WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET11ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบเช่นเดียวกับภูมิภาค อิงปัจจัย บจ.ขนาดกลางทยอยประกาศงบฯ

        นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ โดยยังคงมีปัจจัยจากการทอยยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นหุ้นขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ มากนัก

        ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวกและแดนลบ หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯปิดทำการ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะเปิดเผยในวันที่ 23 ก.พ.นี้  นอกจากนั้นก็ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯ และยุโรป

        พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด หากหลุดก็จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,565 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,580 จุด หากทะลุไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดทำการ(20 ก.พ.60) เนื่องในวันประธานาธิบดี

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 28.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.58 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 16.79 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.74 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.พ.60) 1,578.47 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด (+0.04%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 276.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.พ.60

                - ตลาดไนเม็กซ์ ปิดทำการ(20 ก.พ.60) เนื่องในวันประธานาธิบดี

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.พ.60) ที่ 6.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.03/07 ทิศทางแกว่งแคบ นลท.จับตารายงานการประชุม FOMC คืนพรุ่งนี้

                - "สมคิด" สั่งปรับเป้าส่งออกปีนี้ใหม่เป็นโต 5% จากเดิม 3% ชี้เป็นเป้าท้าทายการทำงาน หลังประเมินเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าปีนี้ขยายตัวได้ดี ทั้งสหรัฐฯ จีน และอาเซียน ลั่นอย่าเชื่อคำทำนายให้มาก ปีก่อนธนาคารโลกบอกไทยจะโต 2% แต่สุดท้ายโตถึง 3.2% ระบุต้องเน้นใช้การเจรจา FTA และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในการขับเคลื่อน

                - พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ วันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมาให้เดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ ว่าให้ความเห็นชอบอย่างไรต่อไป แต่กระทรวงพลังงานยืนยันว่าไม่มีการเซตซีโร่เพื่อเริ่มต้นใหม่แน่นอน

                - ก.ล.ต.คุมเข้ม บจ.ออกตั๋วบีอี หลังเกิดวิกฤตเบี้ยวชำระหนี้จนส่งผลให้ต้องปรับแผนกู้เงินใหม่ด้วยการออกตั๋วบีอีที่มีหลักประกัน หุ้นกู้ หรือกู้จากสถาบันการเงินแทน พร้อมเตรียมเปิด Regulatory Sandbox ภายใน มี.ค.นี้ ประเดิมกลุ่ม Investment Advisory และ Private Fund คาดใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี ก่อนจะกำหนดเกณฑ์ที่เป็นรูปธรรม "รพี" มั่นใจ 3-5 ปีข้างหน้า "FinTech" จะเข้ามามีบทบาทและพลิกโฉมตลาดทุนไทย

                - นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ได้ประกาศตัวเลขจีดีพีไทยในปี 59 เติบโตที่ 3.2% และไตรมาส 4 เติบโต 3% เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประเมินไว้ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้าที่ปรับดีขึ้นในช่วงปลายปี และการใช้จ่ายในประเทศที่ยังขยายตัวแม้ชะลอลงบ้างจากไตรมาสก่อนจากปัจจัยชั่วคราวในประเทศ

*หุ้นเด่นวันนี้

                - MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 34 บาท กำไรสุทธิ 4Q59 ดีกว่าคาด ทำได้ถึง 483 ล้านบาท +20% Q-Q, +101% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปี +77.5% Y-Y สินเชื่อโตแข็งแกร่งตามฤดูกาลโดย +15% Q-Q, +86% Y-Y โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ขึ้น 7% เป็นเติบโต +46% Y-Y และทำให้ประมาณการการเติบโตของกำไร 3 ปีข้างหน้าเป็นเฉลี่ยปีละ 35%

                - AP (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2560 เติบโต 14% จากโครงการคอนโดที่ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาจากไตรมาส 4/59 จำนวน 8 โครงการ รวมถึงที่จะเสร็จในปีนี้อีก 14 โครงการ คาด dividend yield ที่ 4.4%

                - ANAN (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 5.70 บาท กำไรสุทธิ Q4/59 โตสูงสุดในรอบปี และสูงกว่าประมาณการราว 8% หรือที่ 893 ล้านบาท ทรงตัวจากฐานสูงในปี 58 แต่เพิ่มขึ้น 25%QoQ จากการโอนโครงการร่วมทุน Ideo Q จุฬา-สามย่านดีกว่าคาดทำให้ส่วนแบ่งร่วมทุนพลิกกลับเป็นกำไรไตรมาสแรกสูงถึง 420 ล้านบาท มองปี 60 จะเติบโต 16% จากการรับรู้รายได้โครงการของ ANAN เองและโครงการร่วมทุนที่เริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลาย H2/60 กว่า 10 โครงการ และจ่ายปันผลงวด H2/59 ที่ 0.085 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 09/05/60

                - SUSCO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 5 บาท ล่าสุดกำไร 4Q59 ดีกว่าคาด 43% ที่ 60 ล้านบาท และมองเป็น Growth plays ด้วยกำไร +25% ต่อปีใน 2560-2561 จาก 1) ค่าการตลาดสูง ยอดเติมน้ำมันเพิ่ม 2) ขยายสาขาเชิงรุก 10-15% ต่อปี 3) การเติบโตของรายได้ค่าเช่าในสถานีบริการน้ำมันจาก +28% ต่อปี ขณะที่ Trade Code พร้อมให้แนวต้านระยะสั้น 4.6/4.9 บาท

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก ขณะการซื้อขายซบเซาเหตุตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ

                ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แม้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำ อันเนื่องมาจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ

                ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,242.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด, +0.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,174.11 จุด เพิ่มขึ้น 28.03 จุด, +0.12% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,761.27 จุด เพิ่มขึ้น 8.07 จุด, +0.08% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,712.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, +0.02% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,100.93 จุด เพิ่มขึ้น 4.24 จุด, +0.14%

                ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,085.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด, +0.08% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,267.87 จุด เพิ่มขึ้น 16.79 จุด, +0.09% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,284.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด, +0.05%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 0.10 จุด หลังหุ้น ยูนิลีเวอร์ ร่วงหนัก

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) หลังจากหุ้นยูนิลีเวอร์ร่วงลงอย่างหนัก ภายหลังจากคราฟท์ ไฮนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทอาหารรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศยุติความพยายามที่จะยื่นข้อเสนอซื้อยูนิลีเวอร์

                ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,299.86 จุด ลดลง 0.10 จุด หรือ 0.00%

                หุ้นยูนิลีเวอร์ ดิ่งลง 6.6% ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 หลังจากคราฟท์ ไฮนซ์ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุด ประกาศว่า ทางบริษัทได้ยุติความพยายามที่จะยื่นข้อเสนอซื้อยูนิลีเวอร์แล้ว หลังจากที่ยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากคราฟท์ วงเงิน 1.35 แสนล้านยูโร (1.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 47 ยูโรต่อหุ้น โดยยูนิลีเวอร์ให้เหตุผลว่า ข้อเสนอของคราฟท์ มีมูลค่าต่ำเกินไป และไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะพิจารณาทางด้านการเงิน หรือในด้านยุทธศาสตร์

                ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์เป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภคที่หลากหลาย เช่น ชาลิปตัน, สบู่โดฟ, แอ็กซ์ น้ำหอมระงับกลิ่นกาย และไอสครีมแม็กนั่ม ส่วนคราฟท์ ไฮนซ์ เป็นผู้ผลิตอาหาร ซึ่งรวมถึงซอสมะเขือเทศไฮน์ซ และชีสฟิลาเดลเฟีย

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ จากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สภาขุนนางของอังกฤษจะอภิปรายเพื่อโหวตร่างกฎหมาย Brexit

                อย่างไรก็ตาม หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) พุ่งขึ้น 6.8% หลังจากมีรายงานว่า RBS อาจจะไม่ตัดขายธนาคารวิลเลียม แอนด์ กลิน ซึ่งเป็นธุรกิจธนาคารในเครือของ RBS

                ส่วนหุ้นโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายใหญ่ ทะยานขึ้น 6.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโรลส์-รอยซ์ โดยก่อนหน้านี้หุ้นโรลส์-รอยซ์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในปี 2559 เป็นวงเงินสูงถึง 4 พันล้านปอนด์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้น โรลส์-รอยซ์  พุ่งแรง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโรลส์-รอยซ์ และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาการประชุมรัฐมนตรีคลังในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ ยูโรกรุ๊ป ซึ่งจะทำการทบทวนนโยบายเศรษฐกิจของกรีซ ก่อนที่จะอนุมัติเงินช่วยเหลือครั้งต่อไป

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.2% ปิดที่ 371.04 จุด

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,299.86 จุด ลดลง 0.10 จุด, 0.00% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่  11,827.62 จุด เพิ่มขึ้น 70.60 จุด หรือ +0.60% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,864.99 จุด ลดลง 2.59 จุด หรือ -0.05%

                หุ้นโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายใหญ่ ทะยานขึ้น 6.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโรลส์-รอยซ์ โดยก่อนหน้านี้หุ้นโรลส์-รอยซ์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในปี 2559 เป็นวงเงินสูงถึง 4 พันล้านปอนด์

                หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) พุ่งขึ้น 6.8% หลังจากมีรายงานว่า RBS อาจจะไม่ตัดขายธนาคารวิลเลียม แอนด์ กลิน ซึ่งเป็นธุรกิจธนาคารในเครือของ RBS

                ส่วนหุ้นยูนิลีเวอร์ ร่วงลง 6.6% หลังจากบริษัทคู่แข่งสัญชาติอเมริกันอย่างคราฟท์ ไฮนซ์ ได้ประกาศยุติความพยายามที่จะยื่นข้อเสนอซื้อยูนิลีเวอร์แล้ว หลังจากที่ยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากคราฟท์ วงเงิน 1.35 แสนล้านยูโร (1.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 47 ยูโรต่อหุ้น โดยยูนิลีเวอร์ให้เหตุผลว่า ข้อเสนอของคราฟท์ มีมูลค่าต่ำเกินไป

                นักลงทุนจับตาการประชุมยูโรกรุ๊ปที่กรุงบรัสเซลส์ โดยที่ประชุมจะทำการการทบทวนการปรับนโยบายเศรษฐกิจรอบที่สองของกรีซ และหารือกันเกี่ยวกับการอนุมัติความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งต่อไปให้กับกรีซ มูลค่า 8.6 หมื่นล้านยูโร หรือ 9.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

                การประชุมครั้งนี้ มีขึ้นก่อนที่กรีซจะถึงกำหนดชำระหนี้มูลค่า 7.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. และก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งของเยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็เป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งในฝรั่งเศส โดยผลการสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ต้องการให้นายฟรองซัวส์ ฟิยง อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส วัย 62 ปี ผู้แทนจากพรรค Les Republicains ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส จากข่าวอื้อฉาวที่ว่า เขาได้ว่าจ้างสมาชิกในครอบครัวมาเป็นผู้ช่วยของเขาด้วยการใช้เงินของรัฐจ่ายอัตราค่าตอบแทนที่สูง

                อย่างไรก็ดี นายฟิยงยืนยันว่า เขาจะยังคงอยู่ในการแข่งขันต่อไป แม้ว่าเขาเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาจะถอนตัว หากเขาถูกสอบสวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวดังกล่าว

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการคืนนี้ เนื่องในวันประธานาธิบดี

                ตลาดหุ้นและตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประธานาธิบดี

                ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้น 0.02% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐ

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!