลาดก็ค่อนข้างเชื่อมั่น 100% ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ทยอยปรับการลงทุนไปบ้างแล้ว แต่หากเฟดปรับขึ้นจริงก็ถือว่าเหนือความคาดหมายเดิมของ ธปท.ที่ประมาณการไว้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ 2 ครั้ง หรืออย่างมาก 3 ครั้งในครึ่งปีหลังของปีนี้ทั้งหมด แต่ก็เชื่อว่าจะกระทบต่อตลาดการเงินไทยไม่มากนัก

                - กรมธนารักษ์เตรียมเปิดอีก 4 พื้นที่ สร้างบ้าน ประชารัฐและซีเนียร์ คอมเพล็กซ์ "จ.เชียงใหม่ ชลบุรี นครนายก และประจวบคีรีขันธ์" โดยมีแผนจะเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบภายในเดือนมี.ค.นี้ คาดโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่เข้าร่วมพัฒนา

*หุ้นเด่นวันนี้

                - WORK (ไอร่า) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 58.50 บาท คาดรักษาเรตติ้งเฉลี่ยประมาณ 1.5 ซึ่งสูงกว่าเป้าทั้งปีของบริษัทเอง รวมถึงเป็นโอกาสให้ปรับเพิ่มค่าโฆษณา ประกอบกับรายได้จากช่องทาง online ทั้ง Youtube และ Facebook คาดจะเติบโตอย่างมาก ทำให้ยังคงคาดว่าจะสามารถเติบโตในปี 60 ได้ในระดับสูง ประมินกำไรปี 60 ที่ 462 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 1.11 บาท เติบโต 133% และมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยอีก 3 ปีข้างหน้าที่ 50%

                - CPF (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 36 บาท แม้จะปรับกำไรปี 60-64 ลงเฉลี่ย 14% สะท้อนราคาหมูที่อ่อนตัว และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมองกำไรโตดี 16% ต่อปีช่วง 60-62 จากราคาไก่สูง, ธุรกิจกุ้งฟื้นตัว, และธุรกิจในตุรกีดีขึ้น

                - ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาพื้นฐาน 76 บาท การพบผู้บริหารวานนี้ทำให้ยังเชื่อมั่นว่าประมาณการกำไรปกติที่คาดปีนี้โต 22% Y-Y ปีหน้าโต 16% Y-Y มีความเป็นไปได้สูง การเติบโตไม่ได้มาจากการเน้นเปิดสาขา แต่เน้นเพิ่มอัตรากำไรโดยปรับ Product mix เพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand และ International brand จาก 11% ในปีก่อนให้เป็น 14% ในปีนี้ และตั้งเป้า 20% ในปี 63 เน้นการทำกำไรจากช่องทาง on line ให้มากขึ้น ซึ่งคิดว่ามาถูกทาง ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 22 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่อยู่ที่ 27 เท่า

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ โดยตลาดบางแห่งดีดตัวขึ้นขานรับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ขณะนี้ตลาดอีกหลายแห่งเปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันนี้

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,444.71 จุด เพิ่มขึ้น 126.13 จุด, +0.65% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,088.67 จุด ลดลง 2.39 จุด, -0.11% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,716.34 จุด ลดลง 1.08 จุด, -0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,114.75 จุด ลดลง 4.09 จุด, -0.13% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,653.79 จุด ลดลง 4.82 จุด, -0.05%

                ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,534.98 จุด เพิ่มขึ้น 33.42 จุด, +0.14% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,213.73 จุด ลดลง 3.02 จุด, -0.09% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,298.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด, +0.04% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 5,414.92 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด, +0.23%

                นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หากตัวเลขจ้างงานออกมาสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟด

                CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 91% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงเทขายหุ้นพลังงานฉุดฟุตซี่ปิดลบ 19.65 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกัน 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้

                ดัชนี FTSE 100 ลดลง 19.65 จุด หรือ -0.27% ปิดที่ 7,314.96 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยหุ้นบีพี ร่วง 1.5% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ร่วงลง 2%

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง สืบเนื่องจากราคาโลหะที่ปรับตัวลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 4.6% และหุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 3.7%

                อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณด้วยว่า ECB จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากแรงหนุนเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับต่ำ

                ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

                ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดสู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ธ.ค.

                หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ขยับขึ้น 0.9% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับ ECB คงนโยบายการเงินตามคาด

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ประธาน ECB ส่งสัญญาณเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.1% แตะที่ 372.89 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,981.51 จุด เพิ่มขึ้น 21.03 จุด หรือ +0.42% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,978.39 จุด เพิ่มขึ้น 11.08 จุด หรือ +0.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,314.96 จุด ลดลง 19.65 จุด หรือ -0.27%

                ตลาดหุ้นยุโรปขานรับที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

                ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดสู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ธ.ค. โดยการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เป็นไปตามที่ ECB ประกาศไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

                นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่า ECB จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากแรงหนุนเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับต่ำ

                หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับมติการประชุมของ ECB โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ทะยานขึ้น 2.5% และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ปรับขึ้น 2.1%

                หุ้นคาร์ฟูร์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของฝรั่งเศส ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปี 2559 อยู่ที่ 746 ล้านยูโร ลดลง 24% จากปีก่อนหน้า จากรายได้ทั้งหมด 7.877 หมื่นล้านยูโร โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรหดตัวลงนั้น มาจากยอดขายในเอเชียและฝรั่งเศสได้ปรับตัวลดลง อันเป็นผลจากภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจ

                นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 2.46 จุด รับ ECB คงนโยบายการเงิน,จับตาจ้างงานสหรัฐ

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.ในวันนี้

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,858.19 จุด เพิ่มขึ้น 2.46 จุด หรือ +0.01% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,838.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.26 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,364.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.89 จุด หรือ +0.08%

                ดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

                ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดสู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ธ.ค.

                นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้กล่าวในระหว่างแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า การที่แรงหนุนเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับต่ำนั้น ทำให้ ECB ยังไม่สามารถเริ่มกระบวนการยุติมาตรการกระตุ้นทางการเงินในขณะนี้ พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่ ECB ได้รับนั้น ได้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นที่ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และในวงกว้าง

                หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นเซลจีน ผู้ผลิตยารักษาโรคมะเร็ง ปรับตัวขึ้น 1.7% และหุ้นเอ็ดเวิร์ดส์ ไลฟ์ซายส์ ทะยานขึ้น 3.9%

                หุ้นเซียร์ส โฮลดิ้งส พุ่งขึ้น 6.9% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาหุ้นร่วงลงก่อนหน้านี้

                หุ้นซิกเน็ท จิวเวลเลอร์ พุ่งขึ้น 8.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนเพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยี

                หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2% หลังจากสื่อรายงานว่า แคทเธอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมหนักรายใหญ่ของสหรัฐ กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาว่ามีการฉ้อฉลทางภาษี โดยการอาศัยประโยชน์จากบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นในต่างประเทศเพื่อหลบเลี่ยงภาษี

                หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ปรับตัวลง 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดจองเที่ยวบินลดลงในเดือนก.พ.

                ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

                โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนก.พ. สู่ระดับ 215,000 ตำแหน่ง หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 298,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง

                CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 91% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!