WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET29ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเช่นเดียวกันตลาดภูมิภาคขานรับ Sentiment บวกจากใน-นอกปท.

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า รับอานิสงส์ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งขึ้นไปแรงตอบรับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แต่มองว่าเป็นปัจจัยภายในของสหรัฐฯ ซึ่งมาตรการที่ออกมาของ"ทรัมป์"คงจะดีต่อสหรัฐฯ แต่ตอบยังไม่ได้ว่าจะดีต่อทั่วโลก เพียงแต่ตอนนี้ Sentiment ดี

     อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของดัชนีฯอาจจะถูกจำกัดด้วยประเด็นทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งตอนนี้ความคิดเห็นของประธานเฟดหลายสาขาได้ออกมาในเชิงที่มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนมีนาคมนี้

     สำหรับปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจโดยรวมก็ยังเป็นบวก ตัวเลขส่งออกของไทยก็ยังดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมยังเติบโตได้ดี ส่วนปัจจัยในเชิงลบไม่ค่อยมี ทิศทางตลาดฯจึงยังสดใส

พร้อมให้แนวรับ 1,555-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,590 จุด

    ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,115.55 จุด พุ่งขึ้น 303.31 จุด (+1.46%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,904.03 จุด เพิ่มขึ้น 78.59 จุด (+1.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,395.96 จุด เพิ่มขึ้น 32.32 จุด (+1.37%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 231.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 267.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 52.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 25.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.45 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 12.75 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มี.ค.60) 1,567.19 จุด เพิ่มขึ้น 7.63 จุด (+0.49%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 960.02 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มี.ค.60

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มี.ค.60) ปิดที่ 53.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.3%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.60) ที่  5.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 34.99 ทิศทางอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

      - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2560 ได้ร่วมหารือกับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยต้องการให้ ตลท.เป็น แหล่งระดมทุนที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศ ที่กำลังเน้นยกระดับอุตสาห กรรมเดิมที่มีอยู่ให้มีศักยภาพสูงขึ้น ขณะเดียวกันมุ่ง 10 อุตสาหกรรมใหม่

     - กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของประเทศเดือน ก.พ. 2560 เท่ากับ 100.79 สูงขึ้น 1.44% เทียบกับเดือน ก.พ. 2559 ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 11 นับจากเดือน เม.ย. 2559 ที่เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2560 เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.04% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ. 2560) สูงขึ้นแล้ว 1.49% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ก.พ.ปีนี้ ว่า ปรับลดลงเล็กน้อย จากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 50.1 ลงมา อยู่ที่ระดับ 49.8 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ตามความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการและคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการในภาคที่มิใช่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มการค้า ที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงต่อเนื่อง หลังจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ ช่วงปลายปี

    - กลุ่มเซ็นทรัลกางแผนลงทุนปี 60 ทุ่ม 4.5 หมื่นล้าน ลุยธุรกิจค้าปลีก โรงแรม คอนโดมิเนียม แจง ตลท.ตั้งบริษัทร่วมทุนโรงแรมดุสิตธานี ผุดโครงการมิกซ์ยูสหัวมุมถนนสีลม มูลค่า 3.6 หมื่นล้าน คาดแข่งทีซีซีแลนด์ หลังผิดหวังตกรอบชวดพัฒนาที่โรงเรียนเตรียมทหารหรือสวนลุมไนท์บาซาร์เดิม

*หุ้นเด่นวันนี้

     - SQ (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 6.40 บาท รายได้กำไร 4Q59 ฟื้นตัวสูงกว่าคาด รับผลบวกรับรู้รายได้โครงการใหม่หนุน margin เติบโตก้าวกระโดด พร้อมคาดแนวโน้มผลประกอบการเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง 2 ปี มองกำไรยืนระดับสูงต่อเนื่อง กลางปีมีรายได้เพิ่มจากโครงการเหมืองดีบุกพม่าเสริม อีกทั้งมองบริษัทมีความน่าสนใจ มีรายได้มั่นคงต่อเนื่อง กลางปีลุ้นประมูลงานใหญ่ เป็น upside หนุนรายได้และกำไรระยะยาว

      - BANPU (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 23.5 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 60-61 ขึ้น 34-28% ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานราคาถ่านหินขึ้น พร้อมพิจารณาที่แนวราคา 19.8 บาท หากดีดพ้นได้จะเป็นการ Breakout แนวต้านเทรนไลน์ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 20.5 บาท และถัดไปที่ 21.0 บาท / แนวรับ 19.4 บาท (Stop loss 19.2 บาท)

     - ITEL (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 14 บาท แผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้าเป็นเชิกรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้โครงข่าย โดยตั้งเป้า Utilization rate เพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบัน 17% เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 17% จาก 9% โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีสาขามาก เช่น สถานบันการเงินร้านสะดวกซื้อ และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้รายได้รวมปี 2560-2564 โตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ในส่วนของกำไร จึงคาดโตแรงเฉลี่ย 42% ต่อปีในช่วงปี 60-64

     - IVL (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 38.06 บาท คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ 9.8-9.9 พันล้านบาทลดลง 11%YoY จากปี 59 เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากการซื้อกิจการราว 7 พันล้านบาท บริษัทยังเน้นการผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง อีกทั้งคาดว่าต้นทุนการผลิตที่สหรัฐจะลดลงหลังโรงงาน Gas cracker เสร็จช่วงปลายปีนี้ มุมมองบวกต่อกำไรปกติในปี 60 เพราะบริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มอัตรากำไรโดยเน้นผลิตสินค้าที่ใช้นวัตกรรมซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่าเส้นใยปกติ อีกทั้งมุ่งขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และด้วยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบทำให้คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรได้

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 300 จุด

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขานรับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติทะลุแนวต้านที่ระดับ 21,000 จุด ขณะที่ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐประกาศแผนทุ่มงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการลงทุนโครงการสาธารณูปโภค ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสเมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาไทย

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,624.82 จุด เพิ่มขึ้น 231.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,250.52 จุด เพิ่มขึ้น 3.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,044.48 จุด เพิ่มขึ้น 267.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,727.60 จุด เพิ่มขึ้น 52.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,105.19 จุด เพิ่มขึ้น 13.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,147.97 จุด เพิ่มขึ้น 25.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,701.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,183.45 จุด เพิ่มขึ้น 12.75 จุด

     ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ อีกทั้งได้ประกาศแผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ การปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมือง และแผนปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้นกลาง และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ

     นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การที่ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการใช้นโยบายกีดกันการค้าในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้นด้วย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 119.46 จุด หลังปอนด์ร่วงจากกระแสคาดการณ์เฟดจ่อขึ้นดบ.

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบลูชิพและการที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สืบเนื่องจากกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายในเดือนนี้

    ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 119.46 จุด หรือ 1.64% ปิดที่ 7,382.90 จุด

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอน ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบลูชิพ ด้วยอานิสงส์จากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ด้วยแรงกดดันของกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวัน

      กระแสคาดการณ์ดังกล่าวก่อตัวขึ้น หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจซึ่งเขาคาดว่าจะขยายตัวราว 2% และอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะขยายตัวราว 2% ในปีนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.ถือเป็นแนวคิดที่ดี นอกจากนี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน ส่งผลให้โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 70%

      นายแจสเปอร์ ลอว์เลอร์ นักวิเคราะห์จากลอนดอน แคปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า "ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและคำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐที่สภาคองเกรสเมื่อวานนี้ ได้หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ และหนุนค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์"

      หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ประกอบด้วยหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค พุ่ง 1.6% และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส เพิ่มขึ้น 1.2%

      นักวิเคราะห์กล่าวเสริมด้วยว่า นักลงทุนจับตาดูสภาสามัญชนอังกฤษ ซึ่งจะลงมติว่าเห็นชอบในร่างกฎหมาย Brexit หรือไม่ โดยการลงมติมีขึ้นภายหลังจากที่ตลาดหุ้นได้ปิดทำการแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับความหวังบริษัทยุโรปได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า บริษัทยุโรปจะได้ประโยชน์จากแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย

     ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.5% ปิดที่  375.69 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,960.83 จุด พุ่งขึ้น 102.25 จุด หรือ +2.10% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,067.19 จุด เพิ่มขึ้น 232.78 จุด หรือ +1.97% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,382.90 จุด เพิ่มขึ้น 119.46 จุด หรือ +1.64%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนหลังจากปธน.ทรัมป์ได้ประกาศแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งประกาศแผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ การปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้นกลาง และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ

      นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะปรับตัวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเร็วนี้ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์, นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส

      หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 5.11% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ พุ่งขึ้น 3.9%

     ส่วนหุ้นโฟล์คสวาเกน ดีดตัวขึ้น 3.3% ทั้งนี้ หุ้นโฟล์คสวาเกนฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากข่าวการโกงระบบตรวจจับไอเสีย โดยเมื่อไม่นานมานี้ โฟล์คสวาเกนได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 1.2 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อรถคืนจากลูกค้าในสหรัฐ และจ่ายเงินชดเชยให้แก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ดีเซลที่มีการติดตั้งโปรแกรมโกงการตรวจจับมลพิษจากไอเสีย เพื่อยุติการสอบสวนคดีดังกล่าวในสหรัฐ

     นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่ Executives' Club of Chicago ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

    ทั้งนี้ CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 69% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 303.31 จุด ขานรับนโยบาย ทรัมป์

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติทะลุแนวต้านที่ระดับ 21,000 จุด ขณะที่ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐประกาศแผนทุ่มงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการลงทุนโครงการสาธารณูปโภค ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสเมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาไทย

   ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,115.55 จุด พุ่งขึ้น 303.31 จุด หรือ +1.46% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,904.03 จุด เพิ่มขึ้น 78.59 จุด หรือ +1.35% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,395.96 จุด เพิ่มขึ้น 32.32 จุด หรือ +1.37%

      ภาวะการซื้อขายในวันแรกของเดือนมี.ค.เป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ประกาศแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ อีกทั้งได้ประกาศแผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ การปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมือง และแผนปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้นกลาง และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ

     นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การที่ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการใช้นโยบายกีดกันการค้าในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้นด้วย

      หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนนี้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มกำไรจากอัตราดอกเบี้ยของภาคธนาคาร นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการผ่อนคลายกฎระเบียบ โดยเฉพาะการแก้ไขกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2007-2009 ซึ่งมีความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินในด้านต่างๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อ

      ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส พุ่งขึ้นกว่า 2%

     ส่วนหุ้นอื่นๆที่ได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์นั้น หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้นกว่า 2% หุ้นทราเวลเลอร์ส ทะยานขึ้น 2.2%

     หุ้นแมคโดนัลด์ ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทประกาศแผนกระตุ้นยอดขายทั่วโลก ในระหว่างการประชุมร่วมกับนักลงทุนที่กรุงชิคาโกเมื่อวานนี้

     หุ้น Lowe's ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ทะยานขึ้น 9.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

     หุ้นไมแลน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหัฐ พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยก่อนหน้านี้หุ้นไมแลนได้รับแรงกดดันอย่างหนัก จากรายงานที่ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐเตรียมยื่นดำเนินคดีกับบริษัทยาบางแห่ง ในข้อหากำหนดราคาสูงเกินไป

     นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่ Executives' Club of Chicago ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

     ทั้งนี้ CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 69% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

    สำหรับปัจจัยล่าสุดที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น มาจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2013

     ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญนั้น เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2012

      ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.โดยมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

       อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!